
"...การวิเคราะห์: ลักษณะรอยร้าวในแนวนอนขนานกับพื้น เกิดจากการดัดตัว (bending mode) ในทิศตั้งฉากกับระนาบกำแพง หากกำแพงและเสาวิบัติในลักษณะนี้ อาคารจะต้องเอียงตัวและกำแพงจะไม่แตกละเอียด จนไม่เหลือร่องรอย คือจะแตกเฉพาะจุดที่ค่าโมเมนต์สูงสุดเท่านั้น นอกจากนี้จะต้องใช้เวลามากกว่า 8 วินาทีแน่นอน (ขัดแย้งทั้ง 3 ข้อ)..."
ในการบรรยายของผมที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมเรียนให้ที่ประชุมทราบว่า เจตนาของผมคือต้องการเข้าใจว่า การที่อาคาร สตง. ถล่มเป็นรูปแบบของแพนเค้ก (Pancake Collapse) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย เกิดจากกลไกการวิบัติ (Mechanism) แบบใด
คำตอบที่ผมค่อนข้างมั่นใจคือ "การวิบัติโดยสิ้นเชิงของอาคารนี้ เกิดจากกลไกของการบิดตัวของอาคารที่ไม่สมมาตรจากแผ่นดินไหว ทำให้กำแพงปล่องลิฟท์และเสารับแรงบิดรอบตัวเองไม่ได้ จึงถูกทำลายในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้อาคารในชั่วขณะเหมือนถูกยกลอยในอากาศ และถูกปล่อยลงมาด้วยน้ำหนักตัวเอง จึงมีอำนาจการทำลายมหาศาล"
การวิบัตินี้มีองค์ประกอบที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ 3 ข้อซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ คือ:
(1) เป็นการวิบัติโดยสมบูรณ์ (Total Collapse) โดยไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคาร หรือแม้กระทั่งกำแพงปล่องลิฟท์ค้างคาอยู่
(2) อาคารถล่มในแนวดิ่งโดยไม่เกิดการเอียง
(3) อาคารใช้เวลาวิบัติเพียง 8 วินาที (โดย 3 วินาทีแรกใช้ในการทำลายกำแพงและเสาชั้นล่าง และ 5 วินาทีหลังใช้เท่ากับเวลาที่วัตถุถูกปล่อยจากดาดฟ้าอาคารตกลงมาสู่พื้นดิน จึงนับได้ว่าเป็นเวลาที่กระชับมาก)
ผมยังยืนยันว่า ผมไม่ได้มีความประสงค์ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า อะไรเป็นสาเหตุหรือมีส่วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปล่องลิฟท์และเสามีจุดอ่อนจนไม่สามารถทนทานต่อแรงเฉือนนี้ได้ ผมอยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่ฝ่ายรัฐตั้งขึ้นสอบสวนหาเอง
อนึ่ง การตั้งข้อสันนิษฐานว่า กลไกการวิบัติ (Mechanism) เป็นอย่างไรนั้น เราจำต้องพิสูจน์ว่า ข้อสันนิษฐานนั้นจะต้องไม่ขัดแย้งกับหลักฐานเชิงประจักษ์ทั้ง 3 ข้อข้างต้น
ผมได้รวบรวมข้อสันนิษฐานอื่นๆ ที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยไว้ โดยสมมติถ้าเกิดขึ้นจริง การวิบัติจะสอดคล้องกับหลักฐานเชิงประจักษ์ทั้ง 3 ข้อดังกล่าวหรือไม่:
1. เครนที่ดาดฟ้ากระแทกหรือฉุดรั้งโครงสร้าง
การวิเคราะห์: มวลของเครนน้อยกว่ากำแพงปล่องลิฟท์มาก ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะทำให้กำแพงแตกย่อยจนราบกับพื้น (ขัดแย้งทั้ง 3 ข้อ)
2. เสาชั้นบนใกล้ดาดฟ้าหัก ทำให้พื้นถล่มเป็นชั้นๆ
การวิเคราะห์: การวิบัติจากชั้นบนอาจทำให้พื้นกระแทกชั้นล่างๆ ตามลำดับ แต่ไม่สามารถทำลายกำแพงปล่องลิฟท์ให้แตกละเอียดได้ทั้งหมด อีกทั้งการถล่มแบบนี้จะใช้เวลามากกว่า 8 วินาที ซึ่งไม่สอดคล้องกับเวลาการตกอิสระตามแรงโน้มถ่วง (ขัดแย้งข้อ 1 และ 3)
3. การแตกร้าวในแนวนอนของกำแพงปล่องลิฟท์ เหมือนที่พบในอาคารสูงที่ร้าว 5-6 หลัง
การวิเคราะห์: ลักษณะรอยร้าวในแนวนอนขนานกับพื้น เกิดจากการดัดตัว (bending mode) ในทิศตั้งฉากกับระนาบกำแพง หากกำแพงและเสาวิบัติในลักษณะนี้ อาคารจะต้องเอียงตัวและกำแพงจะไม่แตกละเอียด จนไม่เหลือร่องรอย คือจะแตกเฉพาะจุดที่ค่าโมเมนต์สูงสุดเท่านั้น นอกจากนี้จะต้องใช้เวลามากกว่า 8 วินาทีแน่นอน (ขัดแย้งทั้ง 3 ข้อ)
4. ฐานรากวิบัติจากปรากฏการณ์ดินเหลว (Soil Liquefaction)
การวิเคราะห์: หากวิบัติที่ฐานราก อาคารจะต้องเอียงอย่างเห็นได้ชัด กำแพงจะต้องมีซากเหลืออยู่ให้ตรวจสอบ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดดินเหลวจริงหรือไม่ (ขัดแย้งทั้ง 3 ข้อ)
5. การเชื่อมต่อเหล็กเสริมระหว่างพื้นเข้ากับกำแพงที่ใช้ Coupler ไม่ได้มาตรฐาน อาจกลายเป็นจุดอ่อน
การวิเคราะห์: แม้อาจเกิดการแยกตัวระหว่างพื้นกับกำแพง ทำให้พื้นหลุด ตกกระแทกเป็นชั้นๆ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายการที่กำแพงปล่องลิฟท์แตกละเอียดจนไม่เหลือร่องรอย และการถล่มแบบต้องกระแทกชั้นถัดไปเป็นโดมิโน คงต้องใช้เวลาในการถล่มมากกว่า 8 วินาที (ขัดแย้งทั้ง 3 ข้อ)
6. โครงสร้างอาคารชั้นล่างอ่อนแอ (Soft Story)
การวิเคราะห์: กลไกนี้พบบ่อยในเหตุแผ่นดินไหว โดยวิบัติที่ชั้นที่อ่อนแอทำให้เกิดการพับตัว อาคารจะมีลักษณะ 'ขาพับ' ไม่ใช่ 'ขาลอย' และต้องมีการเอียงตัวให้เห็น รวมทั้งควรพบร่องรอยกำแพงเหลืออยู่ในซากปรักหักพัง
ท้ายนี้ ผมอยากแนะนำผู้สนใจที่อยากเห็นด้วยสายตาว่า โครงสร้างของอาคารแท้จริงเป็นอย่างไร ขอให้ชมคลิปของน้องวิศวกรโครงสร้าง คือ คุณสุวัจฉรัตน์ จารุจารีตร์ ซึ่งจะพาเราชมโมเดล BIM ของโครงสร้างอาคาร โดยคลิปนี้ ผมได้ขออนุญาตเป็นการส่วนตัว โดยการย่อให้กระชับ เพื่อนำมาเผยแพร่เพื่อให้เข้าใจประเด็นต่างๆ ของการวิบัติ ผมประทับใจในวิศวกรรมสำนึก (Engineering Sense) ของน้องสุวัจฉรัตน์มาก ที่พาเราไปชี้ดูจุดวิบัติต่างๆ ที่เกิดจริง พร้อมคำวิจารณ์ที่มีตรรกะสมกับที่เป็นวิศวกร โดยคำวิจารณ์ที่สมเหตุสมผลนี้ ได้ให้ไว้ตั้งแต่คลิปฉบับเต็มที่ออกมาในอาทิตย์แรกหลังเกิดเหตุ
หมายเหตุ ที่น้องสุวัจฉรัตน์บรรยาย ว่าพบหลักฐานเชิงประจักษ์การวิบัติอยู่ 3 จุด ความจริงมีจุดที่ 4 ที่ซ่อนอยู่หลังเสาข้างหน้า 2 ต้น ที่ผมซูมให้เห็นในโพสต์ที่แล้ว คือ กำแพงปล่องลิฟท์หลังเสาสองต้นนี้ ที่แตกระเบิดก่อนหน้าทีเสาสองต้นหน้าถูกเฉือนขาดเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
แหล่งที่มา : FB https://www.facebook.com/share/p/1AWyMon9CD/?
ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย
ราขบัณฑิต วุฒิวิศวกร
27 เมษายน 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา