"...ในยามนี้ ยามวิกฤตที่ค่อนข้างแปลก สิ่งที่เราส่วนใหญ่มีมากที่สุด คือ เวลา ครับ เมื่อได้มันมา โดยไม่ได้เรียกร้อง ก็จงใช้เวลา ที่ปกติแล้ว มีกันน้อยมาก ให้เกิดประโยชน์ กับ งาน กับชีวิต กับมิตรภาพ กับครอบครัว กับส่วนรวม ให้มากที่สุด..."
ในวิกฤตมีโอกาส คนบางประเภทเห็นอุปสรรคในทุกเรื่อง แม้แต่ในโอกาสก็เห็นแต่ปัญหาและอุปสรรคจนไม่ขยับ แต่บางคน แม้แต่ในวิกฤต ก็มองเห็นโอกาส เสมอ ขณะที่คนอื่นเขาหยุด เขาท้อ เขาถอย แต่คนเหล่านี้กลับไม่เคยท้อ ขยับหรือหลบไปไปทำอะไรที่ได้ผลไปอีกแบบหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง ได้เสมอ คนไทยไม่น้อย จัดอยู่ในคนประเภทหลังนี้ ครับ
ร้านอาหารส่วนใหญ่ ยังอยู่ได้ เพราะหันไปทำอาหารจัดส่งให้ตามบ้าน หรือมีคนมาสั่งซื้อเอากลับไปบ้านไม่น้อย ลูกศิษย์ที่ ม รังสิต คนหนึ่งผันตัวเองจากเจ้าของภัตตาคาร ไปเป็น “บริการฉีดยาฆ่าเชื้อป้องกันไวรัส” ไปเรียบร้อย ลูกศิษย์ทั้งที่ รัฐประศาสนศาสตร์และนวัตกรรม ม รังสิต เห็นเป็นโอกาสดีที่อยู่ๆ งานลดน้อยลงไปมาก จึงเร่งทำดุษฎีนิพนธ์กันยกใหญ่ หลายคนที่ผมเคยห่วงจะทำไม่ทัน คงทันแน่ และมหาวิทยาลัยก็คงต้องยืดเวลาให้พวกเขาทำได้นานขึ้นด้วย นี่จะเรียกกันว่า เป็นดอกเตอร์รุ่น “ไวรัสอนุเคราะห์” ก็คงไม่ผิด
ยังมีหมอๆ ใกล้ตัว คือ ภรรยา และรุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนฝูง ของผม ก็ผันกลายเป็นผู้”เชี่ยวชาญ” จำเป็น นพ นิธิ มหานนท์ นพ ประสิทธิ วัฒนาภา นพ อุดม คชินทร กระทั่ง พญ จิรพร เหล่าธรรมทัศน์ ของผม เป็นต้น ท่านเหล่านี้ ในภาวะนี้ทำหน้าที่ ร่วมทำงาน และ ชี้แจงได้ดี ครับ ทั้งที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาในทางไวรัสวิทยา หรือ ในทางสาธารณสุข อะไรมากมายนัก
ผมคิดว่าในยามนี้ ยังเป็นโอกาสทอง ที่เราทั้งปวงจะได้ปฏิบัติธรรม สร้างกุศลกรรม ให้มากที่สุด พวกหนึ่ง พึงลดละความโกรธ ลดละอัตตา ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและสังคมสู้ภัยโควิด อีกพวกหนึ่งพึงรับฟังข้อเสนอ ข้อวิจารณ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้งและจริงใจที่สุด และลดละอัตตาลงไปเช่นกัน ทุกฝ่ายต้องให้กำลังใจกันและกัน รับฟังกันและกัน ไม่มองว่าตนเท่านั้นเก่ง ดี ถูก ส่วนคนอื่นโง่ ด้อย ดักดาน และ ไม่ประสงค์ดี ร่วมกันไม่ใช้สถานการณ์เป็นประโยชน์กับตนหรือฝ่ายตนเท่านั้น และต้องทนุถนอม ให้กำลังใจ สนับสนุนทุกด้านกับ”นักรบเสื้อกาวน์” หมอ พยาบาล จนท สาธารณสุข อสม รวมถึงนายก อบต เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ที่เสียสละ ตรากตรำ ช่วยชีวิต คน และป้องกันการระบาด อยู่ อย่างเหน็ดเหนื่อย
ผมเชื่อว่าคนไทยนั้น โดยธาตุแท้ “ดี” มาก ครับ ทุกคนทุกฝ่ายทุกระดับ ให้ความร่วมมือจริงจังกับหมอ พยาบาล จนท และรัฐบาล แทบทั้งหมด “อยู่บ้าน ช่วยชาติ” สงสารคนอื่น ห่วงใย ช่วยกัน บริจาค สนับสนุนอุปกรณ์นานาชนิด เท่าที่จะคิดออก เราคงเป็นอย่างนี้กันมานานแล้ว ยามสงบสุข ก็ทะเลาะ ขัดแย้ง ประชัน ขันแข่งกัน ไป แต่ในยามวิกฤตเราจะปรับโหมด เป็น “สู้ไปด้วยกัน” แต่ครั้งนี้ต่างไปหน่อย คือ “แยกๆ กัน อยู่ แต่หนุนช่วยกัน” เราเคยผ่านมาไม่รู้กี่วิกฤต” และเราก็จะรอดตัวไปอีกวิกฤตหนึ่งได้อย่างแน่นอน และถ้าผ่านวิกฤตแล้ว จะกลับมาขัดแย้งใหม่ สู้กันอีก กระทั่งยืนหยัดเพื่อหลักการ ต่อไป ก็เชิญ ครับ
สุดท้ายในยามนี้ ยามวิกฤตที่ค่อนข้างแปลก สิ่งที่เราส่วนใหญ่มีมากที่สุด คือ เวลา ครับ เมื่อได้มันมา โดยไม่ได้เรียกร้อง ก็จงใช้เวลา ที่ปกติแล้ว มีกันน้อยมาก ให้เกิดประโยชน์ กับ งาน กับชีวิต กับมิตรภาพ กับครอบครัว กับส่วนรวม ให้มากที่สุด