"...แนวทางเหล่านี้แสดงให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำของสตรีไทย ที่มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเยาวชนจากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า การทำงานดังกล่าวของผู้นำสตรีทั้งสามท่าน ถือเป็นแบบอย่างของการใช้ความสามารถและอำนาจหน้าที่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตที่เยาวชนได้รับการคุ้มครองและปลอดจากภัยของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริงเป็นข้อยืนยันถึงบทบาทสตรีที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงในฐานะของผู้นำของสังคม ที่จะจัดการกับภัยของสังคมเพื่อให้เด็กและเยาชนปลอดภัย..."
ปัจจุบันปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในหมู่เด็กและเยาวชนไทย ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง มีรายงานพบผู้ป่วยจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยมีอาการที่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลไทยจึงเร่งดำเนินมาตรการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง ภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร โดยมีการกำหนดแนวทางที่เป็นรูปธรรมและระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน
เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2568 ขอประมวลนำเสนอเรื่องราวของสามสตรีผู้นำของไทยที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหานี้ ได้แก่ (1) นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร, (2) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จิราพร สินธุไพร, และ (3) รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทวิดา กมลเวชช ทั้งสามท่านได้ทำงานในทิศทางเดียวกัน ในบทบาทตามภารกิจหน้าที่และบริบทการทำงาน
เพื่อแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน
แพทองธาร ชินวัตร: นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของไทย กับการสั่งการเชิงรุก
แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทย และเป็นผู้นำรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชน ได้ออกคำสั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าภายใน 60 วัน โดยมุ่งเป้าไปที่การกวาดล้างเครือข่ายการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน
นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้เน้นย้ำให้มีการ ปราบปรามผู้ค้ารายใหญ่และรายย่อยอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อลดการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์
จิราพร สินธุไพร: รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับการใช้กฎหมายจัดการบุหรี่ไฟฟ้า
จิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า การลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด โดยเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
โดยระบุว่า “เราต้องทำให้ผู้ลักลอบนำเข้ามีค่าใช้จ่ายมากที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้ทำผิดซ้ำได้อีก และมีการใช้กฎหมายที่เข้มข้นขึ้น” โดยกำหนดมาตรการดังนี้
• หากของกลางมีมูลค่าเกิน 500,000 บาท จะส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ดำเนินการทันที
• หากของกลางต่ำกว่า 500,000 บาท จะมีการ สืบทรัพย์ และส่งให้ ป.ป.ง. ดำเนินการต่อ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบและมีการติดตามผลต่อเนื่องภายในระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าจะได้ผลจริง
ทวิดา กมลเวชช: รองผู้ว่าฯ กทม. กับมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน
รองศาสตราจารย์ ทวิดา กมลเวชช เป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสาธารณสุข โดยเฉพาะการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยได้ออกมาตรการเร่งด่วน ภายใน 45 วัน เพื่อตรวจสอบและดำเนินการกวาดล้างการขายบุหรี่ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร
ในช่วงต้นปี 2568 ได้เป็นประธานการประชุมที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า โดยเน้นไปที่การ กวดขันและจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในบริเวณโรงเรียนและสถานที่สาธารณะ
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ผู้ปกครองและครูมีบทบาทในการให้ความรู้และเฝ้าระวังพฤติกรรมของเยาวชน พร้อมทั้งจัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานครทุกเดือน
การทำงานของสตรีผู้นำไทยเพื่อสังคมปลอดบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไปในทิศทางเดียวกันการดำเนินการของผู้นำทั้งสามท่านแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ มีทิศทางสอดคล้องและเป็นเอกภาพ ซึ่งกันและกัน เพื่อปกป้องเยาวชนจากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีกำหนดการติดตามประเมินผลที่ชัดเจน
• นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าภายใน 60 วัน
• รัฐมนตรีจิราพร มุ่งเน้นการใช้กฎหมายเข้มงวดและติดตามผลภายใน 30 วัน
• รองผู้ว่าฯ ทวิดา วางมาตรการเร่งด่วนในกรุงเทพฯ ภายใน 45 วัน
แนวทางเหล่านี้แสดงให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำของสตรีไทย ที่มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเยาวชนจากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า การทำงานดังกล่าวของผู้นำสตรีทั้งสามท่าน ถือเป็นแบบอย่างของการใช้ความสามารถและอำนาจหน้าที่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตที่เยาวชนได้รับการคุ้มครองและปลอดจากภัยของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริงเป็นข้อยืนยันถึงบทบาทสตรีที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงในฐานะของผู้นำของสังคม ที่จะจัดการกับภัยของสังคมเพื่อให้เด็กและเยาชนปลอดภัย
วิทยา กุลสมบูรณ์
มูลนิธิเภสัชชนบท
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.freepik.com