ศบค.พบป่วยใหม่ 14,176 ราย หายป่วย 16,769 ราย เหลือรักษาใน รพ. 142,644 ราย มีผู้เสียชีวิต 228 ราย เป็นผู้สูงอายุ-กลุ่มโรคเสี่ยง 90% ระบุหลังปรับมาตราการ 1 ก.ย. มีแนวโน้มผู้ป่วยลดลง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โควิดประจำวัน ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 14,176 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อในประเทศ 13,654 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและบริการฯ 11,940 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,714 ราย มาจากเรือนจำ 506 ราย และอีก 16 รายเดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,322,519 ราย และมีผู้ป่วยติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) 2,372 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 16,769 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสม 1,166,364 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 142,644 ราย โดยเป็นผู้ป่วยอาการหนัก 4,387 ราย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 960 ราย และมีผู้เสียชีวิต 228 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 13,511 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศที่มีอาการหนักหรือปอดอักเสบ พบว่า ภาพรวม 7 วันของไทย ตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักมีทิศทางลดลง แต่บางจังหวัดยังมีผู้ป่วยที่มีอาการหนักเพิ่มขั้น อาทิ นครปฐม ที่มีผู้ป่วยอาการหนัก 238 ราย ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากวันที่ 1 ก.ย.ที่มีจำนวน 210 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 228 ราย พบสูงสุดใน กทม. 50 ราย และปริมณฑล 5 จังหวัด จำนวน 60 ราย ผู้เสียชีวิตในภาพรวม เป็นชาย 115 ราย หญิง 115 ราย และผู้เสียชีวิต 90% เป็นผู้สูงอายุ 165 ราย ผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง 42 ราย หญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และเด็กเล็กอายุ 0.5-2 ปี จำนวน 3 ราย
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 3,691 ราย สมุทรปราการ 955 ราย ชลบุรี 846 ราย สมุทรสาคร 641 ราย ราชบุรี 528 ราย ระยอง 473 ราย พระนครศรีอยุธยา 388 ราย สงขลา 369 ราย นนทบุรี 362 ราย และนราธิวาส 332 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 16 ราย แบ่งเป็น แคนาดา 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย ตุรกี 1 ราย ฟิลิปปินส์ 2 ราย และพบคนไทยลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติจาก 4 ประเทศ รวม 9 ราย คือ เมียนมา 2 ราย มาเลเซีย 4 ราย ลาว 2 ราย และกัมพูชา 3 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพิ่ม 399,650 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 424,676 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 1,687 ราย รวมสะสม 37,461,284 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 25,954,106 ราย คิดเป็น 36% ของประชากร ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 10,900,001 ราย คิดเป็น 15.1% ของประชากร และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 607,177 ราย
แนวโน้มป่วยลด แต่โรงงาน ตลาด ชุมชนยังพบคลัสเตอร์
นพ.เฉวตสรร กล่าวย้ำว่า แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในภาพรวมยังมีทิศทางที่ลดลง เป็นสัญญาณที่ดี โดยผู้ป่วยใหม่รายใหม่ปัจจุบันอยู่ในต่างจังหวัด 56% อยู่ใน กทม.และปริมณฑล 44%
สำหรับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนคลัสเตอร์ ยังพบว่าเขตสุขภาพที่ 4-6 ที่อยู่ในภาคกลาง โดยโรงงาน หรือแคมป์คนงาน ยังพบการระบาด 318 คลัสเตอร์ , ตลาด ชุมชน ชุมชน ครอบครัว พบการะบาด 131 คลัสเตอร์ , ร้านอาหาร สถานบันเทิง พบการระบาด 3 คลีสเตอร์ , สำนักงาน โรงเรียน สถานศึกษา พบการระบาด 12 คลัสเตอร์
“นอกจากนั้น เรายังพบการระบาดระในวงพนัน วงสุรา พิธีกรรมศาสนา ที่ไปเจอกันในงานแต่งงาน งานศพ และอีกส่วนหนึ่งพบในโรงพยาบาล ทั้งผู้ปฏิบัติงาน บุคลากร และประชาชนที่เกี่ยวข้อง” นพ.เฉวตสรร กล่าว
นพ.เฉวตสรร กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-7 ก.ย.2564 พบว่า กลุ่มผู้สูงอายุใน กทม.ฉีดวัคซีนแล้ว 98.4% ปทุมธานี 70.3% ส่วนจังหวัดที่ฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุมากกว่า 60% ประกอบด้วย สมุทรสาคร 64.4% , ฉะเชิงเทรา 63.9% , ชลบุรี 63.9% , สมุทรปราการ 60.9%
กทม.วางแผนกระจาย ATK 2.4 ล้านชุดให้คน 6 กลุ่ม
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับผลประชุมคณะอนุกรรมการกำกับ ติดตามและประเมินผล มาตรการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในพื้นที่ กทม. ที่ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2564 ระบุว่า การฉีดวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังมีส่วนที่กำชับให้ รพ.เอกชนดำเนินการต่อเนื่องตามแผนที่กำหนด ส่วนหลังจากที่มีการผ่อนคลายเมื่อ 1 ก.ย. ยังคงต้องติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด สื่อสารการเตรียมความพร้อม covid free setting เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมั่นใจในการใช้บริการ นอกจากนั้นยังมีข้อสรุปที่น่าสนใจ 4 เรื่อง ดังนี้
1.เตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนให้เด็ก 12-17 ปี ตามเป้าหมายที่มีอยู่ 4 แสนกว่าคน
2.นอกจากนั้นที่ประชุมยังดำเนินการฉีดวัคซีนในแคมป์ก่อสร้าง สำนักงานประกันสังคม ดำเนินงานตามแผนตั้งแต่ 8 ก.ค.ถึงปัจจุบัน ฉีดวัคซีนแล้ว 606 แคมป์ 61,841 ราย คาดว่าจะแล้วเสร็จ 10 ก.ย. เรื่องนี้การได้ย้ำว่า สำหรับแคมป์ที่ไม่เคร่งครัดปล่อยให้มีการระบาด ควรจะต้องมีมาตรการลงโทษปรับตามกฎหมาย โดยให้สำนักอนามัย กทม.เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อต่อไปหากพบการระบาด
3.การป้องกันควบคุมโรคในตลาดและแรงงาน กทม.ระวังเรื่องนี้มาก พอเห็นแนวโน้มที่ลดลงมาจากจุดสูงสุด ก็อยากจะให้คงแนวทางนี้ต่อไป การเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง แรงงานต่างด้าวในตลาดยังคงมีการสุ่มตรวจ และเฝ้าระวังเพื่อให้แน่ใจว่ามีผู้ติดเชื้อที่เรายังไม่พบอีกหรือไม่
4.เรื่องการตรวจ ATK กทม.ได้ประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติ (สปสช.) จำนวน 2,410,300 ชุด โดยจะมีการกระจายไปสู่ประชาชน 6 กลุ่มเสี่ยง คือ 1) ชุมชนจัดตั้ง 2,016 ชุมชน 2) ตลาด ร้านอาหาร มินิมาร์ท แผงลอย 3) ขนส่งสาธารณะ 4) ครูและโรงเรียนทุกสังกัด 1,351 แห่ง 5) บริการนวด เสริมสวย และ 6.กลุ่มเปราะบาง
“เราจะเห็นว่าแนวโน้มประเทศไทยหลังจากปรับมาตรการตั้งแต่ 1 ก.ย. ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยอยู่ในทิศทางที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง อยากให้ประชาชนดำเนินมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดต่อไป” นพ.เฉวตสรร
สธ.ยันตัวเลขผู้ป่วยลด ไม่ใช่ตรวจน้อยลง
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตที่ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อลดลงเป็นเพราะว่ามีการตรวจน้อยลงหรือไม่ ว่า เราสนับสนุนให้ประชาชนให้เข้าถึงการตรวจอย่างเต็มที่ แต่จะเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้เมื่อผู้ป่วยลดลง คนที่เกี่ยวข้องหรือคนที่สัมผัสก็จะลดลง ดังนั้นผู้ที่จะแสวงหาการตรวจหาเชื้อก็จะลดลง ส่วนการตรวจเชิงรุกเรายังให้ความสำคัญโดยตลอด และติดตามดูว่า อัตราการติดเชื้อสูงขึ้นหรือต่ำลงจนผิดสังเกตหรือไม่ โดย กทม. ยังพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจด้วย ATK 7-10% ส่วนตรวจน้อยหรือไม่ จริงๆ จำนวนน้อยลง เป็นเพราะการระบาดอยู่ในช่วงขาลง
นพ.เฉวตสรร กล่าวด้วยว่า จุดสำคัญของการควบคุมการระบาดในช่วงที่เราผ่านจุดสุงสุดมา ต้องเรียนว่า ช่วงที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก การเจอผู้ป่วยแต่ละจุดเจอเยอะมาก บางทีสอบสวนหาไทม์ไลน์ไม่ชัดเจน ฉะนั้นที่มาการป้องกันตนเองสูงสุดทุกที่ทุกเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องช่วยกันดูแลและให้คำแนะนำกันอย่างเต็มที่
ทั่วโลกป่วยเพิ่ม 519,386 สะสม 222.73 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 519,386 ราย รวม 222,737,866 ราย อาการหนัก 104,636 ราย หายป่วย 199,246,415 ราย เสียชีวิต 4,599,534 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 107,060 ราย รวม 41,206,672 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 815 ราย รวม 669,022 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 38,130 ราย รวม 33,095,450 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 368 ราย รวม 441,443 ราย บราซิล พบเพิ่ม 13,645 ราย รวม 20,913,578 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 342 ราย รวม 584,208 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage