"...จึงขอเสนอให้พิจารณาว่า เพื่อให้ดำเนินการได้รวดเร็วและโปร่งใส ขอให้แจกเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กอายุ 0-5 ขวบ และผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวนรวมกัน 8.5 ล้านคน จะใช้งบประมาณ 85,000 ล้านบาท โดยครัวเรือนร่ำรวยก็ให้สามารถมีสิทธิ์ได้ประโยชน์ จากสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับกลุ่มอายุนี้ด้วย เพราะได้เป็นกำลังสำคัญร่วมจ่ายภาษี..."
...................................
หมายเหตุ : บทความเรื่อง “จากแจกเงินดิจิทัล สู่การลงทุนเพื่ออนาคต” โดย ดร.ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หลังจาก ‘นักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์’ จำนวน 99 คน ได้ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ฯ ฉบับลงวันที่ 5 ต.ค.2566 เรียกร้องให้ รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ยกเลิก ‘นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท’ โดยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์คัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีดังนี้
-เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว : ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นด้วยการแจกเงิน เนื่องจากโดยภาพรวมกำลังขยายตัว ไม่ได้กำลังติดลบเหมือนสมัยโควิด
-ควรเน้นการลงทุนระยะยาว : ควรนำงบประมาณไปใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล จะเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในระยะยาว
-งบประมาณจำกัด : เงินงบประมาณมีจำนวนจำกัด ควรใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
-ผลกระทบจากการแจกเงินน้อย : การแจกเงิน 560,000 ล้านบาท อาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก เนื่องจากตัวทวีคูณทางการคลังต่ำ หมายความว่าเงินที่แจกไปจะไม่หมุนเวียนในระบบมากนัก
-ภาระหนี้สาธารณะ : การแจกเงินจำนวนมากจะเพิ่มภาระหนี้สาธารณะ และอาจทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นในอนาคต
-ขาดพื้นที่ว่างทางการคลัง : ควรมีเงินสำรองไว้เผื่อรับมือกับวิกฤตในอนาคต และรองรับสังคมสูงวัย
-เทคโนโลยี blockchain ไม่เหมาะสม : เทคโนโลยี blockchain ยังไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินในปัจจุบัน เนื่องจากมีความเร็วในการประมวลผลที่ช้า
จนถึงขณะนี้แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวมีอายุเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว
หมายความว่า ประเทศไทยเสียเวลาไปกับความพยายามทำนโยบายที่ไม่สมเหตุผลในทางเศรษฐศาสตร์ เป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสของประเทศที่ผู้บริหารระดับสูงสุด และหน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง สามารถใช้เวลาและทรัพยากรมนุษย์ไปทำงานอันสามารถเป็นประโยชน์กับประเทศในระยะยาว
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย.2567 มีการอภิปรายโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งทุกท่านน่าจะเห็นตรงกันว่า จนป่านนี้แล้ว เราก็ยังไม่เห็นรูปธรรมชัดเจนว่า จะทำอย่างไรกันแน่สำหรับทั้งโครงการ
นอกจากนี้ มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า หากมีการเปลี่ยนชื่อโครงการฯ ก็สามารถใช้งบประมาณได้ เนื่องจากยังอยู่ในวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจ และยังมีการระบุว่ ามีโอกาสจะดำเนินการแจกให้ “กลุ่มเปราะบาง” ภายในเดือน ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ตามหลักวิชาการเรื่องความคุ้มครองทางสังคมของวิชาเศรษฐศาสตร์สาธารณะ เป็นที่ทราบกันดีว่า ความพยายามที่จะให้สวัสดิการกำหนดเป้าหมายคนจน (poverty targeting) จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแน่นอน ทั้ง “คนจนไม่ได้รับสิทธิ์” หรือ “คนรวยได้รับสิทธิ์” อีกทั้งต้นทุนสูงและอาจจะไม่คุ้มกับความพยายามทำ poverty targeting
ดังนั้น จึงขอเสนอให้พิจารณาว่า เพื่อให้ดำเนินการได้รวดเร็วและโปร่งใส ขอให้แจกเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กอายุ 0-5 ขวบ และผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวนรวมกัน 8.5 ล้านคน จะใช้งบประมาณ 85,000 ล้านบาท โดยครัวเรือนร่ำรวยก็ให้สามารถมีสิทธิ์ได้ประโยชน์ จากสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับกลุ่มอายุนี้ด้วย เพราะได้เป็นกำลังสำคัญร่วมจ่ายภาษี
ส่วนงบปี 2568 ที่เตรียมไว้รองรับโครงการ 187,700 ล้านบาท ก็จะเหลือเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท เอามาลงทุนพัฒนาทักษะแรงงาน ยกระดับ SMEs และใช้ลงทุนวิจัยพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ น่าจะเป็นประโยชน์ในระยาวมากกว่า
เหมือนเอาเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไปซื้อเบ็ดมาแจกให้หาปลาต่อไป แทนที่ไปซื้อปลามาแจกให้บริโภคครั้งเดียว