"...เห็นด้วยนะ กับการประเมินและเก็บภาษีที่ดินแบบที่ใช้อยู่ แต่อยากให้คิดเผื่ออีกนิด กับคนที่มีที่ดินเพียงผืนเดียว เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งนำมาคิดลดหย่อนภาษีที่ดินไม่ได้ เพราะมีทะเบียนบ้านเป็นคอนโด 1 ห้องนอน เนื้อที่ไม่ถึง 100 ตารางเมตร..."
เพื่อนคนหนึ่งมีคอนโดในกรุงเทพฯ และไปซื้อที่ที่ต่างจังหวัดใกล้ๆ ในโครงการสนามกอล์ฟ กะว่าจะไปปลูกบ้านอยู่ตอนเกษียณ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็ยังอยู่คอนโด ในกรุงเทพฯ มาจนทุกวันนี้ ที่ดินที่ซื้อไว้ เสียค่าบำรุงส่วนกลางให้กับผู้จัดสรร ปีหนึ่งก็เป็นหมื่น ให้ตัดหญ้า ดูแลไว้ไม่ให้รก
เพื่อนอีกคนหนึ่ง บ้านของตระกูลอยู่ที่ต่างจังหวัด เขาได้ที่ดินมา 1 แปลงจากกองมรดก แต่ตลอดชีวิตอยู่คอนโดห้องเดียวที่ในกรุงเทพฯ คนนี้เป็นข้าราชการ
ถึงเวลานี้ ที่ดินที่กล่าวถึงเหล่านี้ ถือเป็นที่ดินไม่ได้ทำประโยชน์ ต้องเสียภาษีแบบที่ดินรกร้าง จากที่เคยเสียเป็นร้อย ตอนนี้เสียหลายหมื่น ซี่งเท่ากับเงินบำนาญ 1 เดือน ก็เลยเริ่มคิดว่าจะขายที่ละ เหลือแต่คอนโดหลังเก่าอายุ 20 ปี ในกรุงเทพฯ ไว้แห่งเดียว
ได้ยินเรื่องราวแบบนี้ ทำให้มาคิดทบทวนดูอีกครั้งกับภาษีที่ดินตอนนี้
เห็นด้วยนะ กับการประเมินและเก็บภาษีที่ดินแบบที่ใช้อยู่ แต่อยากให้คิดเผื่ออีกนิด กับคนที่มีที่ดินเพียงผืนเดียว เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งนำมาคิดลดหย่อนภาษีที่ดินไม่ได้ เพราะมีทะเบียนบ้านเป็นคอนโด 1 ห้องนอน เนื้อที่ไม่ถึง 100 ตารางเมตร
คนจำพวกนี้เป็นพวกชนชั้นกลาง เงินส่วนมากเป็นเงินออม ซื้อคอนโดเพราะต้องใช้ มีที่ดินอีกแปลงเพื่อความอุ่นใจด้านที่อยู่อาศัย เพราะไม่แน่ใจอนาคตของคอนโดที่เก่าลงทุกวัน ไม่แน่ใจว่าในเวลาข้างหน้าจะอยู่ได้หรือไม่ ส่วนกลางจะเรียกเก็บเงินสำหรับการซ่อมใหญ่อย่างไร ฯลฯ
คนเหล่านี้ไม่มีเงินมากพอจะสร้างบ้านอีกหลัง แล้วปล่อยไว้เฉยๆ ไม่มีกำลังจะไปพยายามใช้ประโยชน์ ปลูกกล้วย ปลูกมะนาว ปลูกมะพร้าว เพื่อให้เป็นพื้นที่เกษตรเพื่อลดภาษี และก็อาจจะไม่มีกำลังเงินสดจะเสียภาษีในอัตราที่สูง ทำได้อย่างเดียวคือขาย
ส่วนคนที่มีเงินสดเหลือ มีเวลา มีช่องทางพอจะดูแลที่แบบนี้ ตอนนี้ก็ทำเกษตรกันกลางกรุง ซึ่งไม่น่าจะเป็นประโยชน์จริงจัง
จึงมีข้อเสนอว่า
ก. **ให้ยกเว้นภาษีสำหรับที่ดินว่างเปล่าแปลงแรก ไม่เกินประมาณ 1 ไร่ 1 งาน [เผื่อเศษของ 1 ไร่ ที่เคยเห็นตอนจัดสรรที่ดินในโครงการ และต้องเป็นที่ดินเดี่ยว ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินอื่นโดยรอบในรัศมีหนึ่ง (คิดเป็นกิโลเมตร] และมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท เมื่อรวมกับคอนโดที่มีทะเบียนบ้านว่าอยู่อาศัย (เท่ากับจำนวนที่ยกเว้นให้คนมีบ้านพร้อมที่ดิน)
หรือ ข. **ที่ดินแปลงดังกล่าว ให้เสียภาษีอัตราเดียวกับที่ดินเกษตร เว้นแต่เป็นที่ดินในโครงการจัดสรรที่มีค่าบำรุงส่วนกลางที่ต้องเสียอยู่แล้ว
1. การที่ประชาชนผู้เสียภาษีแต่ละคน มีที่ดินของตนเอง 1 แปลง (1 ไร่) เป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ต่อชนชั้นกลาง และ ***การมีที่ดินเป็นความมั่นคงของสังคมเป็นส่วนรวม*** คนมีที่หวงแหนที่ดินของตนมากกว่าคนไม่มีที่
2. การเก็บภาษีบ้างสำหรับที่ดินที่ไม่มีใครดูแลก็สมควร (ข้อเสนอ ข.) โดยทางการก็ต้องมีบริการตอบแทนการเสียภาษีนี้ด้วย คือ
ที่ดินทั่วไปนอกเมือง เทศบาลหรือ อบต. มีหน้าที่ดูแลเรื่อง สาธารณูปโภคในพื้นที่ ตัดหญ้า ดูแลไม่ให้รก ไม่ให้มีบุคคลที่ 3 นำขยะไปเทกองไว้ในที่ดิน ฯลฯ เว้นแต่ที่ดินในโครงการจัดสรร ซึ่งเจ้าของจ่ายค่าดูแลอยู่แล้ว
3. ที่ดินกลางเมือง ที่ราคาที่ดินสูงมาก และเจ้าของมีแรงจูงใจจะทำเป็นที่ดินเกษตรแบบจำใจ อาจมีทางเลือกให้ได้สิทธินับเป็นพื้นที่เพื่อการเกษตร เมื่อยกสิทธิให้ทางการนำไปทำสวนแบบไม่สาธารณะ (คือคนทั่วไปเข้าไปใช้งานไม่ได้ แค่ดูได้สบายตา) โดยเจ้าของต้องล้อมรั้ว และดูแลรั้วให้อยู่ในสภาพดี ทางการที่เก็บภาษี ดูแลพื้นที่รวมทั้งบริเวณโดยรอบ เพื่อให้พื้นที่กลางเมืองดูไม่รกร้าง ไม่รุงรัง และไม่มีใครบุกรุกไปยึดพื้นที่ติดทางเป็นกระท่อมพักอาศัย (บางที่กลายเป็นชุมชนแออัดไปแล้ว) ถ้ามีเป็นความผิดของฝ่ายบ้านเมืองที่เก็บภาษีไป ต้องทำกลับคืน
ทำแบบนี้กับที่กลางเมือง คนไม่มีที่ดินคงได้สูดอากาศมีออกซิเจนสูงขึ้น และได้ดูต้นไม้เขียวๆ สบายตา น่าจะสวยกว่าดูต้นกล้วย ต้นมะพร้าว ที่อีกไม่กี่ปีอาจจะรุงรังไม่แพ้ที่ว่างเปล่า
คิดเห็นเป็นอย่างไรคะ นี่ถ้าดิฉันมีพรรคการเมือง คงเอาเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคไปแล้วละ
นวพร เรืองสกุล
แหล่งที่มา :