กระทรวงสาธารณสุข ปรับแผนฉีดวัคซีนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้ ผู้สูงอายุ - 7 กลุ่มโรคเสี่ยงเร็วขึ้น ขณะที่ อธิบดีกรมควบคุมโรค เตรียมลงนามกับสหรัฐฯรับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ขณะเดียวกันจะหารือ - ลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ภายในสัปดาห์นี้ด้วย
-------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานความก้าวหน้าการฉีดวัคซีนโควิด ว่า ขณะนี้ได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 11 ล้านโดส และขณะนี้เราจำเป็นต้องมีการปรับยุทธศาสตร์โดยพื้นที่สีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ปรับแผนเร่งฉีดวัคซีนให้กับ ผู้สูงอายุทีมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง โดยจะพยายามดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน ก.ค. หรือช้าที่สุดในเดือน ส.ค.
นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กรมควบคุมโรค ดำเนินการในสัญญาเพื่อจัดหาวัคซีน 2 ฉบับ ดังนี้
1.สัญญาที่กรมควบคุมโรค จะลงนามกับ Department of Health and Human Service สหรัฐอเมริกา ในการรับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส กำหนดการส่งมอบจะมีการแถลงรายละเอียดต่อไป
2.สัญญาที่กรมควบคุมโรค จะนำข้อสังเกต ข้อแนะนำของสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ไปหารือกับบริษัทไฟเซอร์ และจะลงนามในสัญญาภายในสัปดาห์นี้
“ขอย้ำว่าวัคซีนที่ไทยใช้อยู่ มีประสิทธิภาพในการลดการติดเชื้อ ช่วยลดอาการเจ็บป่วยรุนแรง ลดการเสียชีวิตสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน ฉะนั้นนโยบายและข้อสั่งการรัฐบาล จะให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มนี้ให้ได้ครบถ้วนเร็วที่สุดภายใน ก.ค.-ส.ค.นี้ ฉะนั้นอาจมีบางโรงพยาบาลโทรไปขอให้ท่านเลื่อนมาเข้ารับการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น และขอยืนยันว่าวัคซีนที่เราฉีดไปแล้วกว่า 10 ล้านโดสมีความปลอดภัย” นพ.โอภาส กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข้อสอบถามว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนหนึ่งหรือมีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูง มีการเดินทางข้ามจังหวัดด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน จะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า หากรู้ว่าติดเชื้อ ขอแนะนำให้อยู่กับที่ หรือหากจำเป็น ให้ปฏิบัติดังนี้ 1.ติดต่อประสานงานกับจังหวัดปลายทาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลเตรียมพร้อมในการรับการรักษาหรือกักตัว 2.เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว 3.เตรียมหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล ให้เพียงพอ 4.เตรียมยาให้พร้อม ทั้งยาบรรเทาอาการโควิด ยารักษาโรคประจำตัว หรือฟ้าทะลายโจรก็จะช่วยได้ดียิ่งขึ้น 5.เตรียมอาหารและน้ำให้เพียงพอ ไม่ควรแวะกลางทาง ไม่แวะปั๊มน้ำมันเข้าห้องน้ำหากไม่จำเป็น 6.เตรียมข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์หน่วยวงานที่ให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/