สธ.เผยสถานการณ์โควิดไทยยังสูง เสียชีวิตช่วงนี้จะเกิน 200 รายต่อวัน ชี้ตัวเลขการเสียชีวิตของผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังสูง เป็นสาเหตุเน้นย้ำให้ฉีดวัคซีน พร้อมเปิด รพ.สต.-หน่วยฉีดนอกสถานที่ ให้ปชช.เข้าถึงวัคซีนได้ง่าย ยันไม่มีฉีดวัคซีนไฟเซอร์บริจาคให้กลุ่ม VIP หากพบให้โทรแจ้ง สธ.
-----------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โควิดและวัคซีนโควิดประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 21,882 ราย แบ่งเป็น ผูติดเชื้อในกทม.และปริมณฑล 9,120 ราย 4 จังหวัดชายแดนใต้ 939 ราย จังหวัดอื่นๆ 11,572 ราย เรือนจำและที่ต้องขัง 245 ราย และมาจากต่างประเทศ 6 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดทั้งหมด 907,157 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 1,586 ราย
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 4,215 ราย สมุทรสาคร 1,851 ราย สมุทรปราการ 1,523 ราย ชลบุรี 1,457 ราย นนทบุรี 642 ราย สระบุรี 555 ราย อยุธยา 535 ราย นครปฐม 479 ราย นครราชสีมา 443 ราย และฉะเชิงเทรา 433 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 21,106 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสมทั้งหมด 688,881 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 210,943 ราย โดยเป็นผู้ป่วยหนัก 5,615 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,172 ราย ซึ่งเป็นคนในกทม. 362 ราย
และมีผู้เสียชีวิต 209 ราย อยู่ในพื้นที่ กทม. 83 ราย 5 จังหวัดปริมณฑล (สมุทรสาคร นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี) 58 ราย เฉพาะสองพื้นที่รวมเป็น 141 ราย ถือเป็นจำนวนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศ ทั้งนี้จาก ผู้เสียชีวิต 209 ราย แบ่งเป็น ผู้สูงอายุ 137 คน คิดเป็น 66% และผู้มีโรคเรื้อรัง 48 ราย คิดเป็น 23% เมื่อรวมกันจะได้เป็น 89% รวมผู้เสียชีวิตสะสมทั้งหมด 7,551 ราย
โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ประกอบด้วย ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคอ้วน หลอดเลือดสมอง โรคปอดความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต และโรคอ้วน
"จะเห็นได้ว่าตัวเลขของผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง เมื่อรวมกันได้ถึง 89% นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงเน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการป่วยหนักและป่วยรุนแรง" นพ.เฉวตสรร กล่าว
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 6 ราย แบ่งเป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ไต้หวัน 2 ราย มาเลเซีย 2 ราย และเมียนมา 1 ราย
ขณะที่การกระจายฉีดวัคซีนในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 14 ส.ค. 2564 พบว่า มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 17,879,206 ราย คิดเป็น 24.8% ส่วนจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 อยู่ที่ 5,063,672 ราย คิดเป็น 7.0%
หากแยกตามยี่ห้อวัคซีนพบว่า มีผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคแล้ว 11,139,873 ราย, วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 10,080,141 ราย, วัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 1,895,209 ราย และวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 361,646 ราย
@ ยันไม่มีฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่ม VIP หากปชช.พบให้โทรแจ้ง สธ.
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงประเด็นการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกา ว่า ได้มีการกำหนดปริมาณจัดสรรอย่างชัดเจน ยืนยันไม่มีวัคซีนส่วนไหนสูญหาย พร้อมเน้นย้ำว่าไม่มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้สำหรับกลุ่ม VIP อย่างไรก็ตามหากประชาชนเห็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยสามารถรายงานเข้ามาได้ที่ สธ.เพื่อจะได้ทำการตรวจสอบต่อไป
@ เปิดช่องทาง รพ.สต.-ทีมฉีดวัคซีนนอกสถานที่ กระจายวัคซีนให้ปชช.
นพ.เฉวตสรร ยังกล่าวอีกว่า จากมติที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข สธ. มีมติให้เพิ่มการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และหน่วยฉีดนอกสถานที่ ว่า เป็นการให้บริการที่ใกล้บ้าน ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ส่วนในรายละเอียด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเป็นผู้ประกาศข้อกำหนดต่างๆ ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบ
นอกจากนั้นแนวทางการฉีดนอกสถานพยาบาล เป็นการจัดบริการให้วัคซีนโดยทีมบุคลากรทางการแพทย์นอกสถานพยาบาล เช่น วัด โรงเรียน หรืออาคารอเนกประสงค์ ฯลฯ ตามบริบทและสถานการณ์ในพื้นที่หรือเป็นการปฏิบัติงานแบบเชิงรุกให้บริการวัคซีนตามบ้านที่พัก หรือ รถ Mobile โดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละจุด เนื่องจากว่า ต้องมีการจัดบริการที่ได้มาตรฐานและครอบคลุมรอบด้าน
@ ช่วงนี้อัตราการตายจะเกิน 200 รายต่อวัน
อย่างไรก็ตาม นพ.เฉวตสรร กล่าวสรุปสถานการณ์การระบาดของประเทศว่า สถานการณ์การระบาดยังอยู่ในระดับที่สูง และในเรื่องของการเสียชีวิตในช่วงนี้จะเกิน 200 รายต่อวัน แต่เปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม ซึ่งมีการเพิ่มมาตรการในการดูแลให้เกิดการปลอดภัยให้เข้าถึงการตรวจด้วยชุดตรวจATK ที่กำลังเร่งมาตราการเหล่านี้ และเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อให้การฉีดวัคซีนไปถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดสในปีนี้
@ CCRT ลงพื้นที่เพิ่ม 25 ชุมชน พบเชื้อ 124 ฉีดวัคซีนเพิ่ม 1,698 ราย
สำหรับผลการดำเนินงานโดยกลุ่ม CCRT ในพื้นที่ กทม.ระหว่างวันที่ 15 ก.ค.-14 ส.ค.2564 ระบุว่า ลงพื้นที่เพิ่ม 25 ชุมชน รวมสะสม 2,897 ราย ตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit เพิ่มอีกจำนวน 632 ราย พบเชื้อ 124 ราย รวมสะสม 4,098 ราย ส่งเข้าสู่ระบบการรักษาเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ ฉีดวัคซีนแล้ว 1,698 ราย แบ่งเป็น ผู้สูงวัย 492 ราย ผู้บริโภคประจำตัว 1,197 ราย และหญิงตั้งครรภ์ 9 ราย สะสม 110,815 ราย
@ กทม.ฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมกว่า 77.15%
ผลการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในพื้นที่ กทม. ณ วันที่ 1 ส.ค.2564 มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มจำนวน 69,310 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 429 ราย ซิโนฟาร์ม 1,038 ราย แอสตร้าเซนเนก้า 67,957 ราย และไฟเซอร์ 744 ราย
ขณะที่ได้รับเข็ม 2 เพิ่มจำนวน 11,859 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 9 ราย ซิโนฟาร์ม 10,316 ราย แอสตร้าเซนเนก้า 1,221 ราย และไฟเซอร์ 313 ราย
รวมสะสมมีผู้ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.2564 จำนวน 7,334,932 ราย แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 5,939,607 ราย คิดเป็น 77.15% และเข็มที่ 2 จำนวน 1,277,321 ราย คิดเป็น 16,59%
@ พบ 10 คลัสเตอร์ใหม่ กระจาย 5 จังหวัด ติดเชื้อรวม 203 ราย
สำหรับสถานการณ์การระบาดในต่างจังหวัด พบคลัสเตอร์ใหม่ 10 แห่ง กระจาย 5 จังหวัด ติดเชื้อรวม 203 ราย แบ่งเป็น จังหวัดสมุทรสาคร พบคลัสเตอร์ใหม่ใน โรงงานเหล็ก อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อ 20 ราย บริษัทอาหารสัตว์ อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อ 15 ราย บริษัทอาหารทะเล อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อ 17 ราย บริษัทระบบไฟฟ้า อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อ 19 ราย และโรงงานผลิตอาหาร อ.กระทุ่มแบน ติดเชื้อ 32 ราย
จังหวัดนนทบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ในแคมป์ก่อสร้าง อ.เมืองนนทบุรี ติดเชื้อ 26 ราย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบคลัสเตอร์ใหม้ในบริษัทแม่พิมพ์โลหะ อ.อุทัย ติดเชื้อ 19 ราย บริษัทชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ อ.อุทัย ติดเชื้อ 22 ราย จังหวัดราชบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานไก่ อ.บ้านโป่ง ติดเชื้อ 17 ราย และจังหวัดปราจีนบุรี พบคลัสเตอร์ในโรงงานเหล็ก อ.กบินทร์บุรี ติดเชื้อ 16 ราย
@ ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 566,022 รวมสะสม 207.52 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 566,022 ราย รวม 207,524,104 ราย อาการหนัก 106,485 ราย หายป่วย 186,016,731 ราย เสียชีวิต 4,367,074 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 71,135 ราย รวม 37,435,835 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 258 ราย รวม 637,439 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 36,127 ราย รวม 32,191,954 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 491 ราย รวม 431,253 ราย บราซิล พบเพิ่ม 31,142 ราย รวม 20,350,142 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 919 ราย รวม 568,833 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 35 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage