'ซาอุดิอาระเบีย' อนุมัติ นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนซิโนแวค,ซิโนฟาร์ม 2 โดส +วัคซีนบูสเตอร์จากตะวันตกเดินทางเข้าประเทศได้ไม่ต้องกักตัว ด้าน ม.อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน เผยคนฉีดวัคซีนครบโดสลดเสี่ยงติดโควิดเดลต้าได้ 60%
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าที่ประเทศซาอุดิอาระเบียได้อนุมัติให้มีการเปิดรับผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสไม่ว่าจะเป็นวัคซีนจากบริษัทซิโนแวคหรือวัคซีนจากรัฐวิสาหกิจซิโนฟาร์มเข้าสู่ประเทซาอุดิอาระเบีย ด้วยเงื่อนไขว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจากประเทศจีนดังกล่าวนั้นจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเป็นเข็ม 3 หรือที่เรียกว่าวัคซีนบูสเตอร์ชอต โดยวัคซีนบูสเตอร์ชอตที่ว่านั้นจะเป็นวัคซีนชนิดใดก็ได้ใน 4 ชนิดที่ผลิตโดยชาติตะวันตก ได้แก่วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ วัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นา และวัคซีนจากบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
อนึ่งก่อนหน้านี้นั้นในวันที่ 1 ส.ค. ประเทศซาอุดิอาระเบียได้มีการตั้งเงื่อนไขว่าจะเปิดรับนักเดินทางเข้าประเทศ ถ้าหากนักเดินทางเข้าประเทศเหล่านั้นได้มีการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ วัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นา เป็นจำนวนครบ 2 โดส หรือว่าฉีดวัคซีนจากบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นจำนวนครบ 1 โดสแล้ว
ซึ่งการเปิดประเทศของประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการเปิดประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปิดประเทศเป็นระยะเวลา 17 เดือนอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19
“กระทรวงการท่องเที่ยวได้ประกาศว่าราชอาณาจักรจะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และจะยกเลิกการระงับการเข้าประเทศสำหรับผู้ถือวีซ่านักท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.” สำนักข่าวซาอุดิอาระเบีย (Saudi Press Agency) รายงาน
โดยนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสดังกล่าวนั้นสามารถเข้าสู่ประเทศซาอุดิอาระเบียได้โดยไม่ต้องมีการกักตัวแต่อย่างใด ถ้าหากนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีหลักฐานที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศต้นทาง ว่าได้รับการตรวจสอบว่าปลอดเชื้อโควิดด้วยวิธีการตรวจสอบแบบ PCR (ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอร์) เป็นระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม กรุงงริห์ยาดยังคงไม่ประกาศยกเลิกข้อจำกัดในการทำพิธีอุมเราะห์แต่อย่างใด ซึ่งการทำพิธีอุมเราะห์ดังกล่าวนั้นมักจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดชาวมุสลิมจำนวนกว่าหลายล้านคนให้มาเข้าร่วมพิธีในแต่ละปี
ส่วนสถานการณ์อื่นๆนั้นมีรายงานว่าสำนักข่าวรอยเตอร์สได้เปิดผลการศึกษาจากวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London) จากสหราชอาณาจักรชี้ว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถลดความเสี่ยงในการติดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาประมาณ 50% ถึง 60% และมีโอกาสติดโควิด-19 น้อยกว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 3 เท่า
การศึกษาดังกล่าวได้ทำการตรวจหาเชื้อในกลุ่มตัวอย่าง 98,233 คนระหว่างวันที่ 24 มิถุนายนถึง 12 กรกฎาคม ในจำนวนนี้พบว่า 527 คนมีผลตรวจเป็นบวกหรือคิดเป็น 0.63% และทั้งหมดติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าผู้ที่รับวัคซีนครบโดสแล้วถึง 3 เท่าด้วยสัดส่วนผู้ติดเชื้อ 1.21% และ 0.40% ตามลำดับ
นอกจากนี้งานวิจัยระบุว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมีโอกาสมีผลตรวจเป็นบวกหลังสัมผัสกับผู้ติดเชื้อน้อยกว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วยสัดส่วน 3.84% และ 7.23% ตามลำดับ
รวมถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วหากติดเชื้อจะมีโอกาสแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นน้อยกว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนถึง 2 เท่า
นักวิจัยจึงประเมินว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประมาณ 50% ถึง 60% โดยมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยอื่นๆ เช่น สุขภาพร่างกาย และอายุ
โดยผลการศึกษาพบว่าสัดส่วนของการติดเชื้อในกลุ่มคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 13 ถึง 24 ปีอยู่ที่ 1.56% หรือ 1 ใน 65 ขณะที่สัดส่วนการติดเชื้อของผู้ที่อายุ 75 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 0.17% นอกจากนี้การศึกษายังพบว่าคนผิวดำมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงกว่าคนผิวขาวเล็กน้อยอยู่ที่ 1.21% และ 0.59% ตามลำดับ