"...หากพิจารณาจากศักยภาพของประเทศแล้ว เงินหยวนของจีนน่าจะมีน้ำหนักที่สุดในการผสมผสานในตะกร้าเงินแบบใหม่ของกลุ่ม BRICS นี่คือการลดความสำคัญของอเมริกันดอลลาร์ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ และยกเงินสกุลหยวนของจีนกับอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกันให้ผงาดขึ้นมาทดแทน ซึ่งแม้จะไม่ได้ทำให้อเมริกันดอลลาร์หายไปจากโลกนี้แต่ก็จะถูกลดความสำคัญลงไปไม่น้อย..."
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีข่าวใหญ่อีกหนึ่งข่าวที่เราทุกคนควรจะต้องติดตาม คือการประกาศแจ้งเกิดของเงินหยวนบนเวทีโลกอย่างเป็นทางการ ที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย
ติดตามข่าวใหญ่นี้ไป ก็คิดถึงเมื่อ 439 ปีก่อน คือในปี พ.ศ. 2127 ที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดินว่า …
“ด้วยพระเจ้าหงสาวดีไม่ได้อยู่ในคลองสุจริตมิตรภาพขัตติยะราชประเพณี เสียสามัคคีรสธรรม ประพฤติผ่านทุจริตคิดจะทำอันตรายแก่เรา ตั้งแต่นี้ไปกรุงศรีอยุธยาขาดไมตรีกับกรุงหงสาวดี มิได้เป็นมิตรร่วมสุวรรณปฐพีเดียวกันดุจดังแต่ก่อนสืบไป”
การที่ประธานาธิบดีจีนสีจิ้นผิงประกาศเรื่องเงินหยวนนั้นก็คล้ายๆ กับกรณีประกาศอิสรภาพของสยามต่อพม่าในครั้งนั้นนั่นแหละ (ถึงจะมิได้ประกาศชัดเจนว่า “มันจบแล้วครับนาย” ต่อไปก็ “รบเถิดอรชุน”) เพราะสหรัฐฯ มิได้เป็นมิตรที่แท้จริงของจีนเลย แถมยังพยายามเตะสกัดจุด ยั่วยุ และบ่อนทำลายจีนในทุกทางที่ทำได้
ที่ผ่านมานั้นการที่สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกได้ก็เพราะมีเงินดอลลาร์ (ที่นานาประเทศเชื่อถือ) มาหนุนแสนยานุภาพของกองทัพ
ในการทำให้เงินตราสกุลดอลล่าร์มีความสำคัญในเวทีโลกนั้นก็มีวิธีการที่แยบยล เช่น ใครจะซื้อจะขายน้ำมันกับซาอุดิอาระเบียก็ต้องซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จนเกิดศัพท์แสงขึ้นมาใหม่ว่า Petrodollar ซึ่งเป็นข้อตกลงกันในอดีตระหว่างซาอุดิอาระเบียกับสหรัฐฯ โดยสหรัฐจะให้ความคุ้มครองและอื่นๆเป็นการตอบแทน
แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะซาอุฯ ได้จับมือกับจีน ตกลงว่าจะขายน้ำมันให้จีนโดยรับเงินตราต่างประเทศเป็นหยวน แทนที่จะเป็นอเมริกันดอลลาร์
การตกลงค้าขายระหว่างประเทศแบบนี้ยังมีกับอีกหลายประเทศ โดยจะทำการค้าขายอะไรก็ตามกับจีนหรือในกลุ่มภูมิภาคของตนเอง แม้กระทั่งกับรัสเซีย เป็นสกุลเงินหยวนกับสกุลเงินของตน ไม่เอาตัวกลางแบบดอลลาร์ (ที่เสกขึ้นมาลอยๆ โดยไม่มี สินทรัพย์ที่เชื่อถือได้มารองรับนับเป็นหลักประกันอย่างเช่นทองคำ พลังงาน และอื่นๆ) อีกต่อไป
แบบนี้จะทำให้การค้าขายโดยไม่ผ่านเงินตราตัวกลางอย่างอเมริกาดอลลาร์มีต้นทุนที่ถูกลง
อย่างมกุฎราชกุมารของซาอุฯ ได้ตรัสอย่างหนักแน่นว่า “เราไม่สนใจที่จะเอาอกเอาใจประเทศสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปแล้ว” … บราโว ไปทำอะไรเขาไว้ล่ะ เขาถึงไม่คบแล้ว
นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี้ ประกาศเลยว่า “จากนี้ไปอินเดียจะทำการค้าขายโดยใช้สกุลเงินรูปีของตนเอง ไม่ใช่อเมริกันดอลลาร์”
นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย พูดว่า “ไม่มีเหตุผลใดที่เราจะต้องขึ้นอยู่กับอเมริกันดอลลาร์”
อดีตประธานาธิบดีของเคนยานับว่าฮาร์ดคอร์ที่สุด เพราะถึงกับพูดกับประชาชนว่า “ทิ้งยูเอสดอลลาร์ไปซะ”
ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังเดินในเส้นทางนี้ ในขณะที่ประเทศในกลุ่ม BRICS ได้แก่บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กำลังพัฒนาระบบการเงินใหม่ร่วมกัน ซึ่งในนั้นจะมีองค์ประกอบของเงินตราสกุลต่างๆ ของพวกเขา โดยมีทองคำและอาจจะมีพลังงาน กับอื่นๆ เป็นสินทรัพย์มารองรับให้เชื่อมั่นในค่าเงินตราสกุลต่างๆ และน่าจะมีประเทศอื่นร่วมอยู่ด้วย แต่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐฯ
โดนเขารังเกียจ ตัดฉับขนาดนี้ เจ็บหางไหม ?
หากพิจารณาจากศักยภาพของประเทศแล้ว เงินหยวนของจีนน่าจะมีน้ำหนักที่สุดในการผสมผสานในตะกร้าเงินแบบใหม่ของกลุ่ม BRICS นี่คือการลดความสำคัญของอเมริกันดอลลาร์ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ และยกเงินสกุลหยวนของจีนกับอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกันให้ผงาดขึ้นมาทดแทน ซึ่งแม้จะไม่ได้ทำให้อเมริกันดอลลาร์หายไปจากโลกนี้แต่ก็จะถูกลดความสำคัญลงไปไม่น้อย
ผลกระทบน่ะหรือ ลองคิดแค่ตัวอย่างเรื่องการค้าพลังงานในโลกเพียงเรื่องเดียว ก็พบว่า ถ้าการค้าพลังงานในโลกใช้เงินหยวนแทนดอลลาร์ (เนื่องจากพื้นฐานที่ช่วยหนุนดอลลาร์ไม่ดีหรือไม่มีเอาเสียเลยคนที่เขาค้าขายกันเขาย่อมจะไปอิงหยวนมากกว่า เพราะจีนมีความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ โลจิสติกส์แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์โลหะเคมี กองทัพและยุทโธปกรณ์ รวมถึงพลังงานและท่อขนส่งก๊าซด้วย) … ดอลลาร์มิกลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลยหรือ
และหากประเทศต่างๆ ซ้ำเติมด้วยการขายทิ้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ตนถือครองอยู่ ดอลลาร์ก็ยิ่งทวีความไม่น่าเชื่อถือใช่ไหมล่ะ
หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ แสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐฯ ก็จะอ่อนแอลงจนไม่สามารถเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกที่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นให้ทำตามอำเภอใจของสหรัฐฯแบบที่ผ่านมาได้อีกต่อไป
นี่คือการปลดแอกประกาศอิสรภาพจากสหรัฐฯ นั่นละท่าน
จากเดิมที่จีนเคยดำเนินการทางการทูตระหว่างประเทศอย่างสุขุมนิ่มนวล ล่าสุดกลับกลายมาเป็นการประกาศอย่างหนักแน่นแข็งกร้าวในครั้งนี้ จีนจะทำไม่ได้เลย และไม่กล้าทำ ถ้าไม่มั่นใจในแสนยานุภาพทางเศรษฐกิจและทางการทหารของตนเอง
ก็ถ้ายังไม่แข็งแกร่งจริง แล้วออกมาประกาศผลักดันเงินหยวนเต็มๆ แบบนี้ มีหวังโดนลงแขกแน่ๆ
เศรษฐกิจและพื้นฐานของประเทศต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับพลังงาน ถ้าได้พลังงานมาในราคาถูก จะทำให้แข่งขันได้ดีกว่า และทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็งมากขึ้น แล้วทำไมประเทศต่างๆ จะต้องไปเกาะติดกับสหรัฐฯล่ะ
วันนี้ภาคการผลิตของจีนใหญ่กว่าของยุโรปร่วมกับอเมริกาด้วยซ้ำ ถ้ายุโรปตัดความสัมพันธ์กับจีนก็เป็นการฆ่าตัวตายหมู่ของยุโรปนั่นเอง และประชาชนในประเทศของเขาจะยอมไหมล่ะ
พัฒนาการในเรื่องนี้มีทั้งที่มาและที่ไป และเป็นแผนการที่จีนกับรัสเซียได้วางเอาไว้อย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว
สรุปก็คือ อเมริกันดอลลาร์กำลังค่อยๆ โดนยกเลิกการผูกขาดในระบบการเงินโลก (dedollarization) ไปทีละดอก โดยจีนกับรัสเซียกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกันเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้กลายเป็นโลกหลายขั้วมิใช่คาวบอยครองโลกอีกต่อไป
ความจริงก็อยากจะเล่าต่ออีก แต่มันจะยาวมาก จึงขอเอวังด้วยประการะฉะนี้ หากสนใจอยากรู้มากขึ้น ขอให้เปิด YouTube หารายการที่ คุณทนง ขันทอง เป็นแขกรับเชิญได้เลย
ส่วนประเทศไทยเองนั้น รัฐบาลที่รักชาติบ้านเมืองและทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง มิใช่สมยอมนายทุน ก็ย่อมต้องทำให้ราคาพลังงานลดลงด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ลดค่า ft หาแหล่งพลังงานราคาถูกกว่าเดิมฯลฯ จึงจะทำให้ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนไปต่อได้ แข่งขันได้ ไม่ออกมาประท้วงบนถนนแบบประเทศอื่น
นี่ต้องรีบทำเลย แล้วจะทำไหมล่ะ ?
(ภาพประกอบนำมาจากอินเตอร์เน็ต)
ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook : วรวรรณ ธาราภูมิ