ศบค.เคาะล็อกดาวน์ต่อ 14 วัน ก่อนจะพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค.64 หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจยืดถึง 31 ส.ค.64 พร้อมมีมติเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จว. อนุญาตร้านอาหารในห้างสรรสินค้า ขายอาหารแบบเดลิเวอรี่ได้ ส่วนแคมป์คนงานเปิดได้ แต่ต้องคุมเข้มมาตรการ Bubble and Seal
---------------------------------------------------------------
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2564 เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) คณะใหญ่ โดยมีวาระสำคัญเพื่อพิจารณาการขยายเวลาล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวดต่อไปอีก 14 วัน เพื่อลดการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ศบค. เปิดเผยว่า นอกจากข้อเสนอให้มีการขยายเวลามาตรการต่อไปอีก 14 วันแล้ว ที่ประชุม ศบค.วันนี้ยังจะมีการพิจารณาข้อเสนอการเพิ่มจำนวนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิมที่มีอยู่ 13 จังหวัด เพิ่มเป็น 25-30 จังหวัด โดยข้อเสนอดังกล่าวเป็นการพิจารณาหลักเกณฑ์พื้นที่ที่พบการระบาดเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่วนมาตรการการคุมเข้มในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม
ล่าสุด เวลา 17.00 น. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กล่าวถึงผลการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) คณะใหญ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ที่ประชุมมีมติมติยกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร และการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดทั้งในครัวเรือน สถานประกอบการและการระบาดในวงกว้าง และลดการเสียชีวิต ผู้ป่วยอาการหนักให้อยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้
โดยที่ประชุมได้ขยาย พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง
พื้นที่ควบคุมสูงสุด จากเดิม 53 จังหวัด ปรับลดเหลือ 37 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมมราช นครสวรรค์ บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
พื้นที่ควบคุม จากเดิม 10 จังหวัด ปรับเพิ่มเป็น 11 จังหวัด กระบี่ จังหวัดนครพนม จังหวัดน่าน จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดพะเยา จังหวัดพังงา จังหวัดแพร่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศบค.ปรับมาตรการคุมโควิดตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อย ดังนี้
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ให้เลี่ยง หรืองดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก โดยไม่จำเป็น ห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00น. งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด ให้ตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัด ห้ามจัดกิจกรรมรวมกันมากกว่า 5 คน
ส่วนร้านอาหารให้ขายเฉพาะซื้อกลับบ้าน เปิดได้ไม่เกิน 20.00น. ห้างสรรพสินค้า เปิดให้บริการได้เฉพาะร้านอาหารหรือเครื่องดื่มแบบเดลิเวอรี่ ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ และซูเปอร์มาเก็ตเปิดได้ไม่เกิน 20.00น. สถานศึกษาให้ใช้อาคารสถานที่ เพื่อจัดการเรียนการสอนที่มีการรวมคนจำนวนมาก ตามมาตรการที่กำหนด ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม และสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬาให้ปิดไว้ก่อน
พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ให้ตั้งด่านตรวจ เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน ร้านอาหาร ให้บริโภคในร้านได้ไม่เกิน 23.00น. โดยให้งดจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน ห้างสรรพสินค้าเปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติ แต่ให้จำกัดจำนวนคนและงดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย สถานศึกษาให้ใช้อาคารสถานที่ เพื่อจัดการเรียนการสอนที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการจังหวัด ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงามสามารถเปิดได้ตามปกติ และสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดบริการได้ทุกประเภทไม่เกิน 21.00น. และจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ไม่มีการจำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน ร้านอาหาร เปิดให้บริโภคในร้านได้ตามปกติ โดยให้งดจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ให้ปิดในส่วนเครื่องเกมและสวนสนุก สถานศึกษา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงามสามารถเปิดได้ตามปกติ และสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติทุกประเภท และให้จัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
โดยในทุกระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อย ต้องมีมาตรการ สวมหน้ากากอนามัยทั่วราชอาณาจักร และปิดสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกัน
พร้อมไฟเขียวให้เปิดโรงงาน แคมป์คนงาน และบริษัทได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันควบคุมโรคเฉพาะพื้นที่ หรือ Bubble and Seal โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติมาตรการทุกพื้นที่อย่างครอบคลุม แม้จะไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อ
ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ออกหลักการในการทำ Bubble and Seal ว่า กรณีอยู่ในที่พักเดียวกับสถานที่ทำงานให้จัดกลุ่มและแยกที่พัก แต่ถ้าหากไม่สามารถแยกได้ ควรแยกของใช้และไม่ควรรับประทานอาหารร่วมกัน กรณีพักอาศัยอยู่ในชุมชน สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวได้ ขณะเดียวกันให้สถานประกอบการจัดหายานพาหนะแยกตามกลุ่ม Bubble เพื่อไปส่งยังที่พัก โดยไม่มีการแวะพัก แต่กรณีไม่มีรถรับส่ง ให้จัดที่พักใกล้ๆ เพื่อเดินไปเดินมาโดยควบคุมได้ และกรณีต้องเดินทางโดยการขนส่งสาธารณะ ให้เคร่งครัด DMH หลีกเลี่ยงคนแออัด
ทั้งนี้ การยกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร และการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด มีผลตั้งแต่วันที่ 3 - 18 ส.ค.2564 และจะมีการพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค.2564 หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจยืดไปจนถึง 31 ส.ค.2564
@ เปิดแผนจัดสรรไฟเซอร์จากสหรัฐฯ 1.5 ล้านโดส
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงแผนการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับจากสหรัฐอเมริหาร 1.5 ล้านโดส ว่า จะจัดสรรให้บุคลากรด่านหน้าไม่เพียงแต่แพทย์ผู้ดูแลระบบทางเดินหายใจ อายุรแพทย์ หรือหูคอจมูก จะรวมไปถึงกุมารแพทย์ รังสีแพทย์ ทันตแพทย์ หรือแพทย์ฉุกเฉินด้วย จำนวน 700,000 โดส กระจายทั่วประเทศ ทั้งนี้จะต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้วอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และยังไม่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
ซึ่งจากผลสำรวจความต้องการรับวัคซีนเข็มสามของปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มีแพทย์ที่ต้องการรับวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 400,000 ราย และในจำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้วประมาณ 100,000 ราย
นอกจากนี้จะจัดสรรให้ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากโควิด 322,500 ราย ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย กลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตและผู้เดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟซอร์ 75,000 ราย ทำการศึกษา 2,500 ราย และสำรองส่วนกลางสำหรับการตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ 1,725 ราย
ข่าวประกอบ :
ศบค.เตรียมประชุม 1 ส.ค.จ่อขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มอีก 14 วัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/