อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงปมจดหมายแอสตร้าฯ มีการเจรจากับบริษัททุกเดือน ชี้ตัวเลข 3 ล้านโดสมาจากการประชุมไม่เป็นทางการเมื่อ ก.ย.63 โดยทำหนังสือแจ้งบริษัทฯ ช่วง เม.ย.64 มีศักยภาพฉีดได้ 10 ล้านโดสแล้ว พร้อมเผยก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในไทยจะมีส่งให้ต่างประเทศ เพิ่งรู้วันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา
.................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวชี้แจงผ่านระบบออนไลน์ กรณีมีการเปิดเผยจดหมายบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขไทยเคยแจ้งแค่ต้องการเดือนละ 3 ล้านโดสต่อเดือน ว่า จดหมายดังกล่าวเป็นหนังสือที่บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ส่งมาขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่ได้สนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้บริษัทฯสามารถผลิตวัคซีนส่งออกไปได้ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาเซียน หรือนอกภูมิภาค อย่างมัลดีฟส์ ไต้หวัน รวม 8 ประเทศ
ภายในจดหมายดังกล่าวยังรายงานอีกด้วยว่ากำหนดการส่งวัคซีนที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ จะส่งวัคซีนให้ไทยในเดือน มิ.ย.2564 แต่ทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าได้หาวัคซีนให้เราล่วงหน้าตั้งแต่เดือน ก.พ.2564
โดยมีรายละเอียดการส่งวัคซีนดังนี้ วันที่ 28 ก.พ.ได้จำนวน 117,300 โดส วันที่ 28 พ.ค. ได้จำนวน 242,100 โดส วันที่ 4 มิ.ย.ได้จำนวน 1,787,100 โดส วันที่ 16 มิ.ย. ได้จำนวน 610,000 โดส วันที่ 18 มิ.ย. ได้จำนวน 970,000 โดส วันที่ 23 มิ.ย. ได้จำนวน 593,300 โดส วันที่ 25 มิ.ย. ได้จำนวน 323,600 โดส วันที่ 30 มิ.ย. ได้จำนวน 846,000 โดส วันที่ 3 ก.ค. ได้จำนวน 590,000 โดส วันที่ 9 ก.ค. ได้จำนวน 555,400 โดส วันที่ 12 ก.ค. ได้จำนวน 1,053,000 โดส และวันที่ 16 ก.ค. ได้จำนวน 505,700 โดส รวมทั้งสิ้น 8,193,500 โดส
สำหรับไทม์ไลน์การจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้น นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า เริ่มตั้งแต่พบโควิดในจีน โดยไทยพบนักท่องเที่ยวชาวจีนจากอู่ฮั่นในเดือน ม.ค.2563 ต่อมาการระบาดเพิ่มขึ้นจึงมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 25 มี.ค.2563 จากนั้นคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบแผน blueprint การเข้าถึงวัคซีนในวันที่ 22 เม.ย.2563 เห็นได้ว่าเราดำเนินการเรื่องนี้มาปีก่อน ตั้งแต่การระบาดแรกๆ ตอนเม.ย.2563 ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 24 ส.ค.2563 กระทรวงสาธารณสุขลงนามสนับสนุนถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ให้ผู้ผลิตในประเทศไทย ทำให้เรามีแหล่งผลิตในประเทศไทย จากนั้นวันที่ 23 ก.ย.2563 คณะกรรมการการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนฯ เห็นชอบแผนจัดหาวัคซีนเบื้องต้น
วันที่ 9 ต.ค.2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศเรื่องการจัดหาวัคซีนในกรณีมีเหตุฉุกเฉินฯ วันที่ 17 พ.ย.2563 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าล่วงหน้า 26 ล้านโดส จากนั้น 27 พ.ย.2563 ลงนามในสัญญา 3 ฝ่าย ที่ทำเนียบรัฐบาล คือ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทย สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค และวันที่ 5 ม.ค. 2564 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบสั่งเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส
กระทั่งวันที่ 20 ม.ค.2564 อย.ขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ใช้ได้ในภาวะฉุกเฉิน วันที่ 23 ก.พ.2564 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแก้ไขสัญญาจองซื้อวัคซีนจากเดิม 26 ล้านโดส เพิ่ม 35 ล้านโดส เป็น 61 ล้านโดส ต่อมาวันที่ 2 มี.ค.2564 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบวงเงิน ซึ่งกรมควบคุมโรคก็มีการเจรจาแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมจาก 26 ล้านโดส เพิ่มอีก 35 ล้านโดส โดยประสานกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทย จากนั้นวันที่ 25 มี.ค.2564 ส่งสัญญาที่ลงนามโดยกรมควบคุมโรค ให้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทย
"หากดูไทม์ไลน์การจัดหาวัคซีนจะเห็นว่า เราได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและใช้เวลาพอสมควร และการลงนามสัญญาการจองวัคซีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.2563 ซึ่งตอนนั้นการผลิตวัคซีนยังไม่สามารถทำได้แม้แต่ขวดเดียว ดังนั้นในการทำสัญญาจองล่วงหน้าคงไม่สามารถระบุได้ว่าเดือนไหนจะสามารถส่งวัคซีนจำนวนมากน้อยเท่าใด และเมื่อไร แต่สิ่งที่สัญญาจะระบุไว้ คือ จะมีการแจ้งเป็นรายเดือน ว่าเราต้องการวัคซีนเท่าใด ซึ่งที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้ส่งหนังสือแจ้งบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าไปล่วงหน้าเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2564 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนการจัดส่งที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วงเดือน มิ.ย.2564 โดยในสัญญาเราระบุว่า ในเดือน มิ.ย.2564 เราต้องการ จำนวน 6 ล้านโดส เดือน ก.ค.-พ.ย.2564 เดือนละ 10 ล้านโดส และเดือน ธ.ค.2564 จำนวน 5 ล้านโดส รวมทั้งสิ้น 61 ล้านโดส"
ส่วนภายในสัญญาที่ปรากฏจำนวนการส่งออกไปต่างประเทศ ทางบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ไม่ได้แจ้งเราในสัดส่วนตอนทำสัญญา แต่ในสัญญาระบุว่า หากต้องส่งออกไปต่างประเทศ ขอให้ไทยสนับสนุน ไม่ขัดขวางการส่งออกโดยไม่สมควร
"อย่างที่ได้นำเรียนไป การจะได้รับวัคซีน ต้องดูกำลังการผลิตด้วย ดังนั้นสิ่งที่เราขอไป ไม่ได้แปลว่าเราจะได้ 100% ตามที่ขอ ในการส่งมอบจะต้องเป็นการเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย" นพ.โอภาส กล่าว
ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าวอ้างอิงมาจากการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2563 ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ที่มีการสอบถามว่าประเทศไทยเรามีความสามารถในการฉีดวัคซีนเท่าใด ขณะนั้นเรามีข้อมูลเพียงจะฉีดได้วันละประมาณ 3 ล้านโดส จึงเป็นที่มาของการระบุตัวเลข 3 ล้านโดสในสัญญาดังกล่าว ซึ่งทางกรมควบคุมโรคยังไม่บอกอย่างเป็นทางการว่าเราจะฉีดได้แค่ 3 ล้านโดส แต่ที่ผ่านมาเราได้มีตัวเลขประมาณการ และได้ทำหนังสือแจ้งบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าไปอีกครั้งแล้วว่า เรามีขีดความสามารถฉีดได้ถึง 10 ล้านโดส ถ้ามีวัคซีนเพียงพอ อย่างไรก็ตามการจะจัดส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้น จะต้องดูทั้งความต้องการของประเทศไทย และกำลังการผลิตของเขา ซึ่งสองส่วนนี้ต้องเชื่อมต่อกันและเป็นการส่งวัคซีนจริง การจะได้ตามที่ขอ 100% อาจมีความผันแปรได้
นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ยังส่งวัคซีนให้เราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีความพยายามผลิตให้ได้มากขึ้น โดยปัจจุบันกำลังผลิตเท่าที่คำนวณอยู่ที่ 15 ล้านโดสต่อเดือน ดังนั้นหากคิด 1 ใน 3 ของกำลังการผลิต เราคาดว่าจะได้ 5 ล้านโดสต่อเดือน แต่ก็ต้องมีการเจรจา เพราะเรายืนยันว่า อย่างไรเสีย 61 ล้านโดส หากเป็นไปได้ต้องได้ในเดือน ธ.ค.2564 ซึ่งก็ต้องมีการเจรจารายเดือนต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่า จะขยาย พ.ค.65 ก็ต้องเจรจาต่อไป แต่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ไม่เคยระบุกรณีนี้
ส่วนคำถามที่ว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เคยแนะนำให้ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องนี้มีคณะกรรมการระดับกระทรวงพิจารณา จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบในคราวหน้า
อ่านข่าวประกอบ:
เปิดจม.ลับ 'แอสตร้า’ อ้าง สธ.ไทยเคยแจ้งต้องการแค่เดือนละ3 ล.โดส เพิ่มให้เกือบ 2 เท่าแล้ว
ฉบับเต็ม! หนังสือ 'อนุทิน' แจ้งแอสตร้าเซนเนก้า ขอรับวัคซีนโควิดเพิ่ม 10 ล้านโดส
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage