"...ทุกวันนี้ “คอร์รัปชันในภาคเอกชน” เป็นปัญหาของชาติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคอร์รัปชันในภาครัฐและการเมือง กล่าวคือ เอกชนจำนวนมากเป็นฝ่ายสมคบคิดหรือหยิบยื่นสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐ และมีไม่น้อยที่ค้าขายเห็นแก่ได้ เอาเปรียบลูกค้า เอาเปรียบสังคม บ้างก็คดโกงผู้ถือหุ้นในกิจการของตนเอง ฯลฯ..."
“โกงแบบโปร่งใส” คือ โกงกันซึ่งๆ หน้า โกงอย่างเปิดเผย ไม่อายไม่กลัวใคร โกงถูกระเบียบเป็นไปตามขั้นตอนจนดูเหมือนโปร่งใส แต่เบื้องหลังกลับจอมปลอม ปกปิด สมคบคิดกันซับซ้อนแนบเนียน แม้สังคมจะเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากล ขัดข้องใจว่าแบบนี้ก็ได้หรือ แต่ต้องจำยอม!!
“ธรรมาภิบาลเหมือนมี แต่มองไม่เห็น” เพราะหน่วยงานรัฐและเอกชนจำนวนมากในยุคนี้ ชอบสร้างภาพว่ายึดมั่นธรรมาภิบาล (Governance) แต่เอกชนส่วนใหญ่ยังยอมจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้ตนได้อภิสิทธิ์หรือผลประโยชน์บางอย่าง หลายรายมุ่งแต่โกยกำไร เอาเปรียบสังคมแม้รู้ว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่หน่วยงานรัฐก็อ่อนแอในการกำกับดูแลภายในองค์กรให้ได้ผล ตรวจสอบกันน้อยลง จนเกิดเป็นพายุคอร์รัปชันดั่งเช่นทุกวันนี้
เอกชนโกง รัฐไม่ยอมเปลี่ยน
ทุกวันนี้ “คอร์รัปชันในภาคเอกชน” เป็นปัญหาของชาติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคอร์รัปชันในภาครัฐและการเมือง กล่าวคือ เอกชนจำนวนมากเป็นฝ่ายสมคบคิดหรือหยิบยื่นสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐ และมีไม่น้อยที่ค้าขายเห็นแก่ได้ เอาเปรียบลูกค้า เอาเปรียบสังคม บ้างก็คดโกงผู้ถือหุ้นในกิจการของตนเอง ฯลฯ
หน่วยงานของรัฐสามารถกำกับพฤติกรรมของเอกชนได้เพียงบางกลุ่มเท่านั้น เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีองค์กรเอกชนทำหน้าที่ปกป้องประชาชน เช่น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิบูรณะนิเวศน์ มูลนิธิชีววิถี สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นต้น
ขณะที่ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจดูแลเรื่องคอร์รัปชันในภาคเอกชน
เป็นห่วงแต่ว่า แรงจูงใจให้คนคอร์รัปชันมักมีพลังมากจากความโลภและมักง่าย ขณะที่กลไกรัฐก็เป็นใจ แต่ “เสียงของประชาชน” ไม่เข้มแข็งพอที่จะกำหนดกติกาสังคมให้พร้อมสนับสนุนหรือลงโทษคนโกง (Social Sanction)
ชวนคนไทยต้านโกง ด้วยพลังผู้ซื้อ ผู้บริโภค
เพื่อหยุดคอร์รัปชันในภาคเอกชน จำเป็นต้องอาศัยพลังประชาชนในฐานะผู้บริโภคให้แสดงพลังความเป็น “ลูกค้า” ที่ควรได้รับรู้และร่วมตัดสินใจ จะสนับสนุนหรือต่อต้านไม่ยอมรับสินค้าและบริการ จะเลือกซื้อสินค้าเพราะชื่อดังโฆษณามาก แต่เจ้าของอื้อฉาวเอาแต่ได้ หรือจะอุดหนุนรายที่สังคมยอมรับว่าซื่อสัตย์ ใส่ใจสังคม ดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่มักง่ายเอาเปรียบใคร แน่นอนว่าการเลือกเช่นนี้สามารถกระตุ้นและเปลี่ยนพฤติกรรมภาคธุรกิจได้เกินกว่าจะคาดคิด
เพื่อประโยชน์ของคนไทย เราต้องหยุดสนับสนุนธุรกิจที่มีพฤติกรรมฟอกขาว เน้นสร้างภาพ!!
แล้วร่วมกันอุดหนุนธุรกิจที่ใส่ใจรับผิดชอบ ไม่โกงไม่สนับสนุนการโกง เพื่อพิสูจน์ว่าทำดีแล้วได้ดี คนค้าขายซื่อสัตย์จะเป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงและเติบโตยั่งยืน ผู้ประกอบการทุกขนาดจะได้มีกำลังใจ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ มั่นใจว่าความรับผิดชอบต่อสังคมไม่ใช่ภาระแต่เป็นสิ่งที่คนไทยต้องร่วมมือกัน
มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
10 กันยายน 2567