"...ผมคิดว่า รัฐมนตรี ต้องเป็น “ผู้นำ” ไม่ใช่ผู้บริหาร ไม่ใช่แค่ผู้ให้นโยบาย แต่ต้องเป็นผู้ให้ทิศทางเพื่อให้ประเทศเดินไปในทางที่ดีขึ้น และต้องผลักดันให้นโยบายนั้นได้รับการปฏิบัติด้วย โดยต้องประเมินผลใหญ่ๆ ของนโยบายของตนตลอดเวลา จึงไม่ใช่แค่เพียงต้องมีวิสัยทัศน์เท่านั้น แต่ต้องมีโลกทัศน์ด้วย เพราะไทยเราเป็น 1 ใน 193 ประเทศในโลกนี้ ที่ต้องมีการเชื่อมโยง พัฒนา แข่งขัน และ พึ่งพากัน..."
เรื่องเล่า...เมื่อผมเป็น รมว.อว.ปี 63-66 ตอนที่ 2 : รัฐมนตรีต้องเป็นผู้นำ
จุดเปลี่ยนในชีวิตมักเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่ตัดสินใจว่า “ลุย” ครับ เพราะเมื่อถึงจุดสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจ คุณจะมีแค่ 2 ทาง คือ รับ หรือ ไม่รับ เอา หรือ ไม่เอา ในความเป็นจริงไม่มีเวลาให้คุณได้ฝึกงาน หรือ ค่อยๆเรียนรู้หรอกครับ ดังนั้น คุณต้องทำตัวเองให้พร้อมเสมอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิต ถ้าคุณไม่พร้อม คุณจะพลาดโอกาสดีๆไปครับ
ผมสะสมประสบการณ์ ศึกษา เรียนรู้ หลากหลายด้านมาตลอดชีวิต โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้มาเป็น รัฐมนตรี ในวัย 66 แถมยังรู้ตัวล่วงหน้าแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น .... ผมถามจริงๆว่า จะมีใครที่มาเป็น รัฐมนตรีวันแรกแล้วพร้อมประกาศนโยบายเลยบ้างครับ แต่นั่นเป็นงานแรกๆของคนที่ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีเลยครับ ถ้านโยบายนั้นดี ประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แต่ถ้านโยบายนั้นไม่เอื้อประโยชน์ให้กับประเทศล่ะครับ อะไรจะเกิดขึ้น
ผมคิดว่า รัฐมนตรี ต้องเป็น “ผู้นำ” ไม่ใช่ผู้บริหาร ไม่ใช่แค่ผู้ให้นโยบาย แต่ต้องเป็นผู้ให้ทิศทางเพื่อให้ประเทศเดินไปในทางที่ดีขึ้น และต้องผลักดันให้นโยบายนั้นได้รับการปฏิบัติด้วย โดยต้องประเมินผลใหญ่ๆ ของนโยบายของตนตลอดเวลา จึงไม่ใช่แค่เพียงต้องมีวิสัยทัศน์เท่านั้น แต่ต้องมีโลกทัศน์ด้วย เพราะไทยเราเป็น 1 ใน 193 ประเทศในโลกนี้ ที่ต้องมีการเชื่อมโยง พัฒนา แข่งขัน และ พึ่งพากัน
ผมนำ อว. ตลอด 3 ปี 1 เดือน ด้วยการ “พูด ทำ กิน” ครับ ผมพูดทุกที่ที่ไป การพูด คือ การสื่อสารที่มีพลัง สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ พูดแล้วคนคล้อยตาม คิดตาม และ เกิดจินตนาการ หรือ ปิ๊งแว่บได้ว่า จะทำอะไรต่อไปด้วยตัวเค้าเอง ไม่ใช่จาก คำสั่ง ของผม
แต่ผมพูดแล้วทำนะครับ ผู้นำนั้น นอกจากพูดให้แนวคิด ให้ยุทธศาสตร์แล้ว สิ่งที่สำคัญพอๆกัน คือ ต้องทำให้ได้ตามที่พูด หรือ ให้แนวคิดไว้
ผมติดตาม ประเมินผล ด้วยตัวเองแบบใกล้ชิด ผมไม่ปล่อยให้นโยบายที่พูดไปแล้วลอยไปตามลมครับ นั่นจึงเป็นเหตุให้เกิดเรื่องของการ “กิน” ผมน่าจะเป็นรัฐมนตรีที่ทานข้าวกับข้าราชการประจำบ่อยที่สุดคนหนึ่งครับ เพราะผมเชื่อเรื่อง ความไม่เป็นทางการ
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยครับ อะไรที่เป็นระบบ ระเบียบมากนัก คนไทยไม่ชอบ แต่ถ้าได้ทานข้าวโต๊ะเดียวกันความรู้สึกเป็น “เพื่อนสนิท” มาทันทีครับ เพื่อนอยากได้อะไรย่อมไม่ยากที่เพื่อนจะทำให้ ผมว่าดีนะครับ ได้ทั้งอิ่ม อร่อย และ ได้งานครับ
ผู้นำ ไม่ว่าจะระดับไหน จะต้องเห็นภาพใหญ่กว่าจุดที่ตัวเองดูแลอยู่ ต้องมองให้กว้างออกไป ให้เห็นจุดเชื่อมโยง และ เห็นตัวเองว่าอยู่ในจุดไหนของภาพใหญ่ทั้งหมด จึงจะสามารถกำหนดทิศทางได้อย่างแม่นยำ ด้วยกลยุทธ์ของการรบแบบ “ชนะเท่านั้น” ไม่ใช่แค่ซ้อมรบตลอดเวลา
ผู้นำนั้น คนจะเชื่อ อยากตาม ก็ต่อเมื่อเรานำเขาเหมือนนำทัพ และพาทัพไปสู่ชัยชนะ พาผู้ตามไปรบชนะ ครั้งแล้วครั้งเล่า ชนะครั้งแรก ไม่พอ ต้องชนะ ชนะ แล้วก็ชนะ ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ที่พูดว่าผู้นำ นำ มักไม่เน้นว่า “นำไปชนะ นำไปสู่ความสำเร็จ” แต่ผมอยากให้จำให้ขึ้นใจครับ ผู้นำ ต้องนำให้ชนะครับ
...ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร เตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอที่จะเป็น “ผู้นำ” เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะพร้อม “นำ” ได้ทันที
ประเทศเราต้องการ “ผู้นำ” ที่มีวิสัยทัศน์และมีโลกทัศน์ และ เป็นผู้นำที่มีคนอยากตามครับ
..... เชิญทานอาหารให้อร่อยครับ และ รอติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
“เอกเขนก” รวมบทสนทนา (ไม่) ลับบนโต๊ะอาหารตลอด 3 ปี ที่คุณไม่เคยได้ยินของผม
อดีต รมว.อว.ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กับ เรื่องราวเบื้องหลังแผนการเปลี่ยนไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้วในปี 2580