
"...ส่วนของไทย โมเดลกาสิโนไทย ตามที่ฟังนายกพูดแล้ว เป็นโมเดลรวม ๆ แบบมึนงง... อ้างว่าจะนำเงินเข้าประเทศ แต่กลับทำแบบสิงคโปร์ซึ่งเขาเก็บภาษีน้อยที่สุด ไม่ทำแบบมาเก๊าที่เก็บภาษีแพง ๆ หรือ อ้างว่ามีการควบคุมอย่างดี แต่กลับไม่อ้างวิธีควบคุมตามแบบนิวเจอร์ซีย์โมเดล..และรู้สึกว่าจะไม่ได้พูดถึงภาษีท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นแบบยูเคโมเดลเลย..."
ไม่กี่วันก่อนฟังนายกรัฐมนตรีพูดเรื่อง “แนวคิดกาสิโนไทย” แล้ว… ร้าวลงหน้าอก..คอยร้องตามตลอดว่า “ม่ายช่ายๆ ไม่ได้เป็นอย่างน้าน!!!” ... ราวกับว่ากำลังชม “นางเอก” ลูกเจ้าของบริษัทเล่นหนังเรื่องแรก..เธอแสดงเสียแข็งโป๊ก…!!
ข้อที่หนึ่ง “สิงคโปร์โมเดล” นายกฯ แถลงว่า “กาสิโนไทย” จะเป็นเหมือน “สิงคโปร์โมเดล”
หากไม่นับแนวคิดการเอา “สถานบันเทิง” มาล้อม “กาสิโน” ให้ดูเป็นกาสิโนชั้นสูงแล้ว “กาสิโนไทย” ไม่มีอะไรเหมือน “สิงคโปร์โมเดล”
สิงคโปร์เปิดกาสิโนเมื่อปลาย ค.ศ. 2009 โดยที่บริษัทลาส เวกัส แซนดส์ (Las Vegas Sands) ชนะการประมูลใบอนุญาตใบแรกที่มารีนา เบย์ แซนด์ มาตั้งแต่ ค.ศ. 2005 รัฐบาลให้ใบอนุญาตได้แค่ 2 ใบ (two-license) กำหนดให้ใบหนึ่งตั้งอยู่ในสิงคโปร์ อีกใบหนึ่งตั้งอยู่ที่เกาะนอกสิงคโปร์ แต่ใบอนุญาตนี้มีอายุเพียงสิบปีแล้วค่อยต่อใหม่
วิธีการให้ใบอนุญาตกระทำโดยการเปิดประมูลแข่งขันกัน มีบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติเข้ามาประมูลมากถึง 19 บริษัท แต่บริษัทที่ชนะ คือ บริษัทลาส เวกัส แซนด์ได้ใบอนุญาตที่มารีนา เบย์ แซนด์ดังกล่าว กับบริษัทเกนติ้ง อินเตอร์เนชันแนล รีสอร์ท (the Genting International Resort) ได้ใบอนุญาตที่เกาะเซนโตซา (Sentosa Island)
โมเดลนี้ต้องการให้บริษัทพนันเข้ามาประมูลง่ายที่สุด แต่บริษัทต้องลงทุนพัฒนาสถานบันเทิงเองทั้งหมด เป็นโมโดลที่เก็บภาษีน้อย คือ เก็บภาษีเฉพาะจากกำไรสุทธิ ภาษีบริษัท และไม่มีการขึ้นภาษีเพิ่ม ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ประมาณ 17% หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของภาษีของกาสิโนของมาเก๊า
วิธีการเก็บภาษีของสิงคโปร์ จะแบ่งเป็นภาษีที่เก็บจากรายรับรวมที่ได้จากผู้เล่น โดยแบ่งผู้เล่นเป็นสองเกรด คือ เกรดพรีเมียม เก็บ 5% กับเกรดทั่วไป 15% และเก็บภาษีสินค้าและบริการจากรายรับรวมของการพนันอีก 7%
สิงคโปร์โมเดลนี้จึงมีชื่อทางวิชาการว่า “The Limited Free License Model” หมายความว่ามีใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการได้จำกัดแค่สองใบ อายุใบอนุญาตแค่สิบปีแล้วต่อใหม่ วิธีการได้ใบอนุญาตกระทำโดยการประมูลกันของบริษัทการพนันขนาดใหญ่ เก็บภาษีต่ำ เพื่อจูงใจให้เกิดการแข่งขันกัน แต่บริษัทต้องลงทุนสร้างสถานบันเทิงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศและจะเอามาเป็นเกณฑ์ประเมินผลต่อใบอนุญาต
สรุปง่าย ๆ ว่า “กาสิโนไทย” ต่างไปจากสิงคโปร์โมเดล ตรงที่ “กาสิโนไทย”
(1) ใบอนุญาตจะมีกี่ใบก็ไม่รู้--ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการนโยบาย
(2) ค่าธรรมเนียมและภาษีจะเก็บเท่าไร--ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการนโยบาย
(3) วิธีการได้มาซึ่งใบอนุญาต--ไม่ได้กระทำโดยการเปิดประมูลอย่างโปร่งใส แต่ให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการนโยบายที่จะให้คะแนน
(4) อายุใบอนุญาตระยะแรกกำหนดไว้สามสิบปี ไม่ใช่สิบปี (ไทยเหมือนกันกับโซปรัสโมเดลมากกว่า)
(5) ไทยไม่กล่าวถึงการพนันออนไลน์ ดูเหมือนทำท่าจะแก้ประกาศกระทรวงให้ผู้ได้รับอนุญาตเปิดการพนันออนไลน์ได้ด้วย ซึ่งสิงคโปร์ ญี่ปุ่นจะไม่ยอมให้มีการพนันออนไลน์ควบคู่กับการพนันกาสิโนบนดิน
โมเดลกาสิโนไทยจึงเป็นโมเดลที่ง่ายต่อการเข้ามาลงทุนของบริษัทการพนันและเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทการพนันมากกว่าโมเดลสิงคโปร์มาก โดยเฉพาะบริษัทที่จะได้รับใบอนุญาตต้องมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ส่วนค่าธรรมเนียมก็ใช้วิธีกำหนดเป็นเพดานขั้นสูงไว้ใบละไม่เกินห้าพันล้านบาทสำหรับอายุใบอนุญาตสามสิบปี --คล้ายกับล็อกสเป็คไว้แล้ว
สรุปว่าโมเดลกาสิโนไทยมีลักษณะเด่น คือ เป็นการใช้ดุลพินิจที่กว้างมากกว่า ขณะที่สิงคโปร์โมเดล ทุกอย่างใช้วิธี fixed ล่วงหน้า และมีการเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นระยะเวลาเป็นอย่างดี ซึ่งสัมพันธ์กับข้อที่สองที่จะกล่าวต่อไป
โมเดลกาสิโนไทยจึงทำให้คณะกรรมการนโยบาย คือ นายก รองนายก รัฐมนตรี 6 กระทรวง ผบ.ตร. เลขาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขาปป.และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน มีฐานะเป็น superboard ที่มีอำนาจ และไม่มีระบบการถ่วงดุลและตรวจสอบ โดยเฉพาะระบบความพร้อมรับผิด (accountability) และการตรวจสอบความถูกต้องในการใช้ดุลพินิจ อันเป็นช่องทางให้เกิดความลับความดำมืด (secrecy) และวาระซ่อนเร้น (hidden agenda) ได้ง่าย
พูดง่าย ๆ ว่า “โมเดลกาสิโนของไทยนี้” คนไทยเห็นหน้า “คุณ ก.ไก่” กับ “คุณ ฮ.นกฮูก” ลอยมา...
ข้อที่สอง Responsible Gambling ในวันที่แถลงต่อสื่อมวลชน นายกไทยพูดคำว่า “Responsible Gambling” หลายครั้ง
แต่แท้จริง คำว่า “การพนันที่มีความรับผิดชอบ” (Responsible Gambling) สำหรับภาครัฐแล้ว หมายถึง
“Responsible gambling refers to policies and practices designed to prevent and reduce potential harms associated with gambling; these policies and practices often incorporate a diverse range of interventions designed to promote consumer protection, community/consumer awareness and education, and access to efficacious treatment.
การพนันที่มีความรับผิดชอบหมายถึงนโยบายและการปฏิบัติที่ออกแบบเอาไว้เพื่อป้องกันและลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้จากการพนัน นโยบายและการปฏิบัติดังกล่าวนี้มักรวมถึงการแทรกแซงด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ออกแบบเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค การตระหนักรู้ของชุมชนหรือผู้บริโภคและการให้การศึกษา และการเข้าถึงการบำบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพ
การพนันที่มีความรับผิดชอบจึงหมายความว่าก่อนที่รัฐบาลจะเปิดกาสิโนได้ รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายและวิธีการป้องกันเอาไว้ก่อน..
ตามทฤษฎีการเปิดกาสิโนที่ถูกกฎหมายที่ วิลเลียม อาร์ เอดิงตัน (William R. Eadington) กำหนดเอาไว้มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1) ขั้นแรก ต้องดูก่อนว่า “องค์กรทางศาสนา” ต่อต้านการเปิดกาสิโนหรือไม่? ถ้ามีองค์กรทางศาสนาต่อต้าน ประเทศนั้นจะเปิดกาสิโนไม่ได้เลย เพราะขัดต่อคุณค่าของศาสนา นโยบายเกี่ยวกับกาสิโนของประเทศนั้นจึงได้แก่การขจัดการพนันออกไป (eradication) เท่านั้น..
(2) ขั้นที่สอง ต้องดูประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายก่อน เพราะถ้าประเทศนั้นไม่สามารถยับยั้งการกระทำที่ผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เท่ากับว่า “กาสิโน” ในประเทศนั้นก็มีอยู่แล้วนี่นา.. โดยที่มีกฎหมายห้าม.. แต่ตำรวจหรือว่าอัยการไม่สามารถนำตัวคนทำผิดกฎหมายมาฟ้องร้องต่อศาลได้ ซึ่งทางทฤษฎีการพนันเรียกว่าปัญหา non-enforcement ของประเทศ ถ้าหากประเทศมีปัญหานี้ การเปิดการพนันถูกกฎหมายก็จะทำไม่ได้อีกเช่นกัน
เพราะขนาดกฎหมายห้ามแล้ว คุณยังจับไม่ได้ ...แล้วคุณยังไปเอามาทำให้ถูกกฎหมาย มันจะควบคุมอย่างไร เพราะการพนันที่ถูกกฎหมายก็ต้องมีวิธีการควบคุม (regulating) ที่ดีด้วย...
(3) ขั้นที่สาม ต่อมา ถ้าผ่านข้อ (1) และ (2) คือ องค์กรศาสนาไม่ลุกขึ้นมาคัดค้าน ประเทศบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อต่อไป รัฐบาลก็ต้องกำหนดนโยบายการพนัน (gambling policy) ออกมาให้ชัดเจนก่อน ทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค เพื่อชั่งน้ำหนักผลได้ (benefits) เช่น ภาษี การมีงานทำ การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการตอบสนองต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค เทียบกับต้นทุน (cost) เช่น การเข้าแทนกันที่ทางเศรษฐกิจ (economic displacement) หมายถึงนโยบายการพนันก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจใดขึ้นมาในพื้นที่ใด และกิจกรรมนั้นส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจใดในพื้นที่นั้นลดลงหรือไม่ เช่น เราไปตั้งบ่อนที่ภูเก็ต แล้วบ่อนกระทบต่อการท่องเที่ยวตามธรรมชาติของเขาอย่างไรหรือไม่ หรือผลต่ออาชญากรรม และเศรษฐกิจการพนันที่ทำงานทางที่ผิด เช่น การเล่นการพนันโกงกัน การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ ฯลฯ
ในข้อนโยบายการพนันข้อที่สามนี้สำคัญมาก เพราะรัฐบาลต้องหาทางลดต้นทุนให้มากที่สุด ถ้าประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับต้นทุน หรือสมมติธุรกิจการพนันเขาเปิดแล้ว “เจ๊ง” ก็ต้องกระทบต่อประเทศเราอย่างแน่นอน—เพราะการพนันย่อมขึ้นอยู่กับคนเล่น ถ้าไม่มีคนเล่น เขาก็ต้องเจ๊งเป็นธรรมดา..ดูได้จากบ่อนตามชายแดนไทยเป็นตัวอย่าง ตอนนี้กลายเป็นองค์กรอาชญากรรมไปแล้วหลายแห่ง..เช่น เป็นฐานที่ตั้งของคอลเซ็นเตอร์
การชั่งน้ำหนักนี้ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา เอาตัวเลขประโยชน์และต้นทุนมาว่ากัน ในตำราเอดิงตันเขียนว่า “อย่า hyperbole” หมายความว่า “อย่าพูดเกินเลย” อย่างเช่น นายกไทยพูดว่า “ประเทศไทยได้อย่างเดียว ไม่มีเสีย เพราะบริษัทการพนันเอามาลงทุน..” ซึ่งมัน hyperbole—บริษัทการพนันอะไรเขาจะดีขนาดนั้น...เขาช่างไม่คิดจะได้อะไรจากคนไทยบ้างเลยหรือ??
(4) ขั้นที่สี่ การเลือกโมเดล โมเดลการเปิดกาสิโนมีเยอะมาก เช่น นิวเจอร์ซีย์โมเดล เน้นการคุมเข้ม ตั้งแต่การทำชิปการพนันไปจนถึงการห้ามเข้าไปเล่นและห้ามโกง แต่ต้นทุนการควบคุมจะสูงมาก บริษัทพนันจะไม่ชอบ หรือเนวาด้าโมเดล เป็นโมเดลให้เอกชนแข่งขันกัน เอกชนจะคุ้มครองผู้เล่น โดยเฉพาะการรับประกันว่าบ่อนของตัวเองไม่มีการโกง ถ้าหากจับได้ บ่อนจะชดใช้ให้ หรือยูเคโมเดล เป็นโมเดลที่เน้นการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เช่น สมมติไปเปิดที่ภูเก็ต ภาษีต้องให้ภูเก็ต และเทศบาลภูเก็ตสามารถสั่งปิดได้ หรือมาเก๊าโมเดล เน้นการเก็บภาษีเข้ารัฐเยอะ ๆ หรือสิงคโปร์โมเดลเน้นการให้ใบอนุญาตน้อยราย เหมือนญี่ปุ่นและดูไบ แต่ใบอนุญาตอายุสั้นเพื่อให้ควบคุมได้ง่ายและเอาผลงานที่ผ่านมามาต่ออายุ..
ส่วนของไทย โมเดลกาสิโนไทย ตามที่ฟังนายกพูดแล้ว เป็นโมเดลรวม ๆ แบบมึนงง... อ้างว่าจะนำเงินเข้าประเทศ แต่กลับทำแบบสิงคโปร์ซึ่งเขาเก็บภาษีน้อยที่สุด ไม่ทำแบบมาเก๊าที่เก็บภาษีแพง ๆ หรือ อ้างว่ามีการควบคุมอย่างดี แต่กลับไม่อ้างวิธีควบคุมตามแบบนิวเจอร์ซีย์โมเดล..และรู้สึกว่าจะไม่ได้พูดถึงภาษีท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นแบบยูเคโมเดลเลย..
เขียนมาถึงตรงนี้คงต้องรีบจบเพราะหน้ากระดาษเกิน… แต่ท่านผู้อ่านก็พอเห็นสัจธรรมว่า “บางทีการวิจารณ์ฉ่ำ ๆ มันก็เกิดจากปัญหาการพูดแบบเฉิ่ม ๆ” นั่นแหละไม่ได้เป็นปัญหาอย่างอื่นเลย!! พับเผื่อย...
บทความโดย :
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา