พรรคไทยสร้างไทย จัดประชุมผู้บริหาร-แกนนำ-สมาชิกพรรคโชว์นโยบายผ่าน Zoom ‘โภคิน’ ปาฐกถา ซัดไทยมาถึงจุดต่ำสุดหลังโควิด-19 ระบาด ปลุก SMEs-StartUp ต่อรองรัฐให้กฎหมายรับใช้เรา ‘ผู้พันปุ่น’ โผล่ร่วมงาน ‘คุณหญิงหน่อย’
...............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2564 พรรคไทยสร้างไทย จัดการประชุมผู้บริหารพรรค ตัวแทนสาขา ตัวแทนสมาชิกประจำเขต และสมาชิกทั่วประเทศ กว่า 300 เขต ผ่านระบบ ZOOM นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารพรรค เช่น นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค รวมถึงสมาชิกคนรุ่นใหม่ อาทิ นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ นส.สุวดี พันธุ์พานิช น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ เป็นต้น
โดยนายโภคิน ปาฐกถาวิสัยทัศน์การสร้างประเทศไทยยุคหลังโควิด-19 ตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยมาถึงจุดตกต่ำสุด แต่อย่าเพิ่งท้อแท้สิ้นหวัง เพราะจุดตกต่ำนี้คือพลังที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไป ในการที่จะเดินหน้าสร้างประเทศในวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อส่งมอบให้กับลูกหลานของเรา ในเดือน มิ.ย. ปี 2565 ที่จะถึงนี้ ครบ 90 ปี นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 แต่ประเทศไทยยังคงวนเวียนกับวงจรอุบาทว์ โดยเฉพาะแนวคิดแบบอำนาจนิยม มีกลไกระบบรัฐราชการเป็นกลไก และเครื่องมือในการดำรงไว้ซื่งแนวคิดอำนาจนิยม ถ้าไม่ร่วมกันกำจัดความคิดแบบอำนาจนิยม ประเทศของเราก็จะยิ่งตกต่ำจนถึงจุดที่ยากที่จะแก้ไขต่อไป สิ่งสำคัญต้องร่วมกันผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริง
"พรรคไทยสร้างไทยมีแนวคิดที่จะแก้ปัญหา เพื่อเปิดทางให้กับประชาชนในการทำกิน เพื่อตัดปัญหาที่จะต้องจ่ายใต้โต๊ะ การกู้เงินที่ล่าช้า เป็นต้น โดยเสนอออกให้มีการออกกฏหมาย 1 ฉบับ เพื่อแขวนการขออนุญาตในการประกอบอาชีพเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือ SandBox คือกล่องที่เราทุกคนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้ออกกฎหมาย ฝ่ายรัฐ ผู้ประกอบการ และผู้รับบริการ มาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ถ้าหากทำแบบนี้ได้ จะไม่ติดกับดัก ในการขออนุมัติที่ต้องมีขั้นตอนมากมาย ก็จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ ซึ่งเราเรียกว่าการปลดปล่อยผู้คนออกจากพันธนาการของระบบราชการ ให้คนตัวเล็กสามารถทำงานได้" นายโภคิน กล่าว
นายโภคิน กล่าวว่า วันนี้ผู้ประกอบการ SME กว่า 3.2 ล้านคน อยู่ในระบบธนาคารไม่เกิน 15% เพราะธนาคารไม่ปล่อยกู้ จึงต้องผลักดันคนกลุ่มนี้ให้เข้ามาในระบบให้ได้ โดยตั้งกองทุน SME กองทุน StartUp กองทุนวิสาหกิจชุมชน และกองทุนท่องเที่ยว เพื่อนำงบประมาณ ที่นำไปใช้ไม่ถูกต้อง มาใส่ไว้ในกองทุนเหล่านี้ อาจจะกองทุนละ 50,000 ล้านบาท และนำเงินซอฟต์โลนแบงค์ชาติ หรือมาตราการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยังเหลือกว่า 4 แสนล้านบาท ออกมาปล่อยให้กองทุนละ 1 แสนล้านบาท เพื่อให้ Empower มอบอำนาจให้กับคนตัวเล็ก ได้สามารถเข้าถึงเงินทุนเหล่านี้ได้ ให้คนในอาชีพเดียวกันรวมกันเป็น Economy Of Scale ดูแลกันและกันให้มีการต่อรองได้ สามารถบอกความต้องการไปถึงรัฐบาลได้ แทนที่ฟังแต่เสียงของสภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร สภาหอการค้า แต่คนตัวเล็กไม่มีโอกาส จึงต้องทำให้คนเหล่านี้เข้ามีส่วนในการอนุมัติ ถ้าเราสามารถทำได้ ก็จะทำให้กฏหมายมารับใช้เรา แทนการรับใช้อำนาจให้มากดขี่เราเหมือนที่เป็นอยู่ นี่คือสิ่งที่เราต้องปรับแก้
"มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์อื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศ จนกระทั่งไม่รู้จะทำอย่างไรก่อน ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทยจึงมาคิดว่า วันนี้ทิศทางประเทศไทย ไม่ว่าจะไปทางไหน เราต้องดูศักยภาพของเรา มีความเข้มแข็งตรงไหน ไทยมีศักยภาพทางด้านอาหาร สุขภาพอนามัย และการท่องเที่ยว และเราต้องเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของโลก เพราะไทยมีภูมิประเทศจะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคม ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิค และมหาสมุทรอินเดีย จุดนี้พรรคเห็นด้วยกับ คลองไทย เพื่อที่จะสร้างระบบให้คนอยากมาหาเรา แทนที่เราจะเรียกร้องให้เข้ามา เพราะที่นี่มีแต่โอกาส มีคนเก่งที่อยากจะเข้ามาร่วมกันสร้าง เราจึงต้องถือโอกาสนี้สร้างขึ้นมา เพื่อที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไป โดยให้แต่ละด้านเสริมไปด้วยกัน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้เป็นประเทศที่ดีที่สุด เพื่อลูกหลานของเรา" นายโภคิน กล่าว
@‘ผู้พันปุ่น’โผล่งานประชุมพรรคไทยสร้างไทย-ร่วมงาน‘คุณหญิงหน่อย’
น.ต.ศิธา กล่าวตอนหนึ่งว่า หลังจากที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จากการปฏิวัติรัฐประหารปี2549 ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และต้องห่างหายจากการเมืองไปเป็นระยะเวลา 15ปี เพราะเบื่อหน่ายการเมือง ที่มีแต่ความวุ่นวาย สาดโคลนป้ายสี จนกระทั่งได้มีโอกาสมาฟังเจตนารมณ์ของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่อยากทำพรรคการเมือง เพื่อหวังที่จะสร้างสังคมดี ๆ สร้างประเทศชาติดี ๆ ให้โอกาสกับคนตัวเล็กในสังคม โดยเชิญชวนคนทุกกลุ่มมาร่วมกัน สร้างประเทศไทยให้แข็งแกร่ง จึงได้คิดว่าถ้าเราซึ่งเป็นพลเมืองไทย ไม่ยอมเสียสละมาช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับประเทศไทย แล้วใครจะทำ จึงได้ตัดสินใจกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ประเทศไทยของเรา เมื่อก่อน นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้าสู่การเมืองอย่างถูกวิธี ทำในสิ่งที่ถูกต้องกลับถูกกล่าวหา แต่หลังรัฐประหารครั้งล่าสุด นักการเมืองฝ่าย รัฐบาล ที่เข้าสู่อำนาจด้วยกติกาบิดบิด ๆ เบี้ยว ๆ ทำอะไรที่ผิด กลับกลายเป็นถูกได้
“เรามาถึงยุคที่ ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับประชาชน เพราะใช้กลไกในรัฐธรรมนูญ ตั้งคนของตัวเองเพื่อเลือกตัวเองเป็นนายกได้ ขณะเดียวกันเรามาถึงยุคที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน อภิปรายความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ผู้บริหารประเทศพูดแค่ 3-4คำ ก็สามารถที่จะชนะโหวต ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อย่างสบาย ๆ” น.ต.ศิธา กล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า เรามาถึงยุคที่มีเงินก็ซื้อวัคซีนดี ๆ ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่วัคซีนดี ๆ มีตั้งแต่ราคาแค่โดสละไม่กี่ร้อยบาท แต่พี่น้องประชาชนกลับต้องมาเอาชีวิตทั้งชีวิตเป็นเดิมพัน หาวัคซีนฉีดไม่ได้ ได้คิวฉีดก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก งานก็ต้องออกไปทำ ต้องออกไปพบปะผู้คน โดยถ้าพลาดพลั้งไปติดเชื้อโควิดขึ้นมา อาจถึงขั้นต้องสูญเสียชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้ จึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องทุกท่าน มาร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย มาช่วยกันส่งมอบประเทศไทยที่ดี ๆ ให้กับลูกหลานของเรา และร่วมกันทำงานการเมืองที่โปร่งใสให้กับประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา
หมายเหตุ : ภาพประกอบพรรคไทยสร้างไทย และ น.ต.ศิธา จาก https://www.thaipost.net/
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage