"...หลักการฉีดวัคซีนก็คือเข็มแรกนั้นจะเป็นยี่ห้อไหน เข็มที่สองก็ควรเป็นยี่ห้อนั้นไปเลย ยกเว้นว่าคุณฉีดเข็มแรกด้วยแบรนด์อะไรก็ตาม แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรง เพราะฉะนั้นเข็มต่อไปก็อาจจะมีการพิจารณาใช้อีกแบรนด์หนึ่ง กรณีนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่การแพ้รุนแรงที่ว่านั้น ผู้ที่จะเป็นคนบอกว่าแพ้หรือไม่ ก็ต้องเป็นทางการแพทย์ที่เป็นคนบอกตามคำจำกัดความของคำว่าแพ้รุนแรง ไม่ใช่คนไข้เป็นคนบอก..."
..................
หมายเหต สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวอิศราถึงกรณีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัส ในลักษณะการเปลี่ยนยี่ห้อฉีด ระหว่างโดสที่หนึ่ง และโดสที่สอง ว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และยังไม่เคยมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการมาก่อน
********************************
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ระบุว่า ณ เวลานี้ ทราบว่ามีกรณีปัญหาที่ผู้ซึ่งเคยลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาก่อน จากการลงทะเบียนบนแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ หรือการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม ได้รับกำหนดวันนัดหมายให้ไปฉีดวัคซีน แต่เตรียมตัวที่จะไปฉีดวัคซีนเพิ่ม ทั้งที่ บุคคลดังกล่าวเคยได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบโดสไปแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าการฉีดวัคซีนติดๆ กันแบบนี้ แถมเป็นคนละอย่างกัน ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อนว่ามีความปลอดภัยหรือไม่
"อันตรายมากเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่มีการศึกษาวิจัยว่าถ้าเอาวัคซีนคนละอย่างกัน เข้าไปในตัวคุณผลจะออกมาเป็นอย่างไร คุณต้องเลือกเอาอันใดอันหนึ่ง เรื่องนี้ไม่ควรอย่างยิ่งเลย เพราะว่ามันไม่มีข้อมูล ฉีดเข้าจะไปเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครตอบได้ " นพ.ทวีกล่าว
นพ.ทวีกล่าวย้ำว่า กรณีที่มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว แต่เขาก็เคยจองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และก็อยากจะไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอีก เพราะเชื่อว่ามันดีกว่านั้น เรื่องนี้ถือว่าไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง"
"เราต้องทำความเข้าใจว่าลักษณะของโรคระบาดแบบนี้ มันต้องมีการฉีดวัคซีนแบบที่เรียกกันว่า Mass Vaccination หรือการฉีดวัคซีนให้เป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้นั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปีเลย ดังนั้นยอมรับว่าในเรื่องการติดๆขัดๆมันก็มีได้ แม้แต่ในยุโรปก็มีภาวะติดๆขัดๆแบบนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าการที่จองอันไหนได้อีกอัน จองอีกอันก็ไปได้อีกอันหนึ่ง แล้วไปฉีดทั้ง 2 เข็มไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
"หลักการฉีดวัคซีนก็คือเข็มแรกนั้นจะเป็นยี่ห้อไหน เข็มที่สองก็ควรเป็นยี่ห้อนั้นไปเลย ยกเว้นว่าคุณฉีดเข็มแรกด้วยแบรนด์อะไรก็ตาม แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรง เพราะฉะนั้นเข็มต่อไปก็อาจจะมีการพิจารณาใช้อีกแบรนด์หนึ่ง กรณีนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่การแพ้รุนแรงที่ว่านั้น ผู้ที่จะเป็นคนบอกว่าแพ้หรือไม่ ก็ต้องเป็นทางการแพทย์ที่เป็นคนบอกตามคำจำกัดความของคำว่าแพ้รุนแรง ไม่ใช่คนไข้เป็นคนบอก" นพ.ทวีกล่าว
นพ.ทวี กล่าวต่อว่า ถ้าหากไปรับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว แต่ได้สิทธิ์ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีการจองไว้ก่อนหน้า ควรสละสิทธิ์ ไม่ต้องเป็นห่วงไปว่าถ้าหากสละสิทธิ์แล้ววัคซีนจะไปไหน เพราะถ้าหากสละสิทธิ์ไประบบฐานข้อมูลมันก็บอกออกมาว่าไม่ได้ไปรับวัคซีน ทางหน่วยงานก็จะมีการนำเอาวัคซีนนั้นไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆต่อไป ซึ่งส่วนตัวแล้วก็เชื่อว่าคงจะเปอร์เซ็นต์ของคนส่วนหนึ่งที่จะเป็นแบบนี้
เมื่อถามว่าในกรณีที่มีการฉีดวัคซีน 2 เข็มไปแล้ว ถ้าหากอยากจะฉีดใหม่อีก จะต้องทิ้งระยะเวลาไว้กี่เดือน?
นพ.ทวีกล่าวว่า "เรื่องนี้แค่อยากฉีดไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ที่อยาก แต่อยู่ที่ข้อมูลทางการแพทย์ มันไม่ได้เหมือนกับว่าอยากจะกินนั่นกินนี่แล้วได้กิน "
"อย่างหนึ่งที่ผมพูดเสมอก็คืออย่าหมกมุ่นกับการฉีดวัคซีนมากจนเกินไป เพราะคุณมีภูมิคุ้มกันคุณก็พอแล้ว ซึ่งในทางการแพทย์นั้นตอบได้เลยว่า 6 เดือนขึ้นไปหลังเข็มที่ 2 นั้นยังคุ้มกันได้อยู่ แต่ถามว่าถ้าเดือนที่ 7 ล่ะ อันนี้ผมก็ต้องตอบว่าไม่รู้ เพราะตอนนี้เขาก็กำลังศึกษาวิจัยกันอยู่ เนื่องจากวัคซีนนั้นมันเพิ่งออกมาได้ไม่นานนี้เอง"
เมื่อถามถึงกระแสการจองวัคซีนทางเลือก ณ เวลานี้ ซึ่งอาจจะมีกรณีของคนที่ไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แล้วไปฉีดวัคซีนทางเลือกอีก ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายปี?
นพ.ทวีกล่าวว่า "ผลวิจัยตอนนี้ก็คือครบถ้วน 2 เข็ม หรือ 1 เข็มของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แล้วภายใน 6 เดือน ยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องซ้ำอีกเข็มหรือเรียกกันว่าการฉีดบูสเตอร์แต่อย่างใด ส่วนหลัง 6 เดือน อันนี้ไม่ทราบได้ เพราะกำลังมีการวิจัยหาข้อมูลอยู่ ซึ่งหลัง 6 เดือนผ่านไปแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ว่าจะอย่างไร ซึ่งบางทีก็อาจจะไม่ต้องต่อเข็ม 3 ก็เป็นได้ หรืออาจจะผ่านไปเป็นปีแล้วค่อยต่ออีกเข็มก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน แต่ถ้าหากไปรับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าและไปฉีดวัคซีนทางเลือกต่อทันที ถ้าหากทำแบบนี้นั้นยืนยันว่ามีผลข้างเคียงค่อนข้างจะแน่นอน"
"การฉีดวัคซีนเยอะเกินไป ร่างกายก็จะต้องต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ผลข้างเคียงก็จะเยอะขึ้น เพราะฉะนั้นไม่แนะนำอย่างยิ่ง"
"ตอนนี้มีโรงพยาบาลเอกชนทั้งหลายเขาก็เริ่มจะทยอยสั่งวัคซีนแล้ว เขาก็อยากให้เราไปจอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูในประเด็นเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีนที่ติดๆกันด้วย ถ้าหากฉีดวัคซีนติดกัน"
"ยกตัวอย่าง ไม่กี่วันนี้ก็มีกรณีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศสิงคโปร์ที่ฉีดไปหลายล้านคน ปรากฎว่ามีผลข้างเคียงที่แพ้วัคซีนค่อนข้างรุนแรง 3 หมื่นกว่าคน ซึ่งทางการสิงคโปร์ก็ต้องจัดหาวัคซีนซิโนแวคให้ เพราะว่าซิโนแวคนั้นเป็นวัคซีนแพลตฟอร์มเก่า สิงคโปร์เขาเข้าใจในผลข้างเคียงของมันซึ่งค่อนข้างน้อย ดังนั้นใครที่กังวลเรื่องผลข้างเคียง วัคซีนซิโนแวค วัคซีนซิโนฟาร์มก็เป็นตัวตอบโจทย์ได้ เพราะผลข้างเคียงที่ค่อนข้างต่ำ" นพ.ทวีกล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/