โควิดวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,486 ราย รวมป่วยสะสม 1,762,190 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 107,606 ราย ดับเพิ่ม 94 ราย ฉีดวัคซีนวันนี้ 1.03 ล้านโดส เป็นเข็มแรกทะลุ 51% ชายแดนใต้ยังหนัก ยอดติดเชื้อ-ตายสูงกว่า กทม.และปริมณฑล ด้าน ศบค.เผยเตรียมใช้ Thailand Pass ตรวจสอบข้อมูลวัคซีนนักท่องเที่ยว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 10,486 ราย ติดเชื้อในประเทศ 10,277 ราย มาจากระบบบริการ 9,410 ราย เกิดจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 867 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 167 ราย และอีก 42 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,762,190 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) จำนวน 2,192 ราย
หากจำแนกตามพื้นที่ พบว่า กทม.และปริมณฑลมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,768 ราย 4 จังหวัดชายแดนใต้ 2,510 ราย และจังหวัดอื่นๆ 5,999 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 10,711 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสม 1,636,461 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 107,606 ราย โดยเป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,897 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 684 ราย และมีผู้เสียชีวิต 94 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 18,123 ราย
โดยผู้เสียชีวิต 94 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 20 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 21 ราย และจังหวัดอื่น 53 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 72 ราย คิดเป็น 77% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 16 ราย คิดเป็น 17% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 94% ขณะที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และทั้งหมดนี้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด และมีอาชีพเสี่ยง
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 1,054 ราย ยะลา 767 ราย ปัตตานี 644 ราย สงขลา 605 ราย นราธิวาส 494 ราย นครศรีธรรมราช 488 ราย ชลบุรี 434 ราย สมุทรปราการ 379 ราย ราชบุรี 299 ราย และเชียงใหม่ 233 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 42 ราย แบ่งเป็น สวีเดน 34 ราย เยอรมนี 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย โดมินิกัน 1 ราย กัมพูชา 3 ราย และเมียนมา 2 ราย
นอกจากนั้น วันนี้มีผู้ได้รับวัคซีนเพิ่ม 1,034,549 โดส เป็นเข็มแรกเพิ่ม 481,973 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 509,853 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 42,723 ราย รวมฉีดวัคซีนสะสม 63,614,352 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 36,721,779 ราย คิดเป็น 51% ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 25,012,380 ราย คิดเป็น 34.7% และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 1,880,193 ราย คิดเป็น 2.6%
ใต้ระบาดเหมือน'กทม.และปริมณฑล' ย้ำเฝ้าระวัง-สอบสวนโรคให้เร็ว
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการติดเชื้อในจังภาคใต้ด้วยว่า มีรายงานว่าจากการสอบสวนโรค ขณะนี้เริ่มพบผู้ติดเชื้อในแคมป์คนงานจากโรงงาน และมีลักษณะการระบาดแพร่กระจายไปยังครอบครัว และชุมชน ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับ กทม.และปริมณฑล จึงต้องเน้นย้ำไปยังจังหวัดทางภาคใต้ขอให้มีการเฝ้าระวัง สอบสวนโรคให้รวดเร็ว
ส่วนพื้นที่อื่น อย่าง จ.เชียงใหม่ เป็นอีกจังหวัดที่ ศบค.ชุดเล็กมีความเป็นห่วง เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อทั้งในตลาด โรงงาน สถานศึกษา และบ้านพักเด็ก และยังพบผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์ต่างๆ ทั้งแคมป์ก่อสร้างที่ จ.ชลบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์, โรงพยาบาล จ.อุบลราชธานี, งานเลี้ยงเกษียณ จ.ตรัง, งานศพ จ.ขอนแก่น, ค่ายทหาร จ.ชลบุรี, ล้งผลไม้ จ.จันทบุรี และแรงงานไทยเก็บถั่วแระ จ.ลำพูน
"ที่ประชุม ศปก.ศบค.มีความเป็นห่วงในเรื่องการจัดเลี้ยงและการรวมกลุ่ม การทำกิจกรรมตามประเพณี โดยเฉพาะการทอดกฐิน และเทศกาลลอยกระทง ซึ่งสามารถจัดงานได้ แต่มาตรการสาธารณสุขต้องเข้มงวด จึงฝากเน้นย้ำไปที่ประชาชนขอให้เพิ่มความระมัดระวังตัวด้ว" พญ.อภิสมัย กล่าว
สรุปมาตรการ'คลายล็อกดาวน์'พื้นที่สีแดงเข้ม ก่อนเริ่มใช้ 16 ต.ค.
พญ.อภิสมัย สรุปรายงานการปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมโรคโควิด ว่า จากพื้นที่สีแดงเข้มเดิม 29 จังหวัด จะมีการปรับลงมาเหลือ 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสีแดงจาก 37 จังหวัด เหลือ 30 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมสีส้มจาก 11 จังหวัด เป็น 24 จังหวัด ส่วนพื้นที่สีเหลืองและสีเขียวยังไม่มี ทั้งนี้จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ คาดว่าวันนี้จะมีประกาศจากราชกิจจานุเบกษาออกมา
อย่างไรก็ตาม บางจังหวัดมีการติดเชื้อในลักษณะอำเภอ เช่น จ.ตาก จ.นครราชสีมา มีการติดเชื้อในอ.เมือง อ.ปากช่อง ซึ่งต้องกำหนดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถปรับเป็นพื้นที่สีแดงเข้มกว่าที่ ศบค.ประกาศได้ แต่ไม่สามารถปรับลดกว่าที่ ศบค.กำหนดไว้ และขอให้การปรับดังกล่างส่งรายละเอียดมาให้ทางศบค.ด้วย
สำหรับมาตรการพื้นที่สีแดงเข้ม สรุปได้ว่า ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านอาหาร โรงละคร เปิดได้ถึง 22.00 น. แต่การเปิดให้บริการเครื่องเล่น ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนสถานดูแลผู้สูงอายุ แต่เดิมให้เฉพาะผู้อยู่ประจำ เปลี่ยนเป็นรับผู้ที่เดินทางไปกลับได้, ห้ามออกนอกเคหะสถาน เวลา 23.00-03.00 น. และระบบขนส่งสาธารณะปรับเพิ่มความจุได้ตามความสามารถของยานพาหนะ
ส่วนแนวปฎิบัติในศูนย์ประชุม ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม สามารถเปิดให้บริการการประชุมได้ไม่เกิน 500 คน ต้องมีการเว้นระยะห่าง 1 เมตร จัดเลี้ยงอาหารแบบแยกชุด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กำหนดเวลาการประชุมไม่เกิน 2 ชั่วโมง และต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กรณีที่จัดงานเกิน 50 คน ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบหมุนเวียนอากาศ รวมทั้งสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ Covid Free Setting
นอกจากนี้ การปรับมาตรการกิจการกิจกรรมในทุกพื้นที่ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอล เครื่องเล่น ตู้เกม เปิดได้แล้ว แต่ให้แข่งรายบุคคลหรือเป็นคู่เท่านั้น ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังไม่อนุญาตให้เปิด ขณะที่สนามกีฬาเปิดได้ ขยายเวลา 22.00 น. เรื่องของการจัดกิจการรวมกลุ่ม ขยายจำนวนคนได้ ตามระดับของพื้นที่ แต่ต้องยึดหลักการป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล
สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังไม่ให้เปิด ยังต้องขอให้มีการเตรียมการไว้ก่อน คือ พื้นที่สะอาด โปร่งโล่ง ซึ่งในเดือนถัดๆ ไปจะมีการเร่งรัดมาตรการให้มีการเปิดดำเนินการเช่นกัน แต่ ณ ตอนนี้ความเสี่ยงสูง ขอให้เป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงภายในกิจการของท่านด้วย
เตรียมใช้ Thailand Pass ตรวจสอบข้อมูลวัคซีนนักท่องเที่ยว
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงมติที่ประชุม ศบค.เมื่อวานนี้ถึงแผนการเปิดประเทศแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ว่ามี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การเปิดประเทศแบบปลอดภัย, การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มเสี่ยง สถานที่เสี่ยง กลุ่มเปราะบาง, การเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข, การพัฒนาระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารความเสี่ยง และการสร้างกลไกบริหารจัดการแบบบูรณาการ
โดยวางเป้าหมายไว้ 4 เป้าหมาย คือ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการป้องกันโควิด, สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่, ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และเสริมสร้างสังคมและวัฒนธรรมให้ประชาชนกลับมาดำเนินกิจกรรมด้านดังกล่าวได้
ในวันเดียวกันนี้ที่ประชุม ศปก.ศบค.มีการพูดคุยถึงแผนรองรับการเปิดประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องการใช้ Thailand Pass เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้เอกสารสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เดิมใช้ COE จากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข จะพิจารณาร่วมกันที่จะใช้ Thailand Pass ที่สามารถเดินทางได้หากมีการตรวจพบว่าได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้ว หรือมีผลตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง
โดยขณะนี้มี 2 ประเทศที่ได้ส่งฐานข้อมูลการฉีดวัคซีนของประชากรมาแล้ว เมื่อหลังตรวจโดยระบบอิเล็คทรอนิกส์ก็จะสามารถจับคู่กันได้เลยว่าคนที่ลืมเรื่องขอเข้าประเทศไทยคนนี้ มีผลยืนยันการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทางแล้วแน่นอน สามารถกระทำได้ในทันทีก็จะทำให้ขั้นตอนรวดเร็ว มากขึ้น เดิมใช้เวลาต้องขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย 3-6 วัน ลดเหลือ 1-3 วัน ซึ่งจะมีรายละเอียดในเว็ปไซด์กระทรวงสาธารณสุขต่อไป และเรื่องประกันสุขภาพยังเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อเป็นหลักประกันสุขภาพให้กับนักเดินทาง ให้ได้รับการรักษาอย่างปลอดภัย ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมาชี้แจงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
ทั่วโลกป่วยเพิ่ม 442,003 รวมสะสม 240.38 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 442,003 ราย รวม 240,383,902 ราย อาการหนัก 81,173 ราย หายป่วย 217,610,544 ราย เสียชีวิต 4,896,169 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 89,680 ราย รวม 45,639,012 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,654 ราย รวม 741,893 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 17,004 ราย รวม 34,036,684 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 378 ราย รวม 451,847 ราย บราซิล พบเพิ่ม 14,288 ราย รวม 21,612,237 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 558 ราย รวม 602,201 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage