"...เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่จะอวดโวโม้ฟุ้ง หลายครอบครัวมีสมาชิกมากกว่าเราดีกว่า รวยกว่า ดังกว่า หรือประสบความสำเร็จมากกว่า และ มีความสุขมากกว่าเรา แต่เราประมาณตน พอใจ ภูมิใจ ปลาบปลื้มใจในสิ่งที่เรามีอยู่ และดีใจกับครอบครัวอื่นๆ เสมอ และขอให้ทุกครอบครัวจงได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา เมื่อครอบครัวเข้มแข็ง มีสุข อบอุ่น ร่มเย็น ร่วมกัน ประเทศก็จะเติบใหญ่และยั่งยืนอย่างแน่นอน..."
ผมใกล้อายุครบ 66 ปีแล้ว ในสามสิบปีมานี้มีอะไรพูด สอน เขียนเกี่ยวกับสังคม โลก และบ้านเมือง ไม่น้อย แต่ คนเราย่อมมีทั้งการงาน และชีวิตที่เป็นส่วนตัว วันนี้จะเล่าเรื่องลูกหลานบางส่วนให้ฟังกัน ด้วยความพิศวงนะครับ พวกเขาเป็นหมอกัน ”มาก” ทีเดียว
ผมมีพี่น้องหกคน หญิงหนึ่งคน ชายห้าคน โดยผมเป็นลูกคนที่ 5 เราหกคนมีลูกรวมกัน 24 คน เรียกว่ามีลูกหลาน 2 โหล เคยเล่าไปแล้วว่าในนี้มีสองคนเป็น ส.ส. อยู่ในขณะนี้ ราวกับเราเป็นครอบครัว “นักการเมือง” แต่ในความจริง ลูกหลาน “เป็นหมอ” กันมากกว่าเยอะ
เริ่มจากลูกสาวผมเอง สองคน เรียนหมอที่ University of Virginia และ Jefferson University และฝึกแพทย์เฉพาะทางต่อที่อเมริกา นั่นเอง พญ.เขมรัฐ หรือ “หมอเขม” ลูกสาวคนโต จบเรสซิเดนซ์แล้ว จะทำ Fellowship ทางโรคปอดและทางเดินหายใจ ในภาวะวิกฤต ต่อ ที่โรงเรียนแพทย์ของ Columbia อันเป็นมหาวิทยาลัยที่คุณแม่ ศ.พญ.จิรพร ฝึกแพทย์เฉพาะทางมา และตัวผมเองก็จบปริญญาเอกที่นี่ ถัดมา คือลูกสาวคนเล็ก พญ.อินทิรา หรือ “หมออิน” นั้น ก็กำลังฝึกฝนเฉพาะทางรังสีแพทย์ที่ Mt Sinai หนึ่งใน 15 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของสหรัฐ อยู่ติด Central Park สวนสาธารณะใหญ่กลางมหานครนิวยอร์ค
ลูกสาวคนโตของพี่ชายคนโต คือ ผศ.ดร.ทพญ.ฐิติกานต์ “หมอจุ๋ม” คนนี้เป็นอาจารย์ทันตแพทย์อยู่ที่มหิดล ส่วนสามีของเธอ หลานเขยผม นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ “หมอจั๊ด” ก็เป็นหมอผิวหนังมีชื่อ เขาเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ คุณกำธร สุวรรณปิยะศิริ และ คุณนันทวัน เมฆใหญ่ คู่พระคู่นาง ตั้งแต่ยุคยังมีทีวีช่องสี่ให้ดูกัน
ลูกชายคนโตของพี่ชายคนโต คนนี้เขาไม่ใช่หมอ เป็นนักบินการบินไทย ครับ แต่ก็มีภรรยา หลานสะไภ้ผม เป็นหมอผิวหนัง ชื่อ พญ.วรรณวิภา หรือ “หมอปุ้ม” จากตระกูล ”ทองบริสุทธิ์” คุณพ่อและคุณลุงเธอก็เป็นหมอใหญ่เช่นกัน
ลูกชายคนหนึ่งของพี่สาวคนเดียวของผม คือ นพ.จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์ หรือ “หมอแจ๊ค” เป็นหมอรักษาโรคติดเชื้อ และเป็นอาจารย์ที่รามาธิบดี จบแพทย์เฉพาะทางมาจาก “เมโยคลีนิค” ของประเทศสหรัฐอเมริกา (Mayo Clinic)
นับญาติสายภรรยาบ้าง ผมยังเป็นน้าเป็นลุงของหมออีกสามคน กล่าวคือ ภรรยาผมนั้น เธอมีหลานเป็นหมอที่ใกล้ชิดกับพวกเรามาก หลานสาวคนโตทางสายนี้ คือ อาจารย์ พญ.นุชจรินทร์ ศุภกุล “หมอตาล” เวลานี้เป็นอาจารย์สอนฝรั่งที่โรงเรียนแพทย์ของ Indiana University น้องสาวของเธอ พญ.รจวรรณ ศุภกุล หรือ “หมอตอง” จบแพทย์เฉพาะทางที่ University of Tennesee สหรัฐอเมริกา และ สุดท้าย “โสภัคค์ ศุภกุล” ลูกชายของน้องชายก็เรียนแพทย์อยู่ที่ Tokyo Medical and Dental University ด้วยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น จบแล้ว และจะไปทำปริญญาเอก ด้านสเต็มเซล ที่มหาวิทยาลัยเคโอะ (Keio University) ต่อไป
ดังนั้นนับลูกหลานทางตรง เรามีหมอรวมทั้งหมอฟัน 4 คน ถ้านับหลานเขยหลานสะไภ้ด้วย ก็รวมเป็น 6 คน แต่หากนับหลานทางภรรยาด้วย ก็รวมเป็น 9 คน นับภรรยาด้วย ก็ เป็นหมอ 10 คน และหากนับลูกเขยในอนาคตอีกคน คือแฟนของหมอเขมรัฐ ก็จะมีหมอ 11 คน ในครอบครัว เขาเป็นคนอเมริกัน ครับ ชื่อ แพทริก โดแลน (Patrick Dolan) กำลังจะจบเฉพาะทางศัลยศาสตร์ที่ Cornell Medical School
โปรดสังเกต ลูกหลานเรามีทั้งที่เรียนที่ฝึกในไทย และในอเมริกา ในญี่ปุ่น แต่ ก็ได้กลับมาเมืองไทยหลายคนแล้ว ที่เหลือก็น่าจะกลับมาครับ เพราะทุกคน เท่าที่ผมดู ล้วน รักเมืองไทย รัก-ห่วงครอบครัว และรักคนไทย
ไม้ใหญ่ ต้นแรกๆ ของวงศ์ตระกูล อันเป็นต้นตอของกิ่งก้านแขนงที่กลายไปเป็นหมอใหญ่น้อย 11 คน ที่กล่าวมาข้างต้น ย่อมมีหลายต้น แต่ในวันนี้ที่ยังเหลือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ทุกคนในวงศ์วานว่านเครือก็คือคุณแม่ “น้อย เหล่าธรรมทัศน์” แม่ของพวกเราหกคน วันนี้ท่านอายุ 96 จำไม่ค่อยได้แล้วลูกหลานคนไหนเป็นหมอ เป็นนักการเมือง เป็นนักธุรกิจ เป็นศิลปิน เป็นอาจารย์ เป็น พ่อบ้าน หรือ แม่บ้าน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานอย่างเดียว แม่นั้นมีลูก หก คน มีเขย-สะไภ้ อีกหกคน มี หลานสายตรง 24 คน มี เหลน และ เมื่อเร็วๆ นี้ มีโหลน คู่แรก เป็นแฝดเสียด้วย ครับ วันหลังจะเล่าเรื่องแม่และเรื่องลูกหลานที่มีการเรียนและอยู่ในสายอาชีพ อื่นๆ ด้วยครับ
เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่จะอวดโวโม้ฟุ้ง หลายครอบครัวมีสมาชิกมากกว่าเราดีกว่า รวยกว่า ดังกว่า หรือประสบความสำเร็จมากกว่า และ มีความสุขมากกว่าเรา แต่เราประมาณตน พอใจ ภูมิใจ ปลาบปลื้มใจในสิ่งที่เรามีอยู่ และดีใจกับครอบครัวอื่นๆ เสมอ และขอให้ทุกครอบครัวจงได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา เมื่อครอบครัวเข้มแข็ง มีสุข อบอุ่น ร่มเย็น ร่วมกัน ประเทศก็จะเติบใหญ่และยั่งยืนอย่างแน่นอน
สมัยนี้คนไทยแทบไม่พูด ไม่เล่า ไม่สนใจในเรื่องครอบครัวแล้ว สนใจกันแต่เรื่องตนเองและคนชิดใกล้ไม่กี่คน เรื่องปัจเจกบุคคล ดูน่าสนใจกว่า ตื่นเต้นกว่า บางคนก็สนใจแต่เพียงเรื่องช่วงวัย หรือ generation ในสังคม วันนี้ผมเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง ก็เพื่อจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนะครับ แค่นั้นเอง