'ส.ส.อนุรักษ์'แถลงข่าวโต้ ป.ป.ช.ด่วนสรุปชี้มูลเรียกทรัพย์อธิบดีกรมฯน้ำบาดาล เผย ป.ป.ช.แถลงข่าวมีเจตนาชี้นำสังคม แต่ไม่ฟังพยานให้ครบถ้วน ยัน เคยถามอธิบดีฯกรมน้ำบาดาลปมสร้างบ่อแพงกว่าราคาตลาดมา 5 รอบแล้วแต่ยังไร้คำตอบ ยัน 'อิศรา' มีข้อมูลเอกชนครบแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่รัฐสภา นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.จังหวัดมุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวกรณีที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่าผิดกรณีเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท จาก นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแลกกับการผ่านงบประมาณ ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/5 รวมถึงกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดย ป.ป.ช. จะส่งคำร้องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาฟ้องดำเนินคดีอาญา ส่วนความผิดทางวินัยและกระทำการฝ่าฝืน มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น ป.ป.ช. จะยื่นฟ้องโดยตรงต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยนายอนุรักษ์กล่าวว่าการกล่าวหาดังกล่าวนั้นเชื่อได้ว่าเป็นการกล่าวหาโดนเลื่อนลอย เป็นความเสียหายต่อวงศ์ตระกูล ซึ่งหลังจากนี้ก็จะในกระบวนการชี้แจงในชั้นศาล ก็เชื่อมั่นว่าศาลจะเปิดโอกาสให้นำโอกาสให้นำพยานมาหักล้างอย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับ ป.ป.ช. ที่มีการเร่งทำสำนวนกันอย่างเร่งรีบและไม่นำพยานหลักฐานของตนเข้ามารับฟัง
นายอนุรักษ์กล่าวต่อว่าที่ผ่านมานั้นตนทำหน้าที่อยู่ในอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ และมีสิทธิที่จะสอบถามถึงหลักเกณฑ์วิธีการขุดเจาะน้ำบาดาล ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของอนุกรรมาธิการฯ เพื่อประโยชน์ทางราชการเท่านั้น
นายอนุรักษ์กล่าวต่อไปว่าจากข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น จึงขอชี้แจง 6 ประเด็นเพื่อแย้งข้อกล่าวหาดังต่อไปนี้
“ประเด็นที่ 1. ป.ป.ช.แถลงข่าวว่าผมได้ถามอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซ้ำไปซ้ำมาว่าเพื่อเปิดทางรับเงิน ผมข้อชี้แจงว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลของบประมาณในช่วงที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นประจำทุกปี และเมื่อผมเป็นอนุกรรมาธิการก็ต้องดูว่าการของบประมาณการนั้นเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบการขุดเจาะน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีราคาสูงกว่าท้องตลาด 10 เท่า ทั้งๆที่ใช้รถก็ของหลวง บุคคล น้ำมัน เบี้ยเลี้ยงก็ของราชการทั้งนั้น ฉะนั้นผมถามว่าการตั้งงบประมาณเกินกว่าท้องตลาด 10 เท่า แบบมันจะเป็นอย่างไร
สมมติผมยกตัวอย่าง กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีบ่อที่เล็กที่สุด ก็คือบ่อละ 3 แสนบาท แต่พอผมไปตรวจสอบดูจากราคาเอกชนก็พบว่ามีราคาขุดจริงอยู่ที่ไม่เกิน 2-3 หมื่นบาท ถ้ารวมราคาเครื่องไฟฟ้าประมาณ 5 หมื่นบาท รวมกันแล้วราคาตลาดก็ไม่น่าจะเกิน 8 หมื่นบาท แต่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลตั้งราคาไว้ที่ 333,800 บาท ผมก็เลยขอแบบแปลนมาเพื่อตรวจสอบ แต่ตั้งแต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้แบบแปลนเลย ก็สงสัยว่าจะหวงไปทำไม และกรณีที่ ป.ป.ช.กล่าวหาว่าผมแถลงแถลงซ้ำไปซ้ำมาเพื่อเปิดทางเรียกรับเงิน ผมต้องเรียนว่าทุกอย่างมีรายงานประชุม มันมีหลักฐานตรวจสอบได้หมด ผมถามเพียงเมื่อไรจะส่งแบบแปลนเรื่องการขุดเจาะน้ำบาดาลมาให้ตรวจสอบ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้”
นายอนุรักษ์กล่าวต่อว่าประเด็นที่ 2. กรณีที่มีการกล่าวาว่าเรียกรับเงินเพื่อเปิดทางแลกกับการผ่านงบประมาณ เรื่องนี้ก็ถือว่าตลกมาก เพราะอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นข้าราชการระดับสูง รู้อยู่แล้วว่าอนุกรรมการทั้งหมด 10 คนนั้นไม่มีอำนาจ กรรมาธิการชุดใหญ่ก็ไม่มีอำนาจ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้าน การลงคะแนนก็เป็นของฝ่ายรัฐบาลที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ “ผมเรียนว่าอำนาจการผ่านงบประมาณนั้นเป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน จะลงมติว่ากรมไหนควรตัด กรมไหนไม่ควรตัด และ ป.ป.ช.ซึ่งมาอ้างว่าผมเรียกรับเงินเพื่อจะแลกกับการผ่านงบประมาณ ผมขอเรียนว่าผมไม่มีอำนาจนั้น ข้อกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง” นายอนุรักษ์กล่าว
ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวต่อถึงประเด็นที่ 3. เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอธิบดีกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็ต้องเรียนว่าส่วนตัวไม่รู้จักกับเขาเลย และที่ผ่านมามีการโต้เถียงมาตลอดว่าตนตรวจสอบอธิบดีละเอียดเกินไปเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเราก็แย้งว่าถ้าเขาตั้งราคามีเหตุผลก็จะไปกลัวเรื่องการตรวจสอบอะไร แต่เขาก็ไม่ให้ถามไม่ให้ตรวจสอบ
“ในวันที่ผมถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงิน ผมส่งเอกสารไปให้อนุกรรมการของ ป.ป.ช. และก็มีการทำแผนผังว่ามีอนุกรรมมาธิการการ (ชุดบูรณาการ)กี่คน สรุปมี 4 คน ทุกคนรู้หมดว่าพูดโทรศัพท์ว่าอย่างไร ในวันนั้นอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลโทรศัพท์มาหาผม แต่ผมไม่รับเพราะเบอร์ไม่รู้จัก แต่ก็มีอนุกรรมการบอกให้รับหน่อยเพราะเป็นเบอร์อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งผมก็ได้โทรกลับไปในภายหลังและได้ทวงถามถึงแบบประมาณการว่าเอาให้ผมได้หรือยัง ซึ่งวันนั้นคือวันที่ 4 ส.ค.2563 และอีกวันก็คือวันที่ 5 ส.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันที่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งระหว่างที่คุยโทรศัพท์ ยังไม่ได้วางสาย ก็มีกรรมาธิการคนหนึ่งซึ่งเป็น ส.ส.ขอโทรศัพท์ไปพูดหน่อย เพราะเขารู้จักกันกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเขาก็เอาโทรศัพท์ผมไปคุยสักพักและเมื่อกรรมาธิการคืนโทรศัพท์กลับมา เขาก็วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ดั้งนั้นประเด็นก็คือคนไม่รู้จักกัน คุยโทรศัพท์กันครั้งแรก คงไม่กล้าที่จะขอเงินเป็นแน่ แม้แต่จะขอยืมเงินก็เป็นเรื่องที่น่าอายมากแล้ว” นายอนุรักษ์กล่าวและย้ำว่านี่เป็นเรื่องที่ผิดวิสัยเป็นอย่างยิ่งที่จะทำการขอเงินเช่นนั้น
"ถ้าหากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลบอกว่ามีคลิปมาเปิดว่าเรียกรับเงิน ผมก็ขอท้าให้เอาคลิปตบทรัพย์ที่ว่านั้นมาเปิดเผยเลย ถ้าเป็นเสียงของผม ผมก็จะขอลาออกทันที"นายอนุรักษ์กล่าว
นายอนุรักษ์กล่าวต่อว่า “ในประเด็นที่ 4.เรื่องการแสดงความบริสุทธิ์ เรื่องนี้ผมพอได้ทราบข้อกล่าวหาจากที่อนุกรรมการไต่สวนของทาง ป.ป.ช.ส่งหนังสือมาถึงผม ระบุข้อกล่าวหาว่าผมเรียกรับเงินเขา 5 ล้านบาท ผมก็ให้ทนายผมแจ้งความดำเนินคดีเขาทันที แต่ในทางกลับกันนับตั้งแต่ที่มีข่าวเรื่องเรียกรับเงิน อธิบดีคนนี้ก็ยังไม่เคยที่จะมาแจ้งความกับผมเลย ข้อสังเกตผมก็คือว่าคุณเป็นข้าราชการระดับสูง ถ้าเขาเรียกรับเงินคุณ ทำไมคุณไม่ไปแจ้งความ จะมาพูดลอยๆ ซึ่งมันทำไม่ได้ ผมจึงสันนิษฐานว่าก็เพราะมันมีการเรียกรับเงินกันจริง เพราะตำรวจเขาจะถามประจักษ์พยานว่ามีไหม สุดท้ายเขาก็ไม่แจ้งความจนถึงทุกวันนี้”
ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวต่อถึงประเด็นที่ 5.ตรงนี้ขอชี้แจงว่าส่วนตัวแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.เลย
“ผมขอเรียนว่าคดีนี้มีอายุความ 20 ปี โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เพราะนั้นเอกสารที่ผมขอไปยังกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็เพื่อจะแสดงว่าผมไม่ได้ผิด ผมมีเอกสาร ผมขอไปแต่ยังไม่ได้ ผมก็ทำหนังสือไปยังอนุกรรมการไต่สวนว่ารอเอกสารจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลอยู่ แต่ยังไม่ได้ แต่อนุกรรมการไม่ฟังผม รีบเร่งสรุปสำนวน เพื่อจะชี้มูลผม ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีความไม่ชอบมาพากล ผมขอเอกสารกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลไปแล้วเป็นจำนวน 5 ครั้ง ขอผ่านระบบสภา ผ่านไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านไปถึงอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าหวงทำไมเรื่องแบบแปลนก่อสร้าง ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าอนุกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมกับผม ไมได้แค่คุยกับพยานปากเดียว แต่เรียกพยาน 3 ปากของฝ่ายผมเข้าไปให้การ ผมเชื่อว่า ป.ป.ช.คงชี้มูลผมไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผมจะดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด”
นายอนุรักษ์กล่าวถึงประเด็นโต้แย้งประเด็นที่ 6 ประเด็นสุดท้าย ซึ่งก็คือกรณีที่ ป.ป.ช.ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 1ต.ค.เรื่องนี้ถือว่าเป็นการชี้นำสังคม และทำให้ตนเสียหายเป็นอย่างยิ่ง ป.ป.ช.นั้นมีอำนาจมากกว่าพนักงานสอบสวนของตำรวจชัดเจนเพราะสามารถนำเรื่องไปฟ้องศาลเองได้ถ้าหากอัยการไม่เห็นควรว่าจะสั่งฟ้อง โดยกรณีการแถลงข่าวดังกล่าวนั้นส่วนตัวเชื่อมั่นว่ามันทำไม่ได้ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจในการออกมาแถลงข่าวชี้นำสังคมในลักษณะเช่นนี้
“มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.รายหนึ่งท้าให้ผมฟ้อง เขาคิดว่าเขามีคนคุ้มครอง ผมก็เรียนว่าผมรับคำท้านั้น และผมจะเชิญท่านไปมุกดาหาร ท่านเอากฎหมายที่คุ้มครองท่านไปด้วยก็แล้วกัน” นายอนุรักษ์กล่าวและอ้างถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรค 2 ซึ่งระบุว่าในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยได้กระทำความผิด จะยังปฏิบัติต่อบุคคลนั้นว่าเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้ ดังนั้นการแถลงข่าวของ ป.ป.ช.จึงได้ถือว่าขัดต่อทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา ดังนั้นหลังจากนี้ก็จะขอไปยัง ป.ป.ช.ให้ช่วยทบทวนมติชี้มูลดังกล่าวด้วย ก็จะถือว่าเป็นการขอบพระคุณยิ่ง และถ้าหากว่ามีใครทำให้ผมเสียหายซึ่งรวมไปถึงสื่อมวลชนนั้น ผมก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่"นายอนุรักษ์กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้สอบถามนายอนุรักษ์เพิ่มเติมว่ากรณีอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลซึ่งไม่ยอมเอกสารมานั้น จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป นายอนุรักษ์กล่าวว่า“ถ้าถามว่าผมจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ผมจะปรึกษากับทีมกฎหมายกันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร ผมขอขอบคุณข้าราชการกรมทรัพยากรน้ำบาดาลคนหนึ่งที่ได้ส่งหลักฐานให้ผม ฉะนั้นผมอยากรู้ว่าแบบแปลนกับที่เขาส่งให้มันเหมือนกันหรือไม่ หากมันเหมือนกันก็ไม่มีอะไร เขาทำถูกต้อง แต่ถ้ามันไม่ถูกต้องตามราคาประมาณการ เขาก็ต้องรับผิดชอบ
ผมขอเรียนว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลไปเจาะน้ำบาดาลทั้งประเทศไม่เคยติดป้ายราคาไว้แม้แต่จุดเดียว ซึ่งตามระเบียบกฎหมายแล้วต้องติดป้ายบอกราคาและติดป้ายเอาไว้ว่าก่อสร้างโดยภาษีประชาชน แต่ว่ากรมนี้ไม่ติดซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากท่านรัฐมนตรี ท่านปลัดกระทรวงก็ไปเปิดงาน ท่านก็เห็น แล้วทำไมไม่สั่งให้ติดป้าย หรือว่ากลัวประชาชนจะรู้ราคาจนตกใจหรือไม่ ซึ่งอีก 15 วันหลังจากนี้ ถ้าผมยังไม่ได้แบบแปลน ผมก็จะมาแถลงแบบนี้อีกว่าผมยังไม่ได้แบบแปลน ผมทราบมาว่าเขามีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาว่าเอกสารชิ้นนี้จะเปิดเผยได้หรือไม่ ผมต้องขอเรียนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย ซึ่งผมก็จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ต่อไป”
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้สอบถามต่อว่าพอจะเปิดเผยชื่อบริษัทเอกชนที่ได้รับสัญญาขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลดังกล่าวได้หรือไม่ นายอนุรักษ์กล่าวว่าสำนักข่าวอิศรามีชื่อหมดแล้ว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage