“...ผมจำรายละเอียดกรณีเอฟ 18 ไม่ค่อยได้ว่าเขาปรับเราหรือไม่ รู้ว่าเรามีการจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว แต่จำได้ว่าเราไม่ได้เสียหายอะไรมาก จากการยกเลิก เพราะตอนนั้นสหรัฐฯเขาก็เห็นใจเราในช่วงเวลานั้น ในช่วงนั้นที่ท่านชวนเข้ามาเป็นนายกฯ สมัยที่เราเจอวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งมันยังไม่ร้ายแรงเท่าทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นกรณีแบบนี้แม้จะมีการคุยกันแล้ว เซ็นสัญญากันแล้ว ผมก็คิดว่ามันก็น่าจะสามารถทบทวนและพูดคุยกันได้.. ”
สืบเนื่องจากมีข่าวปรากฎต่อสาธาณะว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2563 กรมสรรพาวุธทหารบก ได้เผยแพร่ประกาศแผนจัดซื้อยานเกราะล้อยาง พร้อมระบบอาวุธ และการบริการทางเทคนิค ฯลฯ จำนวน 50 คัน โดยวิธี Foreign Military Sales (FMS) ซึ่งเป็นวิธีการจัดหายุทโธปกรณ์และบริการทางทหารผ่านรัฐบาล ( Government to Government ) วงเงิน 4,515,000,000 บาท ในช่วงเดือน เม.ย.2563 นี้ ทั้งที่ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื่อโรคโควิด -19 และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยมอบหมาย ให้กระทรวงต่างๆ พิจารณาตัดโอนงบประมาณเพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์โรคโควิดฯ ระบาดไปแล้วด้วย (อ่านประกอบ:วิจารณ์ขรม! ทบ. ลุยจัดซื้อยานเกราะล้อยาง 50 คัน 4.5 พันล.ช่วงไทยมีปัญหาโรคโควิด-19)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีโอกาสสัมภาษณ์คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ทหาร ในสภาผู้แทนราษฎร 2 ราย คือ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยในฐานะ รองประธาน กมธ.คนที่ 1 และนายอิสสระ สมชัย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกมธ. เพื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม รองประธาน กมธ.ทหารคนที่ 1 กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเห็นว่าในตอนนี้ประเทศนั้นกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและปัญหาโรคโควิด 19 จึงไม่เห็นด้วยที่ทางกองทัพบกจะไปซื้ออาวุธ และอยากให้ชะลอหรือมีการเปลี่ยนแปลง แบบเดียวกับที่กองทัพเรือได้ชะลอการซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทราบมาว่ามีการอ้างจากทางกองทัพบกว่าเรื่องนี้นั้นเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจัดซื้อไม่ได้ เพราะว่าได้รับการพิจารณาเข้าสภาคองเกรสของสหรัฐฯไปแล้ว
“ในกรณีว่ามันจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้นั้นจะต้องยึดถือตามเหตุผลและธรรมเนียมปฏิบัติที่เราเคยทำมาในอดีต ซึ่งกรณีกองทัพบกผมก็ไม่ทราบว่าเขาเคยมีระเบียบที่เคยทำมาอย่างไร ดังนั้น ต้องขอไปศึกษาเพิ่มเติมถึงช่องที่กองทัพบกจะสามารถทำได้เพื่อจะชะลอเปลี่ยนแปลงกรณีการจัดซื้อครั้งนี้” นายเกรียงศักดิ์กล่าว
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า "แต่ถ้าชะลอได้ในส่วนงบตรงนี้ก็อาจจะสามารถโยกไปใช้จ่ายในส่วนของโรงพยาบาลทหารหรือโรงพยาบาลตำรวจอะไรเพิ่มเติมเพื่อดูแลประชาชนได้ ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวก็อยากให้ผู้บัญชาการทหารบกได้มีหลักการพิจารณา"
เมื่อถามการจัดซื้อไปแล้ว ถ้าหากเปลี่ยนรายการจัดซื้อเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่าแทน เช่นเปลี่ยนการจัดซื้อรถหุ้มเกราะเป็นรถพยาบาลสนาม จะมีความเหมาะสมกว่าหรือไม่
นายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า "เรื่องนี้น่าจะลำบาก เพราะโดยหลักการงบประมาณ การขอเปลี่ยนแปลงรายการนั้นมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่ขอยืนยันว่าเราสามารถที่จะชะลอ งดการซื้อ และปรับงบประมาณตรงนี้เอาไปช่วยเหลือในการป้องกันสถานการณ์โรคโควิดระบาดได้ และเหมาะสมกว่า"
"สำหรับการทำหน้าที่ของ กมธ.ทหารหลังจากนี้ก็คงจะต้องไปปรึกษาหารือแนวทางกับผู้บัญชาการทหารบกและศึกษาถึงช่องทางการเจรจากับทางสหรัฐฯเพื่อจะขอให้เปลี่ยนแปลงและชะลอการจัดซื้อนี้ต่อไป"
อ้างอิงรูปภาพจาก Youtube ช่องไขลาน ความคิด
ขณะที่ นายอิสสระ สมชัย ที่ปรึกษา กมธ.ทหาร กล่าวว่า สถานการณ์ ณ เวลานี้ การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นไม่ใช่สาระสำคัญและสิ่งจำเป็นต่อประเทศชาติในเวลานี้ ถ้าหากจะชะลอได้ก็ควรจะชะลอเอาไว้ก่อน เพราะปัญหาเรื่องโควิดนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก
เมื่อถามว่ากรณีที่กองทัพบกได้ออกมาชี้แจงว่าการจัดซื้อนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะทำสัญญากันนานแล้ว และเรื่องนี้ผ่านสภาคองเกรสไปแล้ว
นายอิสสระกล่าวว่า "เรื่องนี้หรือเรื่องไหนๆมันไม่มีทางที่จะเจรจากันไม่ได้ ถ้าหากเรามีความปรารถนาที่จะทำจริง และถ้าทำจริง เราก็ควรจะเจรจากันอย่างจริงจัง มีกรรมการแต่ละฝ่ายไปนั่งร่วมพูดคุยกันกับเขา เพราะว่าปัจจัยสำคัญตอนนี้คือเรื่องโควิดนั้นเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศและสำคัญยิ่งกว่าการจัดซื้ออาวุธ ซึ่งขนาดกองทัพเรือนั้นเขายังมีการชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 เอาไว้ก่อนแล้ว"
นายอิสระ ยังกล่าวต่อว่า สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 นายชวนก็ยังเคยมีคำสั่งให้ชะลอการจัดซื้อเครื่องบินรบเอฟ 18 เอาไว้ก่อน และก็งดซื้อในเวลาต่อมา
“ผมจำรายละเอียดกรณีเอฟ 18 ไม่ค่อยได้ว่าเขาปรับเราหรือไม่ รู้ว่าเรามีการจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว แต่จำได้ว่าเราไม่ได้เสียหายอะไรมาก จากการยกเลิก เพราะตอนนั้นสหรัฐฯเขาก็เห็นใจเราในช่วงเวลานั้น ในช่วงนั้นที่ท่านชวนเข้ามาเป็นนายกฯ สมัยที่เราเจอวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งมันยังไม่ร้ายแรงเท่าทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นกรณีแบบนี้แม้จะมีการคุยกันแล้ว เซ็นสัญญากันแล้ว ผมก็คิดว่ามันก็น่าจะสามารถทบทวนและพูดคุยกันได้ ”นายอิสสระกล่าว
เมื่อถามว่าการเจรจาขอชะลอเอาไว้นั้นอาจจะทำให้เราโดนปรับเงินเพิ่มหรือไม่ นายอิสสระ กล่าวว่าย้ำว่า "ตามที่เรียนตั้งแต่แรกแล้วว่าความจำเป็นเรื่องอาวุธนั้น ณ เวลานี้ควรเป็นสิ่งที่ชะลอเอาไว้ก่อนจะดีกว่า ส่วนที่ถามว่าจะมีการปรับเงินกันนั้น จะปรับมาก ปรับน้อย หรือจะไม่ปรับเลย ส่วนตัวแล้วคิดว่าตรงนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ดีในการเจรจา ซึ่งเหตุผลในตอนนี้ดีกว่าถ้าจะไปเจรจา และมันเทียบกับสมัยต้มยำกุ้งไม่ได้เลย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ร้ายแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งมาก"
อ้างอิงรูปภาพจาก Youtube ช่อง พรรคประชาธิปัตย์
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage