ศบค.รายงานสถานการณ์โควิดล่าสุด คร่าเด็ก 2 ราย อายุ 9 และ 13 ปี ยังไม่ได้รับวัคซีน ขณะที่ภาพรวมผู้ติดเชื้อทั้งประเทศลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังภาคตะวันตก-4 จังหวัดชายแดนใต้-ภาคเหนือตอนบน หลังยอดป่วยยังไม่ลด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2564 เวลา 12.30 น. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดประจำวันว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,978 ราย และมีผู้เสียชีวิต 62 ราย โดยเป็นผู้สูงอายุ 45 ราย คิดเป็น 73% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 11 ราย คิดเป็น 18% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 91% และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด และมีอาชีพเสี่ยง ทั้งนี้ มีเด็ก 2 ราย วัย 9 ปี จ.สงขลา และวัย 13 ปี จ.ตาก ยังไม่ได้รับวัคซีน เสียชีวิต
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 864 ราย สงขลา 479 ราย เชียงใหม่ 380 ราย ปัตตานี 356 ราย สมุทรปราการ 233 ราย นครศรีธรรมราช 224 ราย ชลบุรี 203 ราย ยะลา 202 ราย นราธิวาส 192 ราย และสุราษฎร์ธานี 183 ราย
ทั้งนี้ในภาพรวมของสถานการณ์การระบาดภายในประเทศ มีทิศทางลดลงเหมือนเดิม โดยสัดส่วนภาพรวมต่างจังหวัดอยู่ที่ 62% ชายแดนใต้ 18% กรุงเทพฯและปริมณฑล 20%
หากจำแนกตามภูมิภาค ตั้งแต่ 1 พ.ค.- 9 พ.ย.2564 พบว่า ในภาคกลางส่วนใหญ่มีทิศทางลดลง แต่มีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง คือ สิงห์บุรี และชัยนาท สำหรับภาคตะวันออกส่วนใหญ่มีทิศทางลงเช่นเดียวกัน ส่วนภาคตะวันตก มีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ภาคใต้ ภูเก็ต และระนอง ยอดผู้ติดเชื้อลดลง ส่วนตรัง สตูล พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานีและพัทลุง สถานการณ์ยังทรงตัว นครศรีธรรมราช ยอดผู้ติดเชื้อลดลงจากจุดสูงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวัง และใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ยังต้องเฝ้าระวังในจังหวัดสงขลาและปัตตานี ในภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง และยังต้องเฝ้าระวังพิษณุโลก และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่เกือบทุกจังหวัดมีแนวโน้มการระบาดลดลง
ด้านผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย เดินทางมาจากรัสเซีย 1 ราย เยอรมนี 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย อินเดีย 1 ราย กัมพูชา 3 ราย และเมียนมา 1 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนโควิดเพิ่ม 792,255 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 239,164 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 520,475 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 32,616 ราย รวมสะสม 81,761,062 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 44,355,673 ราย คิดเป็น 61.6% ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 34,760,830 ราย คิดเป็น 48.3% และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 2,644,559 ราย คิดเป็น 3.7%
เจอคลัสเตอร์ใหม่ในหลายจังหวัด
สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ ในโรงงานและสถานประกอบการ พบในหลายจังหวัด ประกอบด้วย กทม. เพชรบุรี ปราจีนบุรี ราชบุรี เชียงใหม่ สระแก้ว และสุราษฎร์ธานี ขณะที่คลัสเตอร์ตลาด พบที่ กทม. เชียงใหม่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา สุรินทร์ นครสวรรค์ และขอนแก่น ส่วนคลัสเตอร์พิธีกรรมทางศาสนา ทั้งงานบวชและทอดกฐิน พบที่ จ.ยโสธร และร้อยเอ็ด คลัสเตอร์งานศพ พบที่ จ.พะเยา สระแก้ว เชียงใหม่ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี คลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้าง พบที่ จ.เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ลำพูน อุทัยธานี ประจวบคีรีขันธ์ และกาญจนบุรี คลัสเตอร์เรือนจำพบที่ จ.นครราชสีมา กทม. ศรีสะเกษ เชียงใหม่ และสุพรรณบุรี
นักท่องเที่ยวเข้าไทยสะสม 2.8 หมื่น ติดเชื้อ 29 ราย
ส่วนรายงานการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่ 1 พ.ย.2564 มีผู้เดินทางเข้าประเทศรายใหม่ 2,779 ราย รวมสะสม 28,021 ราย จำแนกเป็น Test and Go 17,861 ราย Sandbox 8,831 ราย Quarantine 7 days 401 ราย และ Quarantine 10 days 10 วัน 928 ราย ติดเชื้อใหม่ 3 ราย รวมสะสม 29 ราย คิดเป็นอัตราการติดเชื้อ 0.10%
ทั่วโลกป่วยเพิ่ม 458,142 รวมสะสม 251.55 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 458,142 ราย รวม 251,556,304 ราย อาการหนัก 76,520 ราย หายป่วย 227,755,227 ราย เสียชีวิต 5,079,766 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 72,358 ราย รวม 47,536,536 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,339 ราย รวม 778,316 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 12,331 ราย รวม 34,386,786 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 480 ราย รวม 461,827 ราย บราซิล พบเพิ่ม 10,948 ราย รวม 21,897,025 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 214 ราย รวม 609,816 ราย และไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
ยอดโควิดไทยสะสม 1.96 ล.! ติดเชื้อ 6,978 ตาย 62 ราย
อนึ่งก่อนหน้านี้ เวลา 07.25 น. สำนักข่าวอิศรา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดประเทศไทยประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,978 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,960,610 ราย ขณะที่มีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 2,052 ราย
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,978 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 8 ราย ติดเชื้อในประเทศ 6,970 ราย เป็นผู้ป่วยในเรือนจำ 346 ราย เป็นผู้ป่วยในจังหวัดกรุงเทพและปริมณฑล 1,305 ราย ผู้ป่วยใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ 1,229 รายเป็นผู้ป่วยในจังหวัดอื่น ๆ 4,090 ราย
ส่วนการรักษา มีผู้หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 7,679 ราย ยอดหายป่วยสะสม 1,845,740 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 96,463 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 62 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 19,732 ราย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage