"...ภาพเด็กชายตัวเล็ก 2 คนวัยแค่ไม่เกิน 12-13 ขวบยืนทำหน้าตื่น งุนงง นิ่งงัน อยู่แถวหน้าเราหลังจากไฟในโรงเปิดสว่างขึ้นเมื่อหนัง Joker จบลงด้วยรอยเลือดบนรองเท้าที่ฆาตกรเดินออกจากห้องหลังการสนทนากับจิตแพทย์ที่มุ่งหวังช่วยเหลือ มันได้ฆ่าจิตแพทย์ผู้ประสงค์ดีในช็อทสุดท้ายที่เราไม่เห็นแต่จินตนาการได้จากรอยเท้าเปื้อนเลือดของฆาตกร ภาพเด็กผู้อ่อนเยาว์สองคนในวันนั้นมันรบกวนจิตใจเกินบรรยาย นี่คือที่มาของการร้องขอเสียงสนับสนุนจากพ่อแม่พี่น้องในที่นี้ มาเถอะมาช่วยกันส่งเสียงคนละหนึ่งเสียงส่งไปถึงผู้ใหญ่ที่มีอำนาจทั้งหลาย อย่ายอมให้ความรุนแรงจากหนักมาทำร้ายลูกหลานเราอีกต่อไปด้วยการกำหนดเรทหนัง แล้วบังคับใช้อย่างจริงจัง..."
ขณะนี้หนังฮอลลีวูดเรื่อง Joker กำลังเข้าฉายทำเงินทั่วโลก เป็นช่วงเวลาปิดเทอมในเมืองไทย ประเทศไทยยอมให้เด็กวัย 10-12 ขวบกลุ่มหนึ่งเดินเข้าดูหนังเรื่องนี้เพียงลำพัง ได้อย่างไร?
สมาคมภาพยนตร์อเมริกา (Motion Picture Association of America หรือ MPAA) จัดให้หนังเรื่องนี้เป็นเรทอาร์ (R)
เรท อาร์ (R: Restricted) คือ หนังที่ เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีจะเข้าชมได้ ต่อเมื่อมีผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ไปด้วยเท่านั้น ห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีเข้าชมเพียงลำพัง เนื่องจากเนื้อหาประกอบไปด้วยความรุนแรงระดับมาก ภาพสยดสยอง การใช้ภาษาที่มีความรุนแรงระดับมาก การใช้ภาษาไม่เหมาะสม ภาพโป๊ ภาพเปลือย กิจกรรมทางเพศหรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางเพศ และ/หรือการใช้ยาเสพติด
หนังเรื่องนี้น่าจะรุนแรงเกินเรทอาร์ซะด้วยซ้ำ
นักวิจารณ์ทั่วโลกแสดงความกังวลว่าเนื้อหาที่ดำมืดและรุนแรงของหนังเรื่องนี้อาจเป็นเหตุจูงใจให้เกิดเหตุอาชญากรรมในโลกความเป็นจริง
ถามว่า ประเทศไทยมีกฎหมายจัดประเภทหนังหรือไม่ ตอบว่ามี แต่ยังไม่เคยมีการบังคับใช้เฉกเช่นเดียวกับกฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่เคยแปรเป็นการปฏิบัติ
เด็กๆ เดินเข้าโรง ดูหนังได้ทุกเรื่อง พ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าลูกควร -ไม่ควรดูหนังเรื่องไหนบ้าง บางบ้านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกออกไปดูหนัง พนักงานขายตั๋ว ตรวจตั๋ว แค่ทำหน้าที่ขายตั๋ว ได้เงินมา ฉีกตั๋ว ยอมให้พวกเด็กๆ เดินเข้าไปเสพยาพิษที่ไม่รู้ว่ายาพิษ
หนังน่าหวาดหวั่นเรื่องนี้มีฉากความรุนแรงทั้งเรื่อง เช่น การยิงบนรถไฟ การยิงผู้ดำเนินรายการขณะออกอากาศในห้องส่ง ฆาตกรฆ่าแม่ตัวเองที่นอนไร้ทางขัดขืนบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล การเดินตามไปยิงนักการเมืองกับภรรยาต่อหน้าลูกชาย กับฉากสุดท้ายแม้ไม่เห็นการฆ่าแต่ภาพตัวละครที่เดินออกจากห้องขังย่ำเท้าทิ้งรอยเลือดบนพื้นนั่นก็ยิ่งสยดสยอง
ในความเป็นหนัง พวกเขาสื่อสารด้วยภาพได้ไร้ที่ติ แต่ผู้สร้างควรตอบคำถามสังคมว่า พวกเขาต้องการสื่อความหมายอะไรแน่? พวกเขาส่งต่อความรุนแรง โหดเหี้ยม อำมหิต โดยไม่ต้องใส่ใจว่าจะส่งผลใดๆ ต่อสังคม ใช่หรือไม่ ?
นักวิจารณ์บางคนชี้ชวนให้วิเคราะห์มูลเหตุที่มาของการกระทำรุนแรงของตัวละคร ว่ามาจากความกดดันรอบตัว มาจากโรคทางจิตเวช แม้จะจริงส่วนหนึ่งเรื่องป่วยทางจิต แต่ความกดดันรอบตัวมีเพียงน้อยนิดที่จะอธิบายพฤติกรรมตัวละคร ได้ นี่คือคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับพวกเขากระนั้นหรือ?
แม้จะอธิบายได้ แต่ถามว่า...หนังควรนำเสนอให้ตัวละครกระทำรุนแรงบ้าคลั่งให้ปรากฏและนำเสนอต่อสาธารณชนหรือไม่ หากพวกเขามีความรับผิดชอบต่อสังคมจริง คำตอบคือ ..ไม่..
เชื้อไฟแห่งความรุนแรง มีในตัวมนุษย์คนไหนบ้าง.. มากน้อยแค่ไหน ไม่อาจมีใครหยั่งรู้
ใครสักคนในร้อย ในพัน ในหมื่น ในแสน ในล้านคนที่เดินออกจากโรงหนังอาจเอาปืนไปกราดยิงคนบริสุทธิ์ที่เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมสังคม ล้มตายไป ด้วยเหตุแห่งความด้อยวุฒิภาวะ ภาวะโรคจิตเวชที่ถูกจุดไฟ เติมเชื้อความรุนแรงที่ซ่อนอยู่จากหนังสักเรื่องจะถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาผู้สร้างสิ่งยั่วยุนั้นได้หรือไม่? คำตอบคือไม่ เพราะไม่มีกฎหมายกำหนดไว้? พวกเขาลอยนวลสร้างหนังรุนแรงออกมาอีกเรื่อยๆ และเรื่อยๆ
อันนั้นเกินกำลังของเราแน่ ปล่อยเป็นจิตสำนึกของพวกเขาว่ามีเหลือสักกี่มากน้อย
เรารู้แค่ว่า...
เราต้องการปกป้องเด็กที่ยังไม่เจริญวุฒิภาวะไว้จากการยั่วยุของสื่อรุนแรงที่จู่โจมเด็กๆ ในทุกรูปแบบ ด้วยการไม่เติมเชื้อไฟแห่งความรุนแรงให้แก่พวกเขาโดยเด็ดขาด
ขอจากผู้ใหญ่ที่มีอำนาจอยู่ในมือเพียงแค่นี้...เพราะเราไม่มีอำนาจไงล่ะ
......................
ภาพเด็กชายตัวเล็ก 2 คนวัยแค่ไม่เกิน 12-13 ขวบยืนทำหน้าตื่น งุนงง นิ่งงัน อยู่แถวหน้าเราหลังจากไฟในโรงเปิดสว่างขึ้นเมื่อหนัง Joker จบลงด้วยรอยเลือดบนรองเท้าที่ฆาตกรเดินออกจากห้องหลังการสนทนากับจิตแพทย์ที่มุ่งหวังช่วยเหลือ มันได้ฆ่าจิตแพทย์ผู้ประสงค์ดีในช็อทสุดท้ายที่เราไม่เห็นแต่จินตนาการได้จากรอยเท้าเปื้อนเลือดของฆาตกร
ภาพเด็กผู้อ่อนเยาว์สองคนในวันนั้นมันรบกวนจิตใจเกินบรรยาย
นี่คือที่มาของการร้องขอเสียงสนับสนุนจากพ่อแม่พี่น้องในที่นี้ มาเถอะมาช่วยกันส่งเสียงคนละหนึ่งเสียง
ส่งไปถึงผู้ใหญ่ที่มีอำนาจทั้งหลาย อย่ายอมให้ความรุนแรงจากหนักมาทำร้ายลูกหลานเราอีกต่อไป
ด้วยการกำหนดเรทหนัง แล้วบังคับใช้อย่างจริงจัง.
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก www.nytimes.com