"...มันคือเส้นสีแดงที่พุ่งขึ้นมาชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 พักฐานไตรมาสที่ 4 ปี 2566 แล้วไปต่อตั้งแต่ปี 2567 พร้อมๆกับมาตรการกลับไปสู่ความเป็นปกติ (normalize) เศรษฐกิจค่อย ๆ โตกลับมาอย่างเชื่องช้า มีเรื่องการให้กู้อย่างรับผิดชอบ การแก้หนี้เรื้อรัง แก้หนี้ครบวงจร ภาพของเส้นหนี้เสียวิ่งจาก 7.7% สู่ 8.8%..."
ขอนำเรียนรายงานภาระหนี้สินภาคครัวเรือนจากสถาบันการเงิน 157 แห่งที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ครอบคลุมประชาชนคนไทยและผู้มีถิ่นฐานในประเทศไทยที่มีหนี้สินกับสถาบันการเงินสมาชิก ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมประมาณกว่า 30 ล้านคน
จากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีรายละเอียดดังนี้
ภาพที่ 1
ภาพที่ 1 หนี้ครัวเรือนในระบบเครดิตบูโรอยู่ที่ 13.6 ล้านล้านบาท (หนี้ครัวเรือนไทยทั้งหมด 16.3ล้านล้านบาท) อัตราการเติบโต 0.5% เมื่อเปรียบเทียบระยะเดียวกันของปีก่อน(yoy)ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน( QoQ)จะ -0.2%
สรุปคือสินเชื่อไม่โต
เศรษฐกิจในไตรมาส 3 เติบโต 3% ขณะในช่วง 9 เดือนเติบโต 2.3%
สินเชื่อธุรกิจคนตัวเล็ก -4.6% yoy
สินเชื่อเบิกเกินบัญชี -4.5% yoy
ดำเนินนโยบายไทยคำอังกฤษคำมาจนสินเชื่อให้กับผู้คนเดินถนนถอยลงได้ระดับนี้ต้องกราบขอประชดประชันด้วยการปรบมือชื่นชมครับ.. หมดคำสิเว้า..
ภาพที่ 2
ภาพที่ 2 ระดับของสินเชื่อไม่ก่อเกิดรายได้( NPLs)ก็เป็นไปตามคาดมาอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.8% ของหนี้รวม 13.6 ล้านล้านบาท
มันคือเส้นสีแดงที่พุ่งขึ้นมาชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 พักฐานไตรมาสที่ 4 ปี 2566
แล้วไปต่อตั้งแต่ปี 2567 พร้อมๆกับมาตรการกลับไปสู่ความเป็นปกติ (normalize) เศรษฐกิจค่อย ๆ โตกลับมาอย่างเชื่องช้า มีเรื่องการให้กู้อย่างรับผิดชอบ การแก้หนี้เรื้อรัง แก้หนี้ครบวงจร ภาพของเส้นหนี้เสียวิ่งจาก 7.7% สู่ 8.8%
วันก่อน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)แวะมาคุยที่สำนักงานก็พยักหน้ากับผลกระทบหลังโควิดและยิ้มอ่อน เมื่อถามถึงตัวเลขความสำเร็จของการแก้หนี้แบบครบวงจรตลอดเส้นทางการเป็นหนี้ โดยเฉพาะแก้หนี้เรื้อรังว่า มีจำนวนกี่บัญชีที่เข้ามาตรการแก้ไขปิดจบ หรือมาตรการ debt consolidation ว่า มียอดทำได้เท่าใด
ภาพที่ 3
ภาพที่ 3 หนี้ NPLs ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาทโดยประมาณ เติบโต 14.1% yoy 3.4% QoQ
ใจชื้นตรงที่ NPLs สินเชื่อบ้าน รถยนต์ เครดิตคาร์ด สินเชื่อส่วนบุคคลนิ่ง ๆ หรือโตไม่มากจากไตรมาสก่อน
แต่ที่กังวลมากคือสินเชื่อธุรกิจคนตัวเล็กหรือ SME มันเติบโต 20% yoy 5.2% QoQ อันนี้คือประเด็นสำคัญมาก ๆ
ภาพที่ 4
ภาพที่ 4 SM ครับ ยอดคงค้าง Q3 ปี 2567มาหยุดที่ 4.8แสนล้านบาทโดยประมาณ ลดลงมาทั้ง yoy QoQ น่าจะเบาใจขึ้นได้บ้าง
ภาพที่ 5
ภาพที่ 6
สองภาพสุดท้ายคือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หลังเป็นหนี้เสียที่เรียกว่าทำ TDR ซึ่งตัวเลขสะสมมาอยู่ที่ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.6% ของ 13.6 ล้านล้านบาท ที่ไม่ค่อยดีคือมันอืด มันเติบโต QoQ ติดลบประมาณ 3%
ในส่วนของ DR หรือปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันก่อนเป็นหนี้เสียยอดสะสมตั้งแต่เมษายน 2567 มาหยุดที่ 1.2 ล้านบัญชี 6.45 แสนล้านบาท
ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และหลายท่านจะได้นำไปประกอบการพิจารณากับมาตรการแก้หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หนี้ SMEs ที่กำลังจะประกาศความชัดเจนในเร็ววันนะครับ
https://www.facebook.com/share/p/18c5Q4k5FJ/?
หมายเหตุ:เป็นข้อเขียนของ
สุรพล โอภาสเสถียร
ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)ในเฟซบุ๊กส่วนตัว สำหรับชื่อบทความตั้งโดยสำนักข่าวอิศรา