สภาผู้แทนราษฎร ถก ร่าง พ.ร.บ.งบปี 65 พรรคก้าวไกล อัดจัดงบกลาง่ ตีเช็คเปล่าให้นายกฯ 'หมอชลน่าน' จี้ใช้ 1.6 หมื่นล้านบาทซื้อวัคซีน mRNA ขณะที่อภิปรายวันแรก สภาเห็นชอบไปแล้ว 8 มาตรา ผ่านทั้ง 'งบกลาง - กลาโหม'
-----------------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2564 สภาผู้แทนราษฎร มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบานท ในวาระที่ 2 และ 3 ที่มีกำหนดการพิจารณาระหว่างวันที่ 18-20 ส.ค.2564
@ 'ก้าวไกล' อัดงบกลาง ตีเช็คเปล่าให้นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายในมาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง วงเงิน 571,047,326,800 บาท โดยมี กมธ.ขอสงวนความเห็น และมีผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติจำนวนมาก อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายขอปรับลงดงบประมาณลง 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับลดในส่วน รายการที่ 3/1 ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสโคโรนา 2019 เป็นเงิน 16,362 ล้านบาท และ รายการที่ 11 เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ตั้งไว้ 89,000 ล้านบาท ที่พบปัญหาหลายประเด็น เช่น การใช้งบกลาง เป็นการให้อำนาจโดยสมบูรณ์แก่นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบยากลำบาก และการแก้ปัญหาโควิดก็มาเงินกู้อยู่แล้ว ดังนั้นปัญหาอยู่ที่ประสิทธิภาพในการใช้จ่ายมากกว่า
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ข้อมูลสำนักงบประมาณของรัฐสภามีข้อมูลการเบิกจ่ายงบกลางทั้ง 2 รายการถึง มิ.ย.64 รวมระยะเวลา 9 เดือน พบว่าเบิกจ่ายรายการแก้ปัญหาโควิดไปเพียง 23% ส่วนรายการฉุกเฉินหรือจำเป็นเบิกจ่ายไป 3% หรือ 2,743 ล้านบาท นอกจากนั้นเมื่อตรวจสอบในมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) พบว่า งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายแก้ปัญหาโควิด ถูกอนุมัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติซื้อหีบลวดหนามป้องกันชายแดน 393 ล้านบาท , อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ 312 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทำ State Quarantine 1,613 ล้านบาทที่อนุมัติให้สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และพบว่าบางโครงการไม่เกี่ยวข้องกับโควิด อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร 22 ล้านบาท , โครงการสร้างรายได้จากอาชีพประมงแหล่งน้ำชุมชน สำนักงานประมงจังหวัดนครราชสีมา 1.147 ล้านบาท , ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเนินทรายงาม 19.12 ล้านบาท และค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุค่าใช้จ่ายในการพัฒนายกระดับมาตรฐานการให้บริการของบุคลากรท่องเที่ยวไทยเพื่อรองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) 66.68 ล้านบาท เป็นต้น
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า ส่วนงบกลาง รายการเงินสำรองฉุกเฉินจำเป็น อันนี้ก็เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน ชื่อก็บอกว่าควรใช้สำหรับการฉุกเฉินจำเป็นจริงๆ แต่กลับพบว่ามีโครงซ่อมสร้างถนน มากถึง 20 โครงการ เป็นโครงการทำแหล่งน้ำและประปา 250 โครงการ
“การที่เราเพิ่มงบกลางไปอีก 16,000 ล้านบาท เท่ากับว่าเงินสำรองฉุกเฉินจะสามารถมีพื้นที่มากพอที่จะนำไปใช้ทำโครงการอะไรก็ได้ที่อยู่ในอำนาจการเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ เป็นการเซ็นเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรี โดยที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจากรัฐสภาใช่หรือไม่” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
@ ‘หมอชลน่าน’ จี้ใช้งบกลาง 1.6 หมื่นล.ซื้อวัคซีน mRNA
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอให้มีการปรับลดงบกลาง 20% แม้ว่าจะเห็นด้วยกับการจัดสรรงบแปรญัตติ 1.6 หมื่นล้านบาทมาไว้ในรายการแก้ปัญหาโควิด แต่วันนี้จะอภิปรายขอความมั่นผ่านไปยังกรรมาธิการกับสภาผู้แทนราษฎร ว่า ถ้าเห็นชอบตามที่กรรมาธิการเสนอ สิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาในสังคมขณะนี้คือความไม่ไว้วางใจกับผู้ที่จะนำงบประมาณไปใช้ และดีที่สุดขอให้เขียนไปในสิ่งที่สภามอบหมายเลยว่า ต้องเอาไปซื้อวัคซีน mRNA ให้กับประชาชน
“ดีที่สุดหลังจากที่สภารับงบประมาณก้อนนี้ลงงบกลาง เขียนไปในสิ่งที่สภามอบหมายเลยว่าต้องเอาไปซื้อวัคซีน mRNA ให้กับประชาชน เพราะงบกลางเมื่อเดือน ต.ค. ก็สามารถเอาไปใช้ได้ทันที นี่ผมเศร้ามากนะครับ 20 ล้านโดส เพิ่งอนุมัติเงินไปจอง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกมาจะกู้อีก 1 ล้านล้านบาท นั่นแสดงว่า 5 แสนล้านบาท ไม่พอแล้วล่ะ ที่อนุมัติไป เอาไปซื้อ mRNA ครับ ผมขอขีดเส้นใต้ 3 ครั้ง” นพ.ชลน่าน กล่าว
@ นายกฯ - ครม.มีอำนาจโยกงบกลางได้
ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ สงวนคำแปรญัตติให้ปรับลดงบกลางลง 5% โดยเห็นว่างบกลาง เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการของรัฐบาล ให้สามารถใช้งบประมาณได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว ทันต่อเหตุการณ์ ให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง ไม่มีรายละเอียดผลผลิต กิจกรรม ตัวชี้วัด และแผนการใช้จ่ายเงินอย่างชัดเจน ตรวจสอบได้ยากกว่างบประมาณของกระทรวง ทั้งนี้ งบกลางที่สูงถึง 5.9 แสนล้านบาท ทั้งที่ในปี 2548-2550 งบกลางแค่ 1 หมื่นล้านบาทก็วุ่นวาย สภาอภิปรายกันมากมาย เพราะเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของ ครม. ที่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้กลั่นกรอง จึงควรมีน้อยและจำเป็นมากที่สุดในการใช้
นายเกียรติ กล่าวว่า เมื่อไปดูโครงการที่ใช้งบกลาง พบว่า มีเงินเบี้ยบำนาญ 3 แสนกว่าล้านบาท ทั้งที่ควรอยู่ในหน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้จ่ายเรื่องเหล่านี้ เงินสำรอง เงินชดเชย สิ่งเหล่านี้ต้องขอคำตอบว่าเป็นงบกลางได้อย่างไร คำถามจึงมีต่อไปว่า นายกรัฐมนตรี และ ครม.โยกงบเหล่านี้ไปภารกิจอื่นได้หรือไม่ ถ้าตามคำจำกัดความ ถือว่าโยกได้ ไม่ต้องกลับมาหรือฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากนั้นยังพบว่า งบกลาง 5.9 แสนล้านบาทมีมูลค่าเกือบเทียบเท่างบลงทุน 6.5 แสนล้านบาท จึงอยากรู้ว่าหลักคิดของผู้จัดทำงบประมาณคืออะไร
“สิ่งที่จัดมาวันนี้สอดคล้องกับคำนิยามของความเป็นงบกลางอย่างไร งบกลางต้องใช้ได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว ทันต่อเหตุการณ์ งบกลางเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แต่ตอนนี้เราเห็นงบกลางสูงถึงเกือบ 6 แสนล้านบาท เกือบเท่างบลงทุน ผมกังวลจริงๆ ว่าเรื่องนี้กระทบกับความน่าเชื่อกระบวนการงบประมาณของไทย และขอให้ยืนยันด้วยว่า 5.9 แสนล้าบาท วันดีคืนดี โยกได้ด้วย สิ่งที่ระบุไว้ในเอกสารไม่ได้มีความหมายอะไรเลย สามารถโยกไปไหนก็ได้ เป็นไปวัตถุประสงค์หรือตามการดำเนินการของ ครม.และนายกรัฐมนตรี” นายเกียรติ กล่าว
@ กมธ.เสียงข้างมากแจงใช้ 1.6 หมื่นล.สู้โควิด
ขณะที่นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.พลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า เมื่อปีงบประมาณ 2564 เราได้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 18.95% ส่วนปีนี้ลดลงเหลือ 18.70% อยากเรียนว่า งบกลางปีที่แล้ว มีรายการที่ตั้งไว้ดูเรื่องโควิด 4 หมื่นล้านบาท แต่สำหรับปี 2565 ไม่มีรายการนี้ นี่คือเหตุผลความจำเป็นประการแรก
ส่วนรายการฉุกเฉินและจำเป็น ขอเรียนว่าเดิมปี 2564 เราตั้งไว้ 99,000 ล้านบาท ปีนี้ปรับลดลงเหลือ 89,000 ล้านบาท ส่วนเงินข้าราชการ เรื่องการรักษาพยาบาล เงินชดเชยต่างๆ มีอยู่ 6 รายการทั้งหมดพิจารณาปรับลดมาแล้วก่อนที่จะเป็น ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ส่วนนี้เป็นยอดที่ใหญ่เป็นงบใช้ในกรณีฉุกเฉินจำเป็น เงินทดรองราชการ ในสัดส่วน 1 แสนล้านบาท รายการเหล่านี้เรียนว่าเป็นความจำเป็นที่ยังไม่สามารถประเมินหรือกำหนดตัวเลขที่ตายตัวเพื่อกำหนดเป็นงบประมาณในแต่ละส่วนราชการให้กับหน่วยงานต่างๆ ได้ ส่วนเรื่องของเงินสำรองราชการ เรียนว่าในข้อกำหนดต่างๆ มีข้อกำหนดไว้แล้วว่าจะใช้กรณีหรือสถานการณ์ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง การเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติหรือภารกิจเร่งด่วนขอรัฐและการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ขอเรียนว่า กมธ. พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วและเห็นความจำเป็นของสถานการณ์โควิด จึงได้พิจารณาแปรญัตติจากการปรับลด 1.6 หมื่นล้านบาทมาอยู่ในรายการเพื่อเป็นงบกลางในการแก้ไขสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอภิปรายมาตรา 6 นานกว่า 3 ชั่วโมงเศษ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมงบกลาง ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอให้มีการแก้ไข ด้วยมติ 326 ต่อ 52 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 4 จากจำนวนผู้ลงมติ 383 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 20.00 น. ที่ประชุมได้ลงมติ 226 ต่อ 123 งดออกเสียง 0 ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เห็นชอบปรับปรุง มาตรา 8 กระทรวงกลาโหมตามที่ กมธ.เสียงส่วนใหญ่ ที่ได้เสนอปรับลดลงมาเลหือ 9.2 หมื่นล้านบาทจากเดิม 9.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นได้มีการปิดประชุม และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 19 ส.ค. เวลา 09.30 น.
@ 'วรวัจน์'จี้โยกงบเพิ่ม 1.2 แสนล.ให้รัฐบาลทำนโยบายช่วยประชาชน
เมื่อเวลา 11.05 น. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ในฐานะ กมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อย อภิปรายเหตุผลที่ขอสงวนความเห็น มาตรา 4 ว่า การตั้งงบประมาณไว้ 3.1 ล้านล้านบาทถือว่าเป็นปีแรกที่งบประมาณติดลบ จากงบประมาณประจำปี 2564 ที่ตั้งไว้ 3.3 ล้านล้านบาทก่อนปรับลดเหลือ 3.2 ล้านล้านบาทเศษ สำหรับปีนี้ มีการปรับลดงบประมาณในส่วนงบดำเนินงานมากที่สุด ปรับลดลงไปประมาณ 30-40% โดยหน่วยราชการไม่ได้ตั้งงบประมาณเกี่ยวกับโควิดไว้เลย ถือว่าประมาทอย่างยิ่ง เมื่อไปดูงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็มีการตั้งไว้น้อยมาก อาจจะมีการไปซื้ออาวุธเยอะ ทำถนนเยอะ แต่งบประมาณช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีน้อยมาก จึงย้ำว่าเป็นการตั้งงบประมาณด้วยความประมาท ขาดวิสัยทัศน์ แก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ตนจึงได้ขอปรับลดงบประมาณลง 4% ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลนำงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชนและทำตามนโยบายพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
“หากวันนี้ลงมติรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ จะหมายความว่าพรรคการเมืองซีกรัฐบาลจะไม่มีงบประมาณทำตามสัญญาในวันเลือกตั้ง ยกตัวกอย่าง พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายจะทำให้ข้าวหอมมะลิต้องได้ตันละ 1.8 หมื่นบาท แต่ปัจจุบันราคาต่ำกว่าตันละ 1 หมื่นบาท ประชาธิปัตย์ จะให้เงินเด็กแรกเกิด 5,000 บาทในเดือนแรกและได้อีกเดือนละ 1,000 บาทจนอายุ 8 ปี อยู่ตรงไหนครับ ยางพารากิโลกรัมละ 60 บาทก็ไม่ถึง ภูมิใจไทย บอกจะให้เงินอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) 2,500 – 10,000 บาท จึงขอให้มีการปรับลดงบลง 4% หรือประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลนำไปทำตามนโยบายพรรคการเมือง เพราะในงบประมาณไม่ได้ตั้งไว้ ผมจะรอดูว่าท่านจะลงมติอย่างไร หากไม่ปรับลด ท่านกำลังแสดงเจตนาในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง” นายวรวัจน์ กล่าว
@ 'ก้าวไกล'ประสานเสียงรีดไขมัน-ปรับลดอีก 1 แสนล.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในฐานะ กมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อยที่ขอสงวนความเห็น มาตรา 4 ว่า ตนขอให้มีการปรับลดงบประมาณรายจ่ายภาพรวมลง 1 แสนล้านบาท เพื่อให้เหลือ 3 ล้านล้านบาท ร่างกฎหมายบับนี้อยู่ในสภามาครบ 3 เดือนได้ถกเถียงกันในสภาหลายครั้งว่าจะปรับลดงบประมาณอะไรที่ฟุ่มเฟือย และลำบากภาษีประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้าง อาวุธยุทโธปกรณ์ ไปถึงโต๊ะ ตู้ เตียง รถยนต์ ไปถึงผ้าม่าน ถ้าเป็นสุภาษิตไทยก็ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ จนสามารถ่รีดไขมันมาได้ 1.6 หมื่นล้านบาท ส่วนตัวยังเห็นว่าไม่เพียงพอ และเชื่อว่ารีดไขมันได้อีก 3 ประเภท ดังนี้
1.ไขมันที่ไม่ตอบโจทย์ต่อความสำคัญหรือวิกฤตที่ประเทศพบเจอ เป็นไขมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในขณะที่ประเทสต้องการความมั่นทางสุขภาพ คนต้องการวัคซีนไม่ใช่กระสุน กระทรวงกลาโหมที่มีงบตัดได้อีก 3 หมื่นล้านบาท แต่ กมธ.ของเราตัดออกไปได้เพียง 10% หรือ 3,000 ล้านบาท รวมถึงงบความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นปืนตำรวจ ปืนมหาดไทย หรือ big data ของหลายหน่วยาน ทราบหรือไม่ว่า ปืนตำรวจมีการสะสมอาวุธปืนมากขึ้น 600 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้อเพิ่ม
2.ไขมันที่เน้นลงทุนสิ่งก่อสร้าง มากกว่าการลงทุนในชีวิตของคน คือ งบก่อสร้างอาคารสำนักงานจังหวัด บ้านพักข้าราชการ มีประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ตัดไปได้แค่ 1,000 กว่าล้านบาท แต่บัตรคนจนถูกตัด 20,000 ล้านบานท งบประกันสังคมโดนตัด 1.9 หมื่นล้านบาท
3.ไขมันที่เป็นงบที่มีพิรุธ ราคาสูงกว่าท้องตลาดหรือใบเสนอราคาไม่สมบูรณ์ ซึ่งสมาชิกพรรคก้าวไกลจะอภิปรายเป็นรายกระทรวงไป
“ถ้าเรารีดไขมันเหล่านี้ จะสามารถตัดงบประมาณได้อีกหลายหมื่นล้านบาท อาจจะไม่ถึงแสนล้านบาท แต่คิดว่าไปได้อีกไกลเยอะพอสมควร จะประหยัดความฟุ่มเฟือยในประเทศนี้ออกไปได้” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า สำหรับโครงสร้างระดับมหภาค เรารีดไขมันไม่พอ ต้องปรับโครงสร้าง จัดกระดูกรัฐราชการใหม่ ไม่ว่าเราจะรีดภาษีได้เยอะแค่ไหน จะประหยัดงบทำโครงการอย่างไร แต่ก็ทำไทยไม่สามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตได้ เพราะโครงสร้างงบประมาณที่มีความซ้ำซ้อน กระจัดกระจาย ลักหลั่น ไม่ชัดเจน ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมีกรมพระธรรมนูญ กองบัญชาการกองทัพไทยมีสำนักงานพระธรรมนูญทหาร ทั้ง 2 หน่วยงานดูแลกฎหมายให้ทหารทั้งนั้น หรือกรมการเงินกลาโหม กรมการเงินทหาร ก็ดูแลการเงินให้ทหารทั้ง 2 หน่วยงานเพียงแต่แยกกันอยู่เท่านั้นเอง ตรงนี้บุคลากรเพิ่ม ทรัพยากรเพิ่ม หรือกระทรวงคมนาคม ที่มี กรมท่าอากาศยาน บริษัทท่าอากาศยานไทย กรมทางหลวง กรมทางหลวงพิเศษแห่งประเทศไทย จริงๆภารกิจคล้ายคลึงกัน ต่างกันที่หน่วยงานไหนดูแลสนามบินไหน ไม่ได้ประสานงานหรือบูรณาการกัน
“ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสได้เข้าไปเป็นรัฐบาลต้องมีการบริหารจัดการ จัดกระดูกรัฐราชการใหม่ อะไรซ้ำซ้อน ไม่ชัดเจน ต้องจัดออกมาให้เท่ากัน เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่รีดไขมัน แต่ต้องจัดกระดูกไปด้วยในตัว” นายพิธา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.ในสัดส่วนพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอปรับลดงบประมาณอีก 1 แสนล้านบาท คงเหลือ 3 ล้านล้านบาท เพราะไขมันยังรีดได้อีกจำนวนมาก วันนี้รัฐบาลออกแบบให้กู้จนเต็มเพดาน แต่รายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งหลายคนบอกว่าเป้าที่ตั้งไว้คงสูงเกินไป และถ้าจัดเก็บรายได้ไม่ตรงตามเป้า ก็จะเป็นเช่นนี้ถึงปีถัดไป ดังนั้นควรปรับโครงสร้างงบประมาณให้ตอบสนองวิกฤติ อาทิ ค่าใช้จ่ายบุคลากร เงินเดือนข้าราชการ คิดเป็น 40% ของงบประมาณทั้งหมด และคงเพิ่มขึ้นทุกปี หากจัดเก็บรายได้น้อยลงกว่าที่ตั้งไว้ อีกไม่นานสำนักงบประมาณคงจะเสนอปรับลดเงินเดือนบุคลากรภาครัฐ หากยังไม่มีการปรับโครงสร้างงบประมาณ
“ที่ผ่านมาส่วนกลางหวงอำนาจ ไม่กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ โครงการแก้มลิงกว่า 100โครงการของกรมชลประทาน การตัดถนนทางหลวงชนบทของกรมทางหลวงชนบท หรือแม้กระทั่งการเก็บผักตบชวาที่หน่วยงานส่วนกลางไม่ยอมปล่อยมือให้ท้องถิ่นทำ แต่คงไว้ให้กรมต่างๆ 6 กรม ทำงานเก็บผักตบชวา เพราะมีงบต้องเก็บทุกปี” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 224 เสียง ไม่เห็นด้วย 40 เสียง งดออกเสียง 38 เสียง ไม่ลงคะแนน 11 เสียง เห็นด้วยกับ กมธ.ที่ไม่มีการแก้ไข มาตรา 4 ส่งผลให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2565 ยังคงวงเงินไว้ที่ 3.1 ล้านล้านบาท
@ กมธ.เคาะปรับลด 16,362 ล้านบาทโอนเข้างบกลางสู้โควิด
เมื่อเวลา 10.00 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 รายงานสรุปสาระสำคัญการพิจารณา ว่า กมธ.ได้พิจารณามาตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. – 3 ส.ค.2564 ของหน่วยรับงบประมาณ รวม 732 หน่วยรับงบประมาณ โดยได้ปรับลดงบประมาณ 16,362,000,10,100 บาทถ้วน นอกจากจะดูความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และนโยบายสำคัญรัฐบาล ยังคำนึงผลการระบาดของเชื้อโควิด และเรื่องอื่นๆ มาประกอบการพิจารณา อาทิ
1.รายการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยใช้จ่ายการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2564
2.รายการที่สามารถปรับลดเป้าหมายหรือปรับวิธีการดำเนินงานให้เกิดการประหยัด การฝึกอบรม สัมมนา จ้างเหมาบริการ จ้างที่ปรึกษา การประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
3.รายการที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ และคาดว่าไม่สามารถใช้จ่ายได้ทันในปีงบประมาณ 2565 หรือรายการผูกพันงบประมาณเดิมที่ผลการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าวงเงินที่เสนอไว้
4.รายการที่ใช้เงินจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากงบประมาณได้ เช่น เงินนอกงบประมาณ หรือรายได้ที่จัดเก็บเอง และเงินสะสมคงเหลือในหน่วยงานหรือกองทุน
นายอาคม กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มงบประมาณนั้น กมธ.พิจารณาเพิ่มงบประมาณให้กับงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคดรนา 2019 จำนวนทั้งสิ้น 16,362,000,10,100 บาทถ้วน ตามจำนวนที่ปรับลดงบประมาณได้ เพื่อสำรองไว้สำหรับการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากนี้ กมธ.อนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้แก่ เปลี่ยนแปลงงบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมจำนวน 38,893,400 บาทถ้วน ไปเป็นงบประมาณรายจ่าย ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
นายอาคม กล่าวย้ำว่า การพิจารณารายละเอียดงบประมาณ ทั้งการปรับลดและเพิ่มงบประมาณ คณะกรรมาธิการวิสามัญให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความพร้อมและศักยภาพของหน่วยงาน ความซ้ำซ้อน เป้าหมายการดำเนินการ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ภารกิจสำคัญเพื่อรองรับแก้ไขผลกระทบจากโควิด รายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรงเป็นสำคัญ ให้สามารถดำเนินการในกรอบวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท
ข่าวประกอบ :
กมธ.ถกงบฯปี 65 เสร็จสิ้นปรับลด 1.63 หมื่นล.เข้างบกลางสู้โควิด สภาถกต่อ 18-20 ส.ค.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/