“...อยากขออย่างหนึ่งให้คนไทยรักกันเราคือคนไทยด้วยกัน ผมโดนเยอะที่สุด เห็นนรกและสวรรค์อยู่ในชาติเดียวกัน แต่ทุกวันนี้ทำไมทุกคนถึงบอกว่า เจอคนนั้นคบคนนี้ได้ ผมถือว่าอดีตก็คืออดีต ไม่ใช่ความจำเสื่อม เราจำได้หมดแต่อยากอยู่กับปัจจุบันและอนาคต อยากเห็นคนไทยเราอย่าไปมองว่าคนนั้นคนนี้ไม่ใช่พวกเรา เพราะเราคนไทยด้วยกัน เน้นความสามัคคี เพราะสิ่งที่พูดไปทั้งหมดถ้าขาดความสามัคคีก็ไม่สามารถทำได้…”
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน Dinner Talk และกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ที่พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน จัดโดยสื่อในเครือเนชั่น
@ทักษิณกับเศรษฐกิจ : ดิจิทัลวอลเลต 2 ระยะ
นายทักษิณกล่าวปาฐกถาว่า โครงการดิจิทัลวอลเลต เรื่องนี้มีคนค้านเยอะ บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่จริงๆ แล้วดิจิทัลวอลเลตเป็นการยิงนกสามตัวด้วยกระสุนนัดเดียว อันแรกคือกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้ระบบบล็อกเชน ให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้แม่นยำชุ่มฉ่ำทั้งประเทศ แล้วคนไทยจะเข้าใจเทคโนโลยีและให้คนเข้าไปใช้ทุกบริการของภาครัฐ อีกนิดรัฐอาจออกบอนด์ (หุ้นกู้-ตราสารหนี้) ขายประชาชนรายย่อย
“นี่คือสิ่งที่หวังว่าดิจิทัลวอลเลตจะเป็นประโยชต์กับประเทศมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ทางคณะกรรมการฯ เล่าให้ฟังว่า เมื่อมีการตั้งงบปี 2567 เพิ่มเติม 1.22 แสนกว่าล้าน บวกกับงบกลาง 2 หมื่นกว่าล้าน รวมเป็น 1.45 แสนล้าน ใช้ในกันยายน 2567 จะแจกจ่ายให้กลุ่มเปราะบาง 13.5 ล้านคนตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะมีการกำหนดเกณฑ์ต่อไป และคนพิการ 1 ล้านคน รวม 14.5 ล้านคน จะให้คนละ 10,000 บาททันทีในเดือนกันยายน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้นทันที พอเดือนตุลาคมมีงบประมาณปี 2568 ออกมาจะคัดกรองคนที่ลงทะเบียนไว้ 30 ล้านคนว่าใครได้ไปแล้วบ้าง ใครเข้าเกณฑ์บ้าง แล้วจ่ายที่เหลือหากระบบเสร็จก็จะจ่ายผ่านดิจิทัลวอลเลต เป็นการกระตุ้นเศรษกิจที่แม่นยำ เพราะการใช้เงินสดไม่แม่นยำ” นายทักษิณ กล่าว
@ฝันใหญ่ถมทะเลบางขุนเทียนปากน้ำ - ดึงรถไฟฟ้าทุกสายคืนสู่รัฐ - ไฮสปีดไทยจีน
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า การลงทุนภาครัฐจะต้องเกิดขึ้นในช่วง 3 ปีของรัฐบาลนี้ ต่อด้วยชนะเลือกตั้งก็ทำต่อในรัฐบาลหน้า สำคัญที่พูดไว้ คือการถมทะเลบางขุนเทียน-ปากน้ำ เพื่อได้พื้นที่ขยายความแออัดของกรุงเทพมหานคร ส่วนหนึ่งสามารถเป็นเมืองสีเขียว เป็นเมืองใหม่ให้เฉพาะรถไฟรถไฟฟ้าวิ่งเท่านั้น มีรถไฟเชื่อมและมีการป้องกันกรุงเทพมหานคร ไม่ให้น้ำท่วมได้
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ส่วนรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายคงต้องทำ เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพูดไว้แล้ว อาจจะต้องเวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหารกลับมาเป็นของรัฐ แล้วจ้างเอกชนเป็นคนบริหารและเราต้องกำหนดค่าตั๋ว ไม่เช่นนั้นเอกชนจะมุ่งเน้นเรื่องกำไรเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำและต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟรถไฟฟ้า
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงก็ต้องทำให้เสร็จจาก กทม.ถึงหนองคาย ในปีหน้า ความสัมพันธ์ไทยจีน 50 ปี เราก็ต้องมีการทำโครงการนี้ให้เสร็จเพื่อส่งคนและสินค้า ที่เชื่อมกันในหลายมิติรวมทั้งภาคการขนส่ง
นอกจากนี้ น่าจะมีการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการลงทุน การเก็บค่ารถใช้น้ำมันที่เข้าเขตเมือง เพื่อที่จะทำให้คนมาใช้ระบบสาธารณะมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะนำเงินที่ได้ไปเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการผลักดันเรื่องของการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งใช้โมเดลในเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่ทำกับมาเลเซียได้ ในอีก 20 ปีข้างหน้าเราไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว ถ้าช้าก็จะเท่ากับทิ้งทรัพย์สินในใต้ดิน ซึ่งจะใช้โมเดลของประเทศนอร์เวย์ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งประเทศ หรือลดค่าน้ำมันไฟฟ้าในประเทศได้
นายทักษิณกล่าวว่า การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ให้คนศึกษาโมเดลของดูไบ และสิงคโปร์ มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้มีการทำธุรกรรมกับต่างประเทศ เพื่อสร้างเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่เราจะมีข้อได้เปรียบ ให้ธนาคารทั่วโลกเข้ามาลงทุนในไทย และธนาคารไทยก็ไปตั้งในต่างประเทศได้
ส่วนประเด็นให้ต่างชาติเช่าที่ดินต้องปรับเพื่อให้เกิดการลงทุน โดยในส่วนของที่ดินเรื่องการขายที่ดินให้กับคนต่างชาติ ซึ่งทั่วโลกมีโมเดลให้ต่างชาติไปซื้อที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งมีรูปแบบ การเช่าที่ดิน 99 ปี เช่น การโอนที่ดินให้กับกรมธนารักษ์ และเช่าที่ดินได้ 99 ปีแบบมั่นคง
ส่วนรูปแบบอาจมีการกำหนดมาตรฐานในเรื่องอื่นๆ และทำโครงการมาช่วยคนมีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยมากขึ้น
@ดึงเศรษฐกิจใต้ดิน ขึ้นมาบนดิน
ขณะเดียวกัน นายทักษิณกล่าวด้วยว่า การยกระดับเศรษฐกิจใต้ดิน คนไทยขาดทุนให้พนันออนไลน์ มียอดฝาก 3 ล้านล้านต่อปี และคนไทยขาดทุนประมาณ 1.7 แสนล้านต่อปี ถ้าตรงนี้เรามาทำให้ถูกต้องเราเก็บภาษีประมาณ 30% ได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
รวมทั้งนำภาษีที่ได้มากำหนดการใช้ (Ear Mark Tax) เอาเงินส่วนนี้ส่งเด็กนักเรียนของเราไปต่างประเทศ หรือจ้างครูเก่งๆ มาสอนนักเรียนในประเทศก็ทำได้
@อ้อนจีนให้ไทยเป็นฮับผลิต EV พวงมาลัยขวา
ขณะที่รถอีวี ช่วงที่เป็นนายกฯ สนับสนุนอีโคคาร์ เลยใช้ภาษีสรรพสามิตสนับสนุนอีโคคาร์ เมื่ออีวีจีนมา อยากขอร้องว่า ควรให้ไทยเป็นฐานผลิตพวงมาลัยขวา ไม่ว่า BYD, GWM อยากให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตพวงมาลัยขวาได้หรือไม่ เรื่องอีโคซิสเตมอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องรักษาไว้ ทำอย่างไรให้รถไฟฟ้าจากจีนมาใช้ส่วนประกอบในไทยบ้าง ต้องเริ่มเจรจาได้แล้ว ขอให้คนที่เกี่ยวข้องเจรจากัน
@เอาจริง ซอฟต์พาวเวอร์-เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ต่อมา นายทักษิณกล่าวว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ หลายเรื่องทำได้เพิ่มเติม ซึ่งต้องตั้งมาตรฐานของมวยไทย ก็น่าจะเอามวยไทยมาทำลีก เพื่อให้คนมาแข่งมากขึ้น และมีการตั้งค่าตัวเพื่อให้มีมาตรฐานให้มีการแข่งขันทั่วโลก เราเทรนด์ครูมวย และมาตรฐานมวย เหมือนที่ฟีฟ่าทำฟุตบอล รวมทั้งการสนับสนุนอีสปอร์ต ที่ต้องมีการช่วยเหลือผู้ผลิตเกมให้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนแฟชั่นโชว์ ขณะที่การปฏิรูปการเกษตรใหม่ ปัจจุบันเราไม่สามารถที่จะสู้เวียดนามได้ในการผลิตข้าว คุณภาพข้าวดีกว่า ไทยต้องใช้ R&D ช่วย เราสามารถทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหาร และช่วยประเทศอื่นๆ ได้
นายทักษิณกล่าวต่อไปว่า การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เพราะเรายังสามารถที่จะรับการท่องเที่ยวได้มากขึ้น เราต้องมีการขยายสุวรรณภูมิมากขึ้น โดยรันเวย์ที่ 3 นั้นเราต้องมีทำให้เสร็จ เพื่อรองรับเที่ยวบิน อาคารผู้โดยสารที่จะสร้างเพิ่มขึ้น การสร้างห้องน้ำให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น รักษาความสะอาด และทำให้สวยงาม การสร้างและปรับปรุงสนามบินให้มากขึ้น รวมทั้งการสร้างแหล่งท่องเที่ยว Man Made การแก้กฎหมายเพื่อแก้ระเบียบอำนวยความสะดวกให้ Private Jet มากขึ้น
ส่วนนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เคยคิดไว้แต่โดนค้าน แต่วันนี้คิดว่า ไม่ได้คิดมีคนเชียร์มาก พื้นที่ที่เป็นกาสิโนมีไม่ถึง 10% แต่มีในส่วนอื่นๆ น้อยมากเช่นสวนสนุก และโรงแรม แต่ละแห่งต้องลงทุนเป็นแสนล้านบาท โดยถ้าเป็นการลงทุนใน กทม.จะต้องใช้เงินเท่านี้ และในต่างจังหวัดแห่งละ 5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จะถือโอกาสเติมสิ่งที่เราขาด เราต้องทำในสิ่งที่เตรียมพร้อม สิ่งไหนที่เราขาดเราจะให้คนที่มาลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นคนลงทุนให้
@ฟื้นกองทุนวายุภักษ์ - ปรับลดขนาดราชการ
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า การขยายกองทุนวายุภักษ์ จะทำหน้าที่ในการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นใน SET 50 และ SET 100 มาอยู่ในกองทุน นอกจากนี้ยังอยากให้มีการปรับภาษีให้เป็นธรรม และแข่งขันได้ เพื่อให้ประเทศไทยลดภาษีลงเพื่อให้คนมาอยู่มากขึ้นแต่เราจะเสียรายได้บางส่วน
แต่ในเรื่องนี้ถ้าเราจะขึ้น VAT หรือไม่ เพราะรายได้ลดลง โดย VATต้องเอามาคืนได้มากขึ้น ซึ่งมาสู่เรื่อง Negative Income Tax คนรายได้น้อยไม่เสียภาษี และคนที่มีรายได้สูงจะเสียภาษีอย่างเป็นธรรม
สุดท้าย นายทักษิณกล่าวต่อว่า ประเทศไทยควรมีการปรับลดขนาดของราชการ และการปฏิรูประบบราชการ โดยปัญหาระบบราชการที่อุ้ยอ้ายไม่ตอบโจทย์การแข่งขันจะต้องมีการปรับการใช้เทคโนโลยีให้กับระบบราชการมากขึ้น รวมทั้งการปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ เราอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เมื่อทำแล้วเศรษฐกิจอาจกระทบกับคนที่ไม่มีกำลัง หากไม่มีความเอื้ออาทรต่อคนที่เป็นผู้ที่ไม่มีกำลังทรัพย์ไม่มีความรู้ต้องให้โอกาส
“อยากขออย่างหนึ่งให้คนไทยรักกันเราคือคนไทยด้วยกัน ผมโดนเยอะที่สุด เห็นนรกและสวรรค์อยู่ในชาติเดียวกัน แต่ทุกวันนี้ทำไมทุกคนถึงบอกว่า เจอคนนั้นคบคนนี้ได้ ผมถือว่าอดีตก็คืออดีต ไม่ใช่ความจำเสื่อม เราจำได้หมดแต่อยากอยู่กับปัจจุบันและอนาคต อยากเห็นคนไทยเราอย่าไปมองว่าคนนั้นคนนี้ไม่ใช่พวกเรา เพราะเราคนไทยด้วยกัน เน้นความสามัคคี เพราะสิ่งที่พูดไปทั้งหมดถ้าขาดความสามัคคีก็ไม่สามารถทำได้” นายทักษิณกล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยากให้เห็นว่าที่วันนี้รัฐบาลใหม่มีพรรคโน้นพรรคนี้มาร่วมกันเยอะแยะไปหมด เป็นสิ่งที่จะช่วยประเทศชาติพัฒนาได้ง่ายมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้นแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ แก้กฎหมายที่ทำให้คนต้องลำบาก ต้องแก้ไขวันนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรวมน้ำใจกันให้เป็นหนึ่งและแก้ปัญหา ถ้าใครบอกว่าผมโกรธคนนั้น คนนี้ ผมรู้สึกมากที่สุดแล้ว ซึ่งผมรักบ้านเมืองอยากเห็นบ้านเมืองดี และพร้อมอยู่ข้างหลังช่วยคิดให้ทางภาครัฐ และภาคเอกชน ใครต้องการที่จะปรึกษาผมก็ยอม แต่เสียค่ากาแฟหน่อย แล้วผมจะแวะไปดื่มด้วย
@ทักษิณกับการเมือง: ไม่มีดีล กลับไทยเพราะรักบ้านเกิด
ช่วงหนึ่ง นายทักษิณกล่าวถึงการเดินทางกลับประเทศไทยในรอบ 17 ปีว่า ไม่มีใครมาดีล ไม่มีใครกล้าดีล เพราะไม่มีอะไรจะให้มาดีล เสียเวลา แต่ต้องยอมรับว่า ตนเองรักบ้านเมือง และคิดถึงหลานเวลาที่ไปหาแล้วกลับทีไรก็น้ำตาตกทุกที มีความทุกข์ ที่อยากกลับประเทศตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า และสุดท้ายก็ประสานกับทางรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะเดินทางกลับ เพราะตนไม่มีพาสปอร์ต ทางการไทยยึดพาสปอร์ตไปแล้ว ซึ่งเมื่อมีการประสานมา ทางรัฐบาลก็เตรียมการให้ ถือว่าได้รับพระกรุณาธิคุณ
“ผมสำนึกว่าสิ่งที่เราได้รับ เรามีหน้าที่ต้องตอบแทนทุกอย่างให้บ้านเมือง และมีหน้าที่ที่จะต้องจงรักภักดีต่อไป เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้กลับมาเป็นคนไทยอีกครั้ง” นายทักษิณกล่าว
@โลกทั้งใบให้ ‘นายประเทศไทย’ คนเดียว
นายทักษิณกล่าวว่า หลังกลับมาเป็นประชาชนคนไทย และได้รับใบบริสุทธิ์แล้ว คิดว่าเป็นหน้าที่ที่อยากจะทำอะไรให้ประเทศไทย หรืออยากจะช่วยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนอยู่ข้างหลัง หรืออยากผลักดันให้รัฐบาลนี้มีเอกภาพที่สุด ในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พี่น้องคนไทยหลายคนยังมีความผูกพันอยู่บ้าง ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องตอบแทนบ้านเมืองอย่างสุดฝีมือ
“ในขณะที่สมองเรายังดี มีความจำดี และผ่านประสบการณ์เห็นประเทศต่างๆ ในโลกเยอะ จึงอยากเป็นพระเอก โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” นายทักษิณกล่าว
เมื่อถามว่า หมายถึงนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายทักษิณตอบกลับว่า “นายประเทศไทย”
@ต้องแก้ศาลรธน. รัฐบาลมาจากสภา ต้องไปด้วยสภา
ส่วนการเมืองของไทยเปลี่ยนไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่การปฏิวัติประเทศไทยในครั้งที่สอง การร่างรัฐธรรมนูญมีเจตจำนงอย่างชัดเจนเพื่อให้การเมืองอ่อนแอ เพราะกลัวการเมืองแข็งแรงเหมือนสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์ว่าการเลือกตั้งชนะรอบสอง และได้มาถึง 377 เสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น อีกทั้งตอนนั้นก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา แต่ต้องถือว่าเป็นประชาชนเผด็จการ เพราะประชาชนเป็นคนเลือกมา ถึงตอนนี้ก็ยังมองว่ารัฐธรรมนูญยังเป็นปัญหาที่จะต้องแก้เยอะ วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งแข็งแรงและสามัคคีกันมากพอสมควร ถึงเวลาที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่คนไทย
ส่วนประชาธิปไตยมีเสาที่ 4 เกิดขึ้น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ มาขี้ชะตาการเมืองนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า คงต้องแก้ รัฐบาลมาจากสภา ต้องไปด้วยสภา เพราะหลักการของประชาธิปไตย 3 เสาหลัก ตอนนี้มีอะไรก็ไม่รู้ และยังมีนักร้องเยอะ ร้องจนสร้างอาชีพอาชีพใหม่ มองว่าผู้ที่เสียหายและองค์กรที่เกี่ยวข้องเขามีสิทธิกับเรื่องนี้
@ปัดเป็นรัฐบาลข้ามขั้ว แค่รวมได้ตามระบบรัฐสภา
นายทักษิณกล่าวต่อว่า กรณีที่รัฐบาลปัจจุบันที่วันนี้เปลี่ยนจาก นายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ท่ามกลางรัฐบาลข้ามขั้วนั้น ส่วนตัวเรื่องเสถียรภาพไม่มีปัญหาเลย แต่เรื่องข้ามขั้ว ไม่ข้ามขั้ว บ้านเราชอบบัญญัติศัพท์ และพูดติดปากกันเลย บ้านเราเป็นระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงได้ก่อนก็จะตั้งรัฐบาล แต่ตามมารยาทให้สิทธิคนที่ได้ที่หนึ่งก่อน แต่ถ้าคนที่หนึ่งเขาจัดตั้งไม่ได้ ก็เป็นพรรคอันดับสองที่จะเป็นคนรวบรวมเสียง จึงไม่ใช่การข้ามขั้ว แต่เป็นระบบรัฐสภา
“ที่เขา (พรรคก้าวไกล-ประชาชนในปัจจุบัน) ตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมยกเลิกการแตะต้องมาตรา 112 เรื่องเดียว เพราะทุกพรรคเขาไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ ถ้าไม่มีมาตรา 112 ในวันนั้น การตั้งรัฐบาลของอดีตพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจบไปแล้ว” นายทักษิณกล่าว
@มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล มั่นใจครั้งหน้าได้อันดับ 1 เลือกตั้ง
นายทักษิณกล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลของนางสาวแพทองธารจะมีความมั่นคง เพราะ ส.ส.ในฝั่งรัฐบาลมี 300 กว่าเสียง ไม่มีอะไรเสี่ยง และการที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตั้งใจทำ และทีมงานที่รองรับด้านหลังน่าจะผลักดันได้ดี
ส่วนคำแนะนำต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งชนะพรรคประชาชนได้ นายทักษิณกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาสสูงที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นที่ 1 การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หากหัวหน้าพรรคไม่ลาคลอดแล้วเดินหน้าหาเสียงไปเรื่อยๆ ตอนนั้นลาคลอดไป 10 กว่าวัน ทำให้คะแนนนิยมตก หากหาเสียงจนจบ เชื่อว่าไม่แพ้มั่นใจ เพราะเราสำรวจตลอด
“ของมันเคยชนะมาแล้ว ซึ่งหลักของพรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชนเขาต้องการความเท่าเทียม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในบริบทของสังคมไทย ดังนั้น เขาจึงจะอยู่ในบริบทของการเมือง ส่วนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในบริบทของการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมของประชาชน เราเน้นโอกาส เขาเน้นสถานะ ไม่เหมือนกัน ซึ่งตนใช้แบบนี้มาตั้งแต่ปี 2541 ชนะด้วยคำเดียวคือโอกาส วันนี้ไม่ใช่คนไทยงอมืองอเท้าหรือไม่ฉลาด แต่เป็นเรื่องของโอกาส” นายทักษิณกล่าว
ส่วนการจับมือกับพรรคประชาชน นายทักษิณกล่าวว่า ในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรค เรามีพันธมิตรที่เคยทำงานในรัฐบาลร่วมกัน ดังนั้นพันธมิตรที่เป็นรัฐบาลกันมาต้องมีสิทธิก่อน นี่คือมิตรทางการเมือง หลักการทางการเมืองเป็นเช่นนี้ ส่วนคนที่จะมาอยู่ด้วยกันมีพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ประชาธิปัตย์ก็มาร่วม ตอนนี้มองว่าวันนี้ประเทศไทยต้องสามัคคีกัน เราแบ่งหน้าที่ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน
@แตกหัก ‘บิ๊กป้อม’ เพราะไม่ให้ตำแหน่ง ปธ.ป.ป.ช.
อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 กล่าวต่อว่า ตั้งแต่กลับประเทศไทยมา 1 ปี ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยแต่ก่อนมาเคยโทรคุยผ่านคนอื่น เป็นเรื่องที่จะร่วมรัฐบาลกัน ถามสารทุกข์สุขดิบ แต่ไม่เคยพูดคุยกัน ไม่ได้เจอกัน ทางพล.อ.ประวิตรไม่รู้จักตนแล้ว รู้จักการตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่หนึ่ง จนเป็น ผบ.ทบ.
ส่วนจุดที่ทำให้มีระยะห่าง นายทักษิณมองว่า ตอนนั้น พล.อ.ประวิตรเกษียณ ตัวพล.องประวิตรอยากไปเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พอได้คำขอมาก็ได้บ่นว่า ทหารจะไปเป็นประธาน ป.ป.ช. ไม่รู้กฎหมายหรือ พูดแค่นี้ ก็มีเพื่อนของพล.อ.ประวิตรที่เป็นอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไปบอก ทางนั้นเลยโกรธตน จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้คุยกัน แล้วทำไมต้องไปคุยกับพล.อ.ประวิตร เพราะหลังจากนั้นก็โดนแทง
เมื่อพิธีกรถามว่า คิดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นตัวแปรสำคัญ หรืออุปสรรคสำหรับรัฐบาลแพทองธารหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่เป็น เพราะมีเสียงพอ
เมื่อถามว่า มีอะไรอยากบอก พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เราก็อายุมากกันแล้ว ก็เข้าฟังธรรมะสักหน่อย จิตใจจะได้สงบ อยู่เมืองนอกมา 17 ปี มีเรื่องราว มีคดีมากมาย ทีแรกก็โกรธ ทีหลังก็เฉยๆ ตอนหลังก็ขำมีอีกหนึ่งคดี
พิธีกรถามว่า ในฐานะพ่อคิดว่าจะสนับสนุนช่วยเหลือลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่อายุน้อยที่สุดอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ต้องทำหน้าที่ ช่วยคิด ช่วยเสนอ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี หากพบว่าสิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนก็จะบอกเขา แต่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องของตน แต่ตนคงจะอยู่เฉย มองปัญหาบ้านเมืองแบบไม่สนใจไม่ได้ หากจะตั้งตำแหน่งให้ตัวเองก็จะเป็น สทร. (เสือกทุกเรื่อง) ได้หรือไม่ เห็นอะไรไม่ดีก็ต้องบอก เพื่อให้ได้แก้ไข เราก็ห่วงใย รักบ้านเมืองอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกตนเป็นนายกฯ ตนก็ต้องบอกในฐานะอดีตนายกฯ
ส่วนจะวางระยะห่างกรณีที่มีนักการเมือง หรือนักธุรกิจเข้าหาอย่างไรนั้น นายทักษิณกล่าวว่า ตนมีนิสัยเป็นอาจารย์เก่า ชอบสอนหนังสือ ชอบให้ความรู้ ใครมาปรึกษาก็ยินดี แต่ถ้ามาวิ่งเต้นไม่เกี่ยวกับตน ไม่ต้องมา บ้าน เจอแต่เพื่อนฝูง
ช่วงท้าย พิธีกถามว่า มองว่าหลังจากนี้มีโอกาสจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มี วงจรนั้นหายไปแล้ว เชื่อว่านางสาวแพทองธารจะปลอดภัยจากรัฐประหาร 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนการถูกกล่าวหาในคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 นายทักษิณกล่าวว่า นักข่าวเกาหลีมาสัมภาษณ์ตน แต่ตนไม่รู้ว่าจะอัดวิดีโอด้วย ก็พูดคุยกันไป ยืนยันว่าไม่เคยแตะเรื่องเจ้านาย เพราะคำว่า Cycle หรือวงจร คิดว่าตำรวจตกภาษาอังกฤษ แต่คำว่าเซ็นเตอร์คือตรงใจกลาง ตนไม่ได้พูดถึงเซ็นเตอร์ แต่พูดถึงเซอร์เคิล ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงของการกระชับอำนาจปฏิวัติพอดี ได้ข่าวมาว่าคนที่ทำคดีแทบเป็นบ้า เพราะถูกกดดันและรู้ว่าใครกดดัน ซึ่งคนกดดันก็ยังอยู่ เดี๋ยวจะไปซักในศาล มั่นใจว่าเรื่องนี้จะจัดการได้สบายมาก
ที่มาภาพ-ข้อมูล: เนชั่นทีวี