ติดเชื้อใหม่ 20,920 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 693,305 ราย รักษาตัวอยู่ใน รพ. 213,910 ราย ตาย 160 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กวัย 12 ปีด้วย ขณะที่คลัสเตอร์ใหม่ผุด 8 แห่ง ใน 5 จังหวัด ติดเชื้อรวม 217 ราย เผยส่ง'ไฟเซอร์'ให้ 12 รพ.เป้าหมาย ทั่วประเทศแล้ว
....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,920 ราย ติดเชื้อในประเทศ 20,650 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 17,312 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 3,338 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 262 ราย และอีก 8 ราย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 693,305 ราย หายป่วยเพิ่ม 17,926 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 213,910 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 4,993 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,058 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 160 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 5,663 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 160 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 106 ราย 4 จังหวัดชายแดนใต้ 7 ราย จังหวัดอื่น 46 ราย เรือนจำและที่ต้องขัง 1 ราย โดยมีอายุระหว่าง 12-95 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ประกอบด้วย HT ไขมันในเลือดสูง โรคปอด ติดเตียง ตั้งครรภ์ ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนอื่นๆ ได้แก่ เพื่อนร่วมงาน และคนข้างบ้าน อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด เข้าไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน และมีอาชีพเสี่ยง เช่น ค้าขาย HCW เช่น พนักงานเปล และระบุได้ไม่ชัดเจน 3
โดย 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 4,140 ราย สมุทรปราการ 1,326 ราย ชลบุรี 1,311 ราย สมุทรสาคร 1,279 ราย นนทบุรี 754 ราย นครราชสีมา 565 ราย สระบุรี 494 ราย ปทุมธานี 463 ราย ฉะเชิงเทรา 449 ราย และพระนครศรีอยุธยา 427 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 8 ราย แบ่งเป็น สหราชอาณาจักร 3 ราย เกาหลีใต้ 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย กัมพูชา 2 ราย และเมียนมา 1 ราย
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า มีการเดินทางเข้าประเทศทางพรมแดนธรรมชาติอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งตั้งแต่เดือน ก.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 44,168 ราย โดยจับได้ที่ชายแดน 30,000 กว่าราย และจับได้ในพื้นที่ชั้นในกว่า 10,000 ราย มีผู้นำพา 411 คน ฝ่ายความมั่นคงกระทรวงกลาโหม จึงฝากไปยังทุกจังหวัดตามแนวชายแดน ขอให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 5 ส.ค.2564 พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 290,616 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 92,991 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 18,961,703 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 14,783,001 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 4,178,702 ราย
"ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ขณะนี้จัดส่งให้กับโรงพยาบาลเป้าหมายแล้ว โดยใน กทม. คือ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ โรงพยาบาลราชวิถี และ สถาบันบำราศนราดูร ส่วนของต่างจังหวัด คือ โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลสมุทรปราการ โรงพยาบาลนครนายก โรงพยาบาลสระบุรี และ โรงพยาบาลระยอง นอกจากนี้จะมีการฉีดให้กลุ่มนักเรียนไทยที่จะเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ โดยสามารถลงทะเบียนผ่านคิวอาร์โค้ด จากนั้นจะมียืนยันเพื่อนัดหมายการฉีดวัคซีนผ่านทางอีเมลและ SMS ไปที่หมายเลขโทรศัพท์ จึงขอให้บุคคลที่ได้รับสิทธิรีบลงทะเบียน" พญ.อภิสมัย กล่าว
@ CCRT ลงพื้นที่เพิ่ม 75 ชุมชน พบเชื้อ 171 ฉีดวัคซีนแล้ว 2,143 ราย
วันนี้ กทม.มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,140 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 169,989 ราย สำหรับผลการดำเนินงานโดยกลุ่ม CCRT ในพื้นที่ กทม.ระหว่างวันที่ 15 ก.ค.-4 ส.ค.2564 ระบุว่า ลงพื้นที่เพิ่ม 75 ชุมชน รวมสะสม 4,403 ราย ตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit เพิ่มอีกจำนวน 2,111 ราย พบเชื้อ 171 ราย รวมสะสม 3,028 ราย ส่งเข้าสู่ระบบการรักษาเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ ฉีดวัคซีนแล้ว 2,143 ราย แบ่งเป็น ผู้สูงวัย 869 ราย ผู้บริโภคประจำตัว 1,273 ราย และหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย สะสม 81,116 ราย
@ กทม.ฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมกว่า 67.87%
สำหรับผลการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดภาพรวมในพื้นที่ กทม. ณ วันที่ 4 ส.ค.2564 มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มจำนวน 39,292 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 9,631 ราย ซิโนฟาร์ม 4,979 ราย และแอสตร้าเซนเนก้า 24,682 ราย
ขณะที่ได้รับเข็ม 2 เพิ่มจำนวน 10,863 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 589 ราย ซิโนฟาร์ม 8,639 ราย และแอสตร้าเซนเนก้า 1,635 ราย
รวมสะสมมีผู้ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.2564 จำนวน 6,444,815 ราย แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 5,225,761 ราย คิดเป็น 67.87% และเข็มที่ 2 จำนวน 1,177,780 ราย คิดเป็น 14.76%
@ พบ 8 คลัสเตอร์ใหม่ กระจาย 5 จังหวัด ติดเชื้อรวม 217 ราย
สำหรับสถานการณ์การระบาดในต่างจังหวัด พบคลัสเตอร์ใหม่ 8 แห่ง กระจาย 5 จังหวัด ติดเชื้อรวม 217 ราย แบ่งเป็น จังหวัดสมุทรปราการ พบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานหล่อโลหะ อ.บางพลี ติดเชื้อ 29 ราย และบริษัทผลิตพรม อ.พระประแดง ติดเชื้อ 12 ราย จังหวัดชลบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ในบริษัทลวดสายไฟ อ.ศรีราชา ติดเชื้อ 18 ราย โรงงานโลหะ อ.เมืองชลบุรี ติดเชื้อ 13 ราย
จังหวัดสมุทรสาคร พบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานห้องเย็น อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อ 63 ราย และบริษัทกล่องกระดาษ อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อ 45 ราย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบคลัสเตอร์ใหม่ในคลังสินค้า อ.วังน้อย ติดเชื้อ 19 ราย และจังหวัดภูเก็ต พบคลัสเตอร์ใหม่ในแพปลา อ.เมืองภูเก็ต ติดเชื้อ 18 ราย
@ แนะค้นหาสถานที่ตรวจหาเชื้อผ่านเว็บ 'koncovid.com'
ทั้งนี้ พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการตรวจค้นหาสถานที่รับตรวจหาเชื้อผ่านเว็บไซต์ koncovid.com ซึ่งสามารถตรวจค้นสถานที่ตรวจหาเชื้อโควิดได้ทั่วประเทศ สามารถค้นได้จากรหัสไปรษณีย์ เมื่อเข้าไปในเว็บไซต์จะเห็นจุดสีต่างๆ สีแดงหมายถึงสถานที่นั้นอาจหยุดให้บริการ ให้บริการเฉพาะการวิจัย หรือปิดไปแล้ว สีเขียวหมายถึงโรงพยาบาลของภาครัฐ เป็นต้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรงพยาบาลเหล่านี้สามารถตรวจได้ แต่เนื่องจากภาระในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการ อาทิ แอดมิท คลอดบุตร ลงพื้นที่ไปช่วยดูแลประชาชน Home Isolation เป็นต้น เกินวันละ 300 รายต่อวัน
รวมถึงแล็บต่างๆ อาจเพิ่งมีการเปลี่ยนบริบทในการตรวหาเชื้อ ซึ่งภายในเว็บไซต์ยังไม่ได้อัพเดต เช่น รับเฉพาะตรวจหาเชื้อภายในโรงงาน รับเฉพาะคนจองคิว เป็นต้น ดังนั้นบางแห่งที่ประชาชนโทรเข้าไป เขาจึงปฏิเสธ จึงขอให้ประชาชนประสานโทรหาโรงพยาบาลหรือแล็บที่จะเข้ารับการตรวจหาเชื้อเสมอ ทั้งนี้สำหรับแล็บใดที่ไม่ปรากฏชื่อภายในเว็บไซต์ดังกล่าว สามารถติดต่อที่เบอร์สำนักเขต 50 เขต
@ เกิดผลลบปลอม 'ATK' ได้ถึง 13% ย้ำตรวจซ้ำอีกใน 3 วัน
สำหรับเกณฑ์การเช็คว่าต้องตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (Antigen Test Kit) พญ.อภิสมัย แนะนำว่า หากมีอาการเหล่านี้ ขอให้รีบตรวจหาเชื้อ คือ ไข้สูง 37.3 องศาเซลเซียสขึ้นไป มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ผู้มารับบริการในโรงพยาบาล เช่น คลอดลูก และผ่าตัด เคยสัมผัสผู้ป่วยโควิด และผู้มีอาชีพเสี่ยง เช่น พ่อค้าแม่ค้า พนักงานขับรถ
"จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค พบว่า ผู้ที่เข้าข่ายเฝ้าระวัง 25% ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดความเสี่ยงสูง 15% และการตรวจเชิงรุก 11% ต่างพบผลเป็นบวก กลุ่มเหล่านี้จำเป็นต้องตรวจ" พญ.อภิสมัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจด้วยชุดตรวจแอนติเจน เจอผลลบปลอมมากถึง 13 % จึงขอเน้นย้ำให้มีการตรวจซ้ำอีกครั้งใน 3 วัน โดยที่ระหว่างรอตรวจซ้ำนั้นต้องกักตัวเอง และเฝ้าสังเกตอาการตนเองอย่างเคร่งครัดด้วย
ทั้งนี้หากตรวจแล้วเจอผลบวก ขอให้โทรแจ้งสายด่วน 1330 ต่อ 14 หรือแสกนคิวอาร์โค้ดภาพด้านล่าง เพียงช่องทางดังกล่าวเท่านั้น เพื่อขอสงวนสาย 1669 เอาไว้สำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
@ ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 683,085 รวมสะสม 200.98 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 683,085 ราย รวม 200,989,081 ราย อาการหนัก 93,601 ราย หายป่วย 180,990,112 ราย เสียชีวิต 4,270,029 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 112,279 ราย รวม 36,176,471 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 656 ราย รวม 631,299 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 42,817 ราย รวม 31,810,782 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 532 ราย รวม 426,321 ราย บราซิล พบเพิ่ม 40,460 ราย รวม 20,026,533 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,118 ราย รวม 559,715 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 40 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage