เผยมติ ป.ป.ช. เอกฉันท์ ชี้มูลคดีอาญา 'รณรงค์ ทรัพย์ปรุง' ผอ.กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครตรัง เอารถหลวงไปใช้เสมือนเป็นของส่วนตัว จอดเก็บไว้บ้านพักตลอดโดยไม่มีการขออนุญาต - เบิกค่าน้ำมันมิชอบเดือนละ 100 ลิตร
................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดตรัง ได้เผยแพร่ข่าวมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลความทางอาญากรณีกล่าวหา นายรณรงค์ ทรัพย์ปรุง ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครตรัง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง นำรถยนต์ของทางราชการหมายเลขทะเบียน กง 5459 ตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และเบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวจากทางราชการโดยมิชอบ
โดยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 72/2564 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็น เอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า นายรณรงค์ ทรัพย์ปรุง ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม ได้ใช้อำนาจครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของตนเองโดยมิชอบ แล้วนำรถไปใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไป – กลับ ระหว่างบ้านพักเลขที่ 80/3 ซอย 4 ถนนวิเศษกุล ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง กับสำนักงานเทศบาลนครตรังเป็นประจำทุกวัน เดินทางไปร่วมงานสังคมต่างๆ เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน และงานประเพณีต่างๆ และเดินทางไปบ้านของมารดาของภรรยานายรณรงค์ ทรัพย์ปรุง ที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง บ่อยครั้ง เสมือนว่าเป็นรถส่วนบุคคล
ขณะที่ในการใช้รถยนต์คันดังกล่าว ได้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากเทศบาลนครตรังทุกครั้งเดือนละประมาณ 100 ลิตร อันเป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงของเทศบาลนครตรัง รวมทั้งได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตนเองตลอดมาโดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น และไม่มีการขออนุญาตจากนายกเทศมนตรีนครตรังเพื่อประโยชน์ของตนเอง
การกระทำของนายรณรงค์ ทรัพย์ปรุง ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา127/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา 192
นอกจากนี้ ยังมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดตรัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ พ.ศ.2554ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 5 วรรคสอง และข้อ - วรรคสอง และประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดตรังเรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ.2558 ข้อ 10 วรรคสอง
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายรณรงค์ทรัพย์ปรุง ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.256 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งเทศบาลนครตรัง ดำเนินการทางละเมิดกับนายรณรงค์ ทรัพย์ปรุง เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปด้วย
อย่างไรก็ดี การไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage