สธ.แจงแผนจัดสรร 'วัคซีนไฟเซอร์' โต้ปมหลายโรงพยาบาลวัคซีนขาด ชี้ทยอยส่งเป็นรอบ เหตุการจัดส่งมีรายละเอียด ยันบุคลากรด่านหน้าทุกคนที่เข้าเกณฑ์จะได้รับ ส่วนผู้ที่มีรายชื่อตกหล่นขอให้รวบรวมรายชื่อส่ง สสจ.-สำนักอนามัย-กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
......................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวในประเด็นการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ว่า ในการจัดสรรวัคซีนล็อตแรก เราได้ดำเนินตามแผนตลอด โดยเริ่มส่งวัคซีนให้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.2564 เดินทางไปถึงพื้นที่ในวันที่ 4 ส.ค.2564 และในบางจังหวัดที่มีความพร้อมสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.2564 แล้ว ซึ่งเร็วกว่ากำหนด ที่ควรจะเริ่มในวันที่ 9 ส.ค.2564
นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับบุคลากรการแพทย์ และสำหรับกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน ขอยืนยันว่าบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ประสงค์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จะได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน ขอโปรดอย่ามองว่าเกณฑ์จะเป็นอุปสรรคให้ท่านเข้าไม่ถึง ในหลักวิชาการก็ต้องมีข้อพิจารณาว่ากรณีใดบ้างที่ทางวิชาการมีความเหมาะสมในการฉีด
"ในการดำเนินการต่างๆ ต้องมีความพร้อม ต้องมีการเตรียมตัวที่มั่นใจ เพราะวัคซีนไฟเซอร์ต้องมีการเตรียมการ ต้องมีการเก็บไว้ในที่ที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าวัคซีนอื่น ต้องมีการผสมวัคซีนก่อนใช้งาน มีรายละเอียดเหล่านี้ ซึ่งจะต้องมั่นใจว่าการดำเนินการอยู่ในระดับมาตรฐานของวัคซีนยังอยู่ในสภาพที่ดี ฉีดไปแล้วได้ผลดี"
สำหรับบุคลากรการแพทย์ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ขอให้รวบรวมรายชื่อแล้วส่งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครขอให้รวบรวมรายชื่อส่งไปยังสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร แล้วส่งข้อมูลมายังกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้คลินิกเอกชนในพื้นที่ กทม.สามารถแจ้งได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
นพ.เฉวตสรร กล่าวย้ำอีกว่าวัตถุประสงค์ของการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์บุคลากรการแพทย์จะได้รับทุกราย และในโอกาสต่อจากนี้จะมีการซื้อจัดหา เพิ่มไปอีก วัคซีนจะไม่หายไปไหน มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
สำหรับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลขอนแก่นที่ไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น นพ.เฉวตสรร ชี้แจงว่า ในส่วนของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้มีการจัดส่งไปครบถ้วนแล้ว ส่วนโรงพยาบาลขอนแก่น เราวางแผนแต่แรกแล้วว่าจะจัดส่งเป็นรอบๆ ไม่ใช่การส่งในครั้งเดียว เนื่องจากการจัดส่งครั้งนี้มีรายละเอียด การจัดเก็บ การแช่เย็น และการนำวัคซีนมาผสม จะยากกว่าวัคซีนอื่นๆ
ส่วนในเรื่องของการสำรวจข้อมูล ในช่วงแรกอาจมีบางส่วนตกหล่น และแจ้งเพิ่มเติม ในการส่งครั้งถัดไปจะตรงวัตถุประสงค์มากขึ้น ขออย่าเพิ่งด่วนสรุปและเสียกำลังใจ ย้ำว่าบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าตามเกณฑ์ทุกคนจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์อย่างแน่นอน
โดยเรามีเกณฑ์ 3 แนวทางในการจัดส่งแต่ลงพื้นที่ คือ หากบุคลากรที่จะรับวัคซีนไฟเซอร์ต่ำกว่า 50% จะจัดสรรวัคซีนให้ในจำนวน 50% เต็ม แต่ถ้ามีรายชื่ออยู่ในระหว่าง 50-75% จะจัดสรรวัคซีนให้ตรงตามจำนวนที่ขอมา แต่หากจังหวัดใดมีรายชื่อเกิน 75% ก็จะดำเนินการส่งให้ในเบื้องต้นก่อน 75%
ดังนั้นในจังหวัดที่พบว่าวัคซีนขาด จะอยู่ในส่วนของรายชื่อ ส่งเข้ามาเกิน 75% เมื่อเทียบกับฐานข้อมูล แต่อย่างไรก็ตามวัคซีนที่จัดไปในรอบแรก ข้อมูลอาจจะมีการคลาดเคลื่อน ซึ่งเราได้เตรียมพร้อมที่จะจัดส่งไปเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลที่ยังไม่ได้รับ
@ ยันไม่ผสมน้ำใน 'ไฟเซอร์' ส่วนน้ำเกลือ เป็นสูตรบริษัทผู้ผลิตกำหนด
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงการผสมวัคซีนไฟเซอร์ด้วยว่า การผสมวัคซีน เราผสมด้วยน้ำเกลือ 1.8 ซีซี ฉีดเข้าไปในขวดแล้วกลับขวดไปมา 10 รอบ (ไม่ใช่การเขย่า) ซึ่งเป็นสูตรที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดมา เมื่อผสมเสร็จแล้ว ต้องฉีดให้ได้ภายใน 6 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามรายละเอียดของบริษัทผู้ผลิต ไม่มีการผสมน้ำแต่อย่างใด
@ วันนี้กระจายวัคซีนไฟเซอร์ให้ 13 จว.สีแดงเข้มเพิ่ม ตั้งเป้าให้กลุ่มเสี่ยง
สำหรับวันนี้ได้มีการส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปยัง 13 จังหวัด ได้แก่ กทม. ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี อยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อฉีดเข็มที่ 1 รายใหม่ และในอีก 3 สัปดาห์ จะนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป
สำหรับภาพรวมการฉีดวัคซีน ตั้งแต่ 28 ก.พ.2564 ตอนนี้เราฉีดไปแล้ว 21,171,110 ล้านโดส โดยเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 16,336,743 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 4,566,345 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 268,022 ราย
ทั้งนี้หากดูผลการฉีดวัคซีนสะสมจำแนกตามบริษัทผู้ผลิต พบว่า ขณะนี้เราฉีดวัคซีนซิโนแวค จำนวน 10,269,135 ราย วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 9,230,417 ราย วัคซีนซิโนฟาร์ม 1,541,724 ราย และวัคซีนไฟเซอร์ 129,834 ราย
ส่วนสาเหตุที่ไม่ระดมฉีดวัคซีนทีเดียวเยอะๆ นั้น นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในการบริหารจัดการวัคซีนต้องมีการประเมินด้วยว่าจะมีเพียงพอต่อผู้ที่ต้องมารับวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดวันหรือไม่ เพราะหากระดมฉีดเข็มที่ 1 เต็มกำลัง แต่คนที่ฉีดเข็ม 1 ถึงรอบเวลาต้องฉีดเข็มที่ 2 แต่ไม่มี จะทำให้ขาดตอน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage