สถานการณ์โควิด 4 ก.ย.64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าหมื่น เหลือ 9,930 ราย รวมป่วยสะสม 1,647,362 ราย ขณะที่หายป่วย 12,336 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 97 ราย การระบาดใน กทม.-ปริมณฑลมีแนวโน้มติดเชื้อลดลง แต่ตัวเลขภาคใต้พุ่ง ขณะที่พบคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงานใน 3 จว.- กทม.มีติดเชื้อในแคมป์คนงาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 9,930 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อในประเทศ 9,561 ราย มาจากระบบบริการ 8,954 ราย เกิดจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 607 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 362 ราย และอีก 7 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 1,647,362 ราย และมีผู้ป่วยติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 1,743 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 12,336 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสมระลอกใหม่ 1,520,503 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 109,748 ราย โดยเป็นผู้ป่วยอาการหนัก 3,071 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 719 ราย และมีผู้เสียชีวิต 97 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 17,111 ราย
โดยมีผู้เสียชีวิต 97 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 42 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 12 ราย จังหวัดอื่น 42 ราย และเรือนจำ 1 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 64 ราย คิดเป็น 66% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 23 ราย คิดเป็น 24% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90% ขณะเดียวกันพบเสียชีวิตนอกโรงพยาบาล 2 ราย โดย 1 ราย เสียชีวิตก่อนผลพบเชื้อ และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก และอาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 1,137 ราย ยะลา 764 ราย ชลบุรี 594 ราย สงขลา 484 ราย ปัตตานี 406 ราย สมุทรปราการ 382 ราย นราธิวาส 314 ราย นครศรีธรรมราช 313 ราย ราชบุรี 300 ราย และระยอง 297 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพิ่ม 83,168 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 164,888 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 33,014 ราย รวมสะสม 55,150,481 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 32,987,918 ราย คิดเป็น 45.8% ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 20,696,791 ราย คิดเป็น 28.7% และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 1,465,772 ราย คิดเป็น 2%
ภาคใต้ระดมฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง-ร้านอาหารเคร่งครัดมาตรการ
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดในภาพรวมของประเทศว่า สถานการณ์การระบาดในกทม.และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดอื่นๆ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น กราฟยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลง แต่สำหรับ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยอดผู้ติดเชื้อจากสัปดาห์ที่ผ่านมาจากตัวเลข 17% วันนี้พบเพิ่มขึ้นมาเป็น 21%
โดยภาคใต้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ สูงสุดใน 10 อันดับ ถึง 5 จังหวัด คือ ยะลา สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และนครศรีธรรมราช ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิตรวมแล้วอยู่ที่ 27 ราย และกระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงว่า มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเกิดจากการสัมผัสในครอบครัวขึ้นแล้ว และมีรายงานที่ อ.หาดใหญ่ ในสงขลา มีการเปิดร้านอาหารเกินเวลา และลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับในการปฏิบัติมาตรการด้วย
ทั้งนี้หากดูการฉีดวัคซีนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ พบว่า มีการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ครอบคลุม ในนราธิวาส 22.4% ปัตตานี 19.6% ยะลา 28.2% และสงขลา 28.5% ขณะที่การฉีดวัคซีนสะสมในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ พบมีการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ครอบคลุม ในนราธิวาส 29.7% ปัตตานี 22.6% ยะลา 36.1% และสงขลา 41.4% ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 70% อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในจังหวัดดังกล่าวถูกจัดอยู่ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ได้รับจัดสรรวัคซีนเพียงพอ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มศักยภาพ ช่วยระดมค้นหากลุ่มเสี่ยงให้เข้ามารับวัคซีนตามเป้าหมาย
พบคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงานใน 3 จว.- กทม.มีติดเชื้อในแคมป์คนงาน
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า ในวันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงาน 3 จังหวัด คือ ชลบุรี สงขลา สมุทรปราการ และมีรายงานผู้ติดเชื้อสูงขึ้นในเรือนจำที่จังหวัดพัทลุง ส่วน กทม. พบผู้ติดเชื้อที่แคมป์คนงาน กรุงเทพเหนือ กรุงเทพตะวันออก ซึ่งสำนักเขตและสำนักงานโยธาได้เข้าไปดูแลคนงานแล้วมีการสุ่มตรวจเป็นระยะ รวมถึงมีการสุ่มตรวจ 5 ตลาดใน กทม. พบผู้ติดเชื้อ 75 ราย คิดเป็น 5%
แรงงานข้ามชาติเข้าถึงมาตรการดูแลรักษา
สำหรับแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลใดๆ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วง แต่โดยหลักการ แรงงานเพื่อนบ้านเข้ามาทำมาหากินในบ้านเรา เมื่อเขาเจ็บป่วย ก็ต้องให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างถูกต้อง ไม่มีการเลือกปฏิบัติ โดยเน้นว่ากระทรวงสาธารณสุขได้มีการของบกลาง มาเป็นค่าใช้จ่าย แม้เขาจะไม่มีสิทธิเบิก ก็ต้องได้รับการดูแลรักษา
และมีการหารือกับโรงพยาบาลในสังกัดกทม. สมาคม โรงพยาบาลเอกชน สามารถให้แรงงานต่างด้าวไร้สิทธิเข้าถึงกระบวนการรักษาที่ได้มาตรฐาน เมื่อเขาปลอดโรค ปลอดภัย สังคมไทยโดยรวมก็ปลอดภัยด้วย รวมถึงการฉีดวัคซีนให้แรงงานต่างด้าวก็ต้องไม่เลือกปฏิบัติด้วยเช่นกัน คงต้องเน้นย้ำว่า ให้การดูแล เป็นเรื่องของสาธารณสุข ส่วนหากเข้าประเทศมาผิดกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป ทั้งแรงงานและนายจ้าง
จบภารกิจ รพ.สนามนิมิบุตร 160 วัน
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงโรงพยาบาลสนามนิมิบุตร ที่เปิดดำเนินการตั้งแต่ 24 เม.ย. และได้ปิดไปเมื่อ 30 ก.ย. ว่า โรงพยาบาลสนามนิมิบุตรได้ดำเนินภารกิจให้บริการรวมทั้งหมด 160 วัน ทำหน้าที่เป็นศูนย์คัดแยก ประสานการส่งต่อและหลังๆเป็นโรงพยาบาลสนาม ตลอดการดำเนินงานให้บริการผู้ป่วย 12,696 ราย
และมีการเปิดศูนย์ประสานงานโควิดโรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการส่งต่อผู้ป่วย สามารถสแกนคิวอาร์โค้ด โดยขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว
วันพุธนี้จะมีการวางแผนเปิดบ้านเปิดเมือง
พญ.อภิสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า พล.อ.สุพจน์ มาลงนิยม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.) แสดงความเป็นห่วง โดยเน้นย้ำว่าที่กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการใดๆ ออกมา ขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชน หน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการนำเสนอข้อมูล สั้น กระชับ ชัดเจน ปฏิบัติได้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใจและหน่วยงานที่กำกับติดตามสามารถนำไปปฏิบัติได้
ทั้งนี้ ในวันพุธที่ 4 ต.ค.นี้ ผอ.ศปก.ศบค.จะได้ร่วมประชุมกับกระทรวงสาธารณสุขในการวางแผนเรื่องยุทธศาสตร์การดำเนินการ ไม่ใช่เฉพาะการดูแลผู้ป่วยอีกต่อไป แต่นโยบายจะเป็นเรื่องของการเปิดบ้านเปิดเมืองอย่างไร ให้พวกเราทุกพื้นที่ทุกจังหวัดสู่วิถีใหม่ เพื่อกลับมาเปิดกิจการกิจกรรมได้ ภายใต้เงื่อนไขการป้องกันโรค ควบคุมโรค ปลอดภัย ทำให้พี่น้องประชาชนสุขภาพดีด้วย ซึ่งในวันพุธนี้จะรายละเอียดจะนำมาเสนอต่อไป
ทั่วโลกป่วย 303,127 รวมสะสม 235.71 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 26,933 ราย รวม 235,718,694 ราย อาการหนัก 87,005 ราย หายป่วย 212,581,692 ราย เสียชีวิต 4,815,893 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 26,933 ราย รวม 44,518,437 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 259 ราย รวม 719,933 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 21,684 ราย รวม 33,834,243 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 183 ราย รวม 449,029 ราย บราซิล พบเพิ่ม 9,004 ราย รวม 21,468,121 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 237 ราย รวม 597,986 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage