สถานการณ์โควิด 20 ต.ค.64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือ 8,918 ราย รวมป่วยสะสม 1.81 ล้าน หายป่วยกลับบ้าน 10,878 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 79 ราย คร่าทารกวัย 1 เดือน 1 ราย ขณะที่เชียงใหม่ยังคุมไม่อยู่ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้พุ่งขึ้นอันดับ 7 ของประเทศ ศบค.สั่งเฝ้าระวังพื้นที่เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 8,918 ราย ติดเชื้อในประเทศ 8,859 ราย มาจากระบบบริการ 8,195 ราย เกิดจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 664 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 41 ราย และอีก 18 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,811,852 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 3,060 ราย รวมยอดผลบวกสะสมตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.2564 จำนวน 174,027 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 10,878 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสม 1,689,859 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 103,507 ราย โดยเป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 2,728 ราย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 619 ราย และมีผู้เสียชีวิต 79 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 18,486 ราย
"สำหรับตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบวันนี้พบ 2,728 ราย แต่หากเทียบกับวันที่พบผู้ป่วยปอดอักเสบสูงสุดเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา พบ 5,626 ราย และหากดูจำนวนผู้ป่วยใส่ท่อช่วยวันนี้พบ 619 ราย แต่หากเทียบกับวันที่พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจจำนวนมากสุด วันนั้นมีจำนวน 1,172 ราย ถือว่าลดลงมาอย่างมาก" พญ.สุมนี กล่าว
โดยผู้เสียชีวิต 79 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 33 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 16 ราย จังหวัดอื่น 29 ราย และเรือนจำ 1 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 49 ราย คิดเป็น 62% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 23 ราย คิดเป็น 29% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 91% ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตเป็นทารก 1 เดือน 1 ราย และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด และมีอาชีพเสี่ยง
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 1,020 ราย ยะลา 704 ราย ปัตตานี 520 ราย สงขลา 484 ราย สมุทรปราการ 359 ราย ชลบุรี 328 ราย เชียงใหม่ 294 ราย นราธิวาส 284 ราย นครศรีธรรมราช 266 ราย และจันทบุรี 265 ราย
"วันนี้จะเห็นว่าจังหวัดนราธิวาสและนครศรีธรรมราช ยอดผู้ติดเชื้อลดลงจากเมื่อวาน แต่เชียงใหม่จากเดิมที่เคยรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่อันดับ 10 ขณะนี้ขึ้นอันดับ 7 แล้ว จึงต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะพื้นที่เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยมีการติดเชื้อแพร่ระบาดอยู่ที่กาดเมืองใหม่ แรงงานไม้ตัดยาง ร้านอาหาร บ้านพักนักเรียนประจำ และร้านค้า ด้วยจำนวนการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ที่เพิ่มขึ้น จึงขอให้เชียงใหม่มีการใช้ชีวิตและมีมาตรการส่วนบุคคลเข้มงวด" พญ.สุมนี กล่าว
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 18 ราย แบ่งเป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย โปแลนด์ 1 ราย รัสเซีย 2 ราย สเปน 1 ราย เยอรมนี 1 ราย สวีเดน 1 ราย มาเลเซีย 1 ราย และเมียนมา 10 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มเพิ่ม 994,781 โดส เป็นเข็มแรก 474,097 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 485,263 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 35,421 ราย รวมสะสม 67,587,102 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 38,611,193 ราย คิดเป็น 53.6% ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 26,959,785 ราย คิดเป็น 37.4% และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 2,016,124 ราย คิดเป็น 2.8%
ผลรวมการตรวจ ATK เป็นบวกทั้งประเทศ 5.4%
พญ.สุมนี กล่าวถึงผลรวมการตรวจ ATK ทั่วประเทศว่า วันนี้มีตัวเลขอยู่ที่ 5.4% และหากแยกตามเขตสุขภาพ พบว่าจังหวัดที่มีผลตรวจเป็นบวกมากอยู่ในเขตสุขภาพที่ 12 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยผลตรวจเป็นบวกย้อนหลังไป 7 วันจำนวนมากที่สุดอยู่ในจังหวัดนราธิวาส 28.3% ปัตตานี 20.2% ยะลา 19.5% และสงขลา 10.1%
นอกจาก 4 จังหวดชายแดนใต้แล้ว ยังต้องจับตามองจังหวัดอื่นด้วย อย่างเขตสุขภาพที่ 11 ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีค่าเฉลี่ยผลตรวจเป็นบวกย้อนหลังไป 7 วันอยู่ที่ 25.1% และจังหวัดกระบี่อยู่ที่ 10.3% และในเขตสุขภาพที่ 1 ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีค่าเฉลี่ยผลตรวจเป็นบวกย้อนหลังไป 7 วันอยู่ที่ 11.4% และจังหวัดเชียงรายอยู่ที่ 20.8%
เจอคลัสเตอร์งานศพใน 4 จังหวัด
นอกจากนี้ พญ.สุมนี กล่าวถึงคลัสเตอร์งานศพว่า ยังคงพบอย่างต่อเนื่อง กระจายไปทั่วประเทศ โดยในวันนี้พบในจังหวัดเลย อุดรธานี นครศรีธรรมราช และขอนแก่น
สิ่งสำคัญในการจัดงานศพ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการจัดการศพ ขอย้ำให้มีการแยกชุดอาหาร หรือรับอาหารนำกลับไปรับประทานที่บ้าน เพราะจะติดเชื้อได้ต่อเมื่อเราไม่ได้สวมหน้ากอนามัยแล้วทานอาหารร่วมกัน
แผนการฉีดวัคซีนใหม่เดือนนี้
พญ.สุมนี กล่าวถึงการตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิดในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งผ่านมติที่ประชุม ศบค. เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ดังนี้ การตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรทั้งไทยและต่างชาติอย่างน้อย 50% ในระดับจังหวัด และอย่างน้อย 70% ในระดับหนึ่งพื้นที่ COVID Free Area และเพิ่มความครอบคลุมอย่างน้อย 80% สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงมีครรภ์
พร้อมเพิ่มเติมเป้าหมาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศนำร่องการท่องเที่ยว 15 จังหวัด แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะนำร่อง (1-31 ต.ค.2564) ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า) พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) และกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์)
และ 2) ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.2564) ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ระนอง เชียงใหม่ เลย บุรีรัมย์ หนองคาย อุดรธานี ระยอง และตราด
ยะลาฉีดวัคซีนครอบคลุม 50% แล้ว
สำหรับการฉีดวัคซีน แยกตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มที่สำคัญในการรับวัคซีนตอนนี้ เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว คือ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ขณะนี้ฉีดวัคซีนได้ 1,325,527 โดส คิดเป็น 29.5% ซึ่งเป็นตัวเลขเกือบ 1 ใน 4 จากจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนรับวัคซีนทั้งหมด 4,500,000 ราย
ส่วนความครอบคลุมการฉีดวัคซีน แยกตามพื้นที่ พบว่าในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ฉีดวัคซีนเกิน 50% ได้แก่ จังหวัดยะลา และที่ใกล้ 50% ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และสงขลา นอกจากนี้ในกลุ่มผู้สูงอายุ มี 3 จังหวัดที่ฉีดครอบคลุมแล้ว 70% คือ จังหวัดยะลา สงขลา และนราธิวาส ขณะที่ปัตตานีมีความครอบคลุมเกือบ 50% แล้ว
ในจังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ฉีดวัคซีนเกิน 50% ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ กระบี่ พังงาน ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ระนอง เชียงใหม่ ระยอง และตราด และอีก 3 จังหวัดเข้าใกล้ 50% ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย และอุดรธานี ขณะเดียวกันในกลุ่มผู้สูงอายุ ฉีดวัคซีนได้ 70% ได้แก่ กทม. กระบี่ พังงา ชลบุรี และระนอง และอีก 10 จังหวัดใกล้ 70% ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ประจวบครีรีขันธ์ เพชรบุรี เชียงใหม่ เลย บุรีรัมย์ หนองคาย อุดรธานี ระยอง และตราด ทั้งนี้มติที่ประชุม ศบค.ได้เพิ่มการกระจายวัคซีนลงไปยังจังหวัดพื้นที่นำร่องอีก 700,000 โดส
เผย 3 รูปแบบรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ พ.ย.นี้
พญ.สุมนี กล่าวถึงการหารือในที่ประชุม ศบค.เรื่องการเปิดประเทศมีข้อสรุปเบื้อง ดังนี้ ข้อพิจาณาในการเปิดประเทศประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ มาตรการทางสาธารณสุข ภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และความสอดคล้องกับมาตรการเข้าออกประเทศอื่นๆ ขณะที่รูปแบบการเข้าประเทศแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
-
การเข้าสถานที่กักกันตามที่ราชการกำหนด สำหรับผู้ได้รับวัคซีนไม่ครบทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
-
การเข้าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวตามเงื่อนไขที่กำหนดมีเงื่อนไข (แบบแซนด์บ็อกซ์) คือ ไม่จำกัดประเทศ โดยต้องได้รับวัควีนครบ ขณะที่พื้นที่ต้องมีความพร้อม เช่น ความครอบคลุมการได้รับวัคซีน และ สถานการณ์การระบาดที่ควบคุมได้และระบบสาธารณสุขในพื้นที่รองรับได้
-
การเข้าราชอาณาจักรโดยไม่กักตัว โดยมีเงื่อนไขคือต้องได้รับวัคซีนครบ ไม่จำกัดประเทศ ทั้งนี้ในเงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด
สำหรับแนวทางและคุณสมบัติของผู้เดินทางเข้าประเทศประกอบด้วย
-
เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดและมาทางอากาศเท่านั้น
-
มีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม
-
มีผลตรวจยืนยันไม่พบเชื้อโควิด โดยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง
-
ทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 USD
-
มีใบจองที่พัก
-
เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยาน ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นที่กำหนดแบะตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ในวันที่ 0-1
-
เมื่อผลการตรวจหาเชื้อไม่พบเชื้อสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว
ทั่วโลกป่วยเพิ่ม 411,776 รวมสะสม 242.33 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 411,776 ราย รวม 242,331,811 ราย อาการหนัก 78,093 ราย หายป่วย 219,675,340 ราย เสียชีวิต 4,928,899 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 71,809 ราย รวม 45,996,507 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,563 ราย รวม 748,652 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 14,936 ราย รวม 34,108,323 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 199 ราย รวม 452,684 ราย บราซิล พบเพิ่ม 12,969 ราย รวม 21,664,879 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 381 ราย รวม 603,902 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage