สธ.รับหลังเปิดประเทศ สถานการณ์โควิดรุนแรงขึ้นเล็กน้อย ขอทุกคนเคร่งครัดมาตรการ เตรียมจัดสัปดาห์แห่งการรับวัคซีน จัดทีมฉีดเชิงรุก และอาจใช้มาตรการไปที่สาธารณะต้องแสดงผลฉีดวัคซีน 1 เข็ม เร่งฉีดให้ครบ 100 ล้านโดสสิ้นเดือนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2564 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด ว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปได้กว่า 85 ล้านโดสแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ สธ.ทุกคนตั้งใจจะทำให้ถึง 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ และตั้งใจว่าจะฉีดให้ได้มากที่สุด สำหรับเข็มแรกฉีดไปแล้า 45,374,194 ราย คิดเป็น 63% เข็มที่ 2 ฉีดไปแล้ว 36,855,732 ราย คิดเป็น 51.2% และเข็มที่ 3 ฉีดไปแล้ว 2,782,979 ราย คิดเป็น 3.9%
“สิ่งที่เราจะทำต่อไปคือการเร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด จำนวน 100 ล้านโดส ตามเป้าหมายประเทศ ซึ่งตรงนี้ก็จะต้องร่วมด้วยช่วยกัน อยากให้พวกเรามีส่วนร่วมในการเชิญชวนคนมาฉีดวัคซีน นอกจากป้องกันตัวเองแล้วยังช่วยป้องกันผู้อื่นได้อีกด้วย” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ปัจจุบันมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว 85.01 ล้านโดส จะทำการเร่งฉีดวัคซีนภายใน 16 วัน เป็นจำนวน 13.98 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 จำนวน 5.38 ล้านโดส และเข็มที่ 1 จำนวน 8.60 ล้านโดส สำหรับมาตรการที่จะเร่งรัดให้ประชาชนมาฉีดวัคซีนของทุกภาคส่วนนั้น สธ.จะทำหน้าที่ในการฉีดวัคซีน โดยจัดกิจกรรมสัปดาห์แห่งการฉีดวัคซีนวันที่ 27 พ.ย.-5 ธ.ค. 64 และมีการจัดทีมเชิงรุก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และขยายไปยังแรงงานต่างด้าว
ปลัด สธ.กล่าวด้วยว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.) จะทำหน้าที่ค้นหาเชิงรุกกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และนำมาฉีดวัคซีน กระทรวงการศึกษาธิการ (ศธ.) มหาวิทยาลัย โรงเรียนแพทย์ จะทำการสื่อสาร ทำความเข้าใจ ข้อมูลด้านวัคซีนให้ประชาชนทราบ ในส่วนของภาคเอกชนจะทำการจัดส่วนลดค่าโดยสารรถสาธารณะ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) จะสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้บริหารจัดการกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ให้มาฉีดวัคซีน จูงใจให้ประชาชนมาฉีดวัคซีน และออกประกาศการไปที่สาธารณะจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน
“สุดท้าย ศบค.อยากให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาฉีดวัคซีนมากขึ้น อาจจะมีมาตรการจูงใจต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาฉีดวัคซีน และสุดท้ายถ้าจำเป็นจริงๆ ถ้า ศบค.พิจารณาแล้วการไปทำกิจกรรมต่างๆ ในที่สาธารณะอาจจะต้องมีการแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เพื่อจะให้เกิดความปลอดภัย เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของประชาชนคนนั้นต่อชุมชนเช่นเดียวกัน ดังนั้น อยากจะเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพราะไม่อยากจะออกมาตรการอะไรที่เป็นการบังคับมากเกินไป เพราะถือว่าทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของประเทศในภาวะเช่นนี้” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ส่วนสถานการณ์หลังจากเปิดประเทศ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 อาจทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นบ้างเล็กน้อย ดังนั้น ประเทศไทยต้องอยู่ในความระมัดระวังอย่างมาก
เนื่องจากมี 4 กิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยว การเปิดโรงเรียน เปิดสถานบริการสามารถทาน ร้านอาหารและดื่มแอลกฮออล์ภายในร้านได้ และให้มีการรวมคนได้จำนวนหนึ่ง ฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกันควบคุมป้องกันโรค และพยายามสวมใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า หลังเปิดประเทศมีมาตรการต่างๆ พบผู้ที่เดินทางเข้ามามีการติดเชื้อที่ต่ำมาก แยกเป็นThailand Test & Go 0.07% Sandbox 0.17% Quarantine 0.39% สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นการติดเชื้อต่ำมาก สามารถจัดการได้ ขณะนี้อัตรการติดเชื้อภายในสูงกว่า แสดงถึงการเปิดประเทศเราสามารถควบคุมได้ดี แนวโน้มการติดเชื้อ กทม.มีการฉีดวัคซีนเกือบ 100 % สถานการณ์เป็นไปด้วยดี
จังหวัดอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่ดี ชายแดนใต้ปัจจุบัน สธ.และพื้นที่มีการตั้ง ศบค.ส่วนหน้าควบคุม อยู่ในทิศทางขาลง โดย 4 จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส หลังควบคุมโรค 1 เดือน ขณะนี้เลยจุดสูงสุดแล้ว ทิศทางอยู่ในขาลง
ส่วนพื้นที่อื่นๆ ที่ยังจับตาที่ยังติดเชื้อเป็นระยะ 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ตาก ตรัง พัทลุง และขอนแก่น เมื่อติดตามการควบคุมโรคระยะหนึ่งอยู่ในแนวโน้มขาลง ยกเว้นเชียงใหม่ ยังไม่อยู่ในขาลง ต้องติดตามอีกระยะว่าจะสูงกว่านี้หรือไม่ ส่วนตากก็ทรงตัวกำลังลดลง ภาพรวมหลังมีนโยบายเปิดประเทศ เปิดกิจการกิจรรม เปิดโรงเรียน เปิดให้ดื่มสุราในบางพื้นที่
ขณะนี้ได้ใช้มาตรการเต็มที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและทุกฝ่าย สถานการณ์การติดเชื้อยังเป็นไปทิศทางเส้นสีเขียว เช่นเดียวกับอัตราการเสียชีวิต ต่ำกว่าเส้นที่คาดการณ์ ส่วนหนึ่งมาจากผลการฉีดวัคซีน จึงต้องเร่งฉีดให้ครอบคลุมสำหรับ 6 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ตาก ขอนแก่น ตรัง และพัทลุงนั้น ตอนนี้ 5 จังหวัดสถานการณ์ดีขึ้น พบผู้ติดเชื้อน้อยลง ยกเว้นจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้ภาพรวมยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มอยู่ ไม่ได้ลดลงเหมือนจังหวัดอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ฉากทัศน์ กรณีการระบาด ค่า (R )ลดลงประมาณ 25% เทียบก่อนล็อกดาวน์ ทุกภาคส่วนร่วมมือกับ 4 มาตรการหลักต่อเนื่อง ได้แก่ มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Universal Prevention มาตรการ COVID-Free Area, Zone ,Setting มาตรการคัดกรองด้วย ATK เฝ้าระวังกลุ่มแรงงานต่างด้าว และฉีดวัคซีนโควิด ได้ตามเป้าหมายเดือนต.ค.-ธ.ค.2564
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์โควิด ในตอนนี้ มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตลดลง และต่อให้มีการเปิดประเทศก็พบอัตราการติดเชื้อต่ำ และยังไม่พบการระบาด เพราะ 4 มาตรการหลักเปิดประเทศ คือ V - Vaccine ฉีดครบ ลดป่วยหนัก, U - Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลจากโควิด , C - COVID Free Setting สถานที่บริการพร้อม ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนครบ ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ และ A - ATK (Antigen test kit) พร้อมตรวจเสมอเมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ หรือมีอาการทางเดินหายใจ
ด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการ (ผอ.) กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในสภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่า แต่ละคนมีการตัดสินใจที่แตกต่างกัน ดังนั้น แนวทางที่จะปฏิบัติจะต้องกำหนดให้แตกต่างกัน
“อย่างที่ประเทศออสเตรียประกาศล็อกดาวน์ใหม่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือสิงคโปร์ ที่ออกมาบอกว่าหากติดเชื้อโควิด โดยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ทางภาครัฐจะไม่ออกค่ารักษาพยาบาลให้ ในส่วนของประเทศไทยเองยังไม่ได้มีกำหนดอะไรแบบนี้ เพียงแต่จะเน้นให้เห็นถึงความสำคัญในหลายๆ ประเทศตอนนี้” นพ.เฉวตสรร กล่าว
นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ในส่วนของพื้นที่ต่างๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนสี ฝากให้สถานประกอบการต่างๆ ได้ปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด และขอย้ำว่าแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ความเสี่ยงยังอยู่รอบตัว ขอให้ชักชวนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนไปเข้ารับการฉีดวัคซีน วัคซีนทุกชนิดมีประสิทธิผลดีในการป้องกันการเสียชีวิต และการป่วยหนัก ฉีดแล้วต่อให้ฉีดไปกี่เข็มก็มีโอกาสติดเชื้อได้ เพียงแต่อาการจะไม่รุนแรง
"ขอความร่วมมือ แม้ในชุมชนจะติดเชื้อลดลง ก็ขอให้มาฉีดวัคซีน หากไม่สะดวกในการเดินทาง ขอให้แจ้ง อสม. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อจัดหาบริการให้เข้าถึง เร่งฉีดให้ได้เป้าหมาย 100 ล้านโดสภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ พื้นที่ต่างๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนสี ฝากให้หน่วยงาน สถานประกอบการศึกษามาตรการอย่างเคร่งครัด สถานการณ์ลดในภาพรวม แต่ความเสี่ยงยังอยู่ใกล้ตัว ขอย้ำชักชวนกันมาฉีดวัคซีน" นพ.เฉวตสรร กล่าว
ด้าน นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในส่วนร้านอาหารที่เปิดให้มีการบริโภคแอลกอฮอล์ เล่นดนตรี หลักในการดำเนินการจะพิจารณาว่ามีความเสี่ยง มีรวมกลุ่มสังสรรค์ เต้นรำ หรือไม่ ในส่วนของผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังไม่เปิด ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาหลังปีใหม่เป็นต้นไป
ในส่วน พ.ร.บ.สถานบริการมาตรการต่างๆ ต้องดูสภาพแวดล้อม ควร Clean&safe มีระบบระบายอากาศ พนักงานบริการต้องมีภูมิคุ้มกัน ฉีดวัคซีน ตรวจ ATK ส่วนผู้ประกอบการควรคัดกรองด้วย Thai Safe thai ตรวจทุก 7 วัน ผู้เข้าไปใช้บริการควรรับวัคซีนครบและตรวจ ATK ร้านที่บริโภคแอลกอฮอล์ เวลาดื่มกินอาจปนเปื้อนใช้อุปกรณ์ร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกประเภท งดนั่งดริ๊งค์ ร้องเพลงตามโต๊ะ กำหนดระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/