"...สำหรับพรรคที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนเพราะเชื่อมั่นในนโนบายต่อต้านคอร์รัปชัน สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็จะถูกประชาชนติดตามทวงถามว่าเรื่องนั้นๆ ลงมือทำจริงหรือไม่ เกิดเป็นผลงานหรือยัง..."
วันนี้ประชาชนกำลังขุ่นเคืองกับวิกฤตคอร์รัปชัน แต่อะไรทำให้พรรคการเมืองนิ่งเฉยหรือแสร้งทำไม่รู้ร้อนที่จะพูดถึงนโยบายปราบคอร์รัปชันเพื่อเรียกคะแนนเสียง ทั้งที่นักการเมืองคือยอดปิรามิดของการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะมีทั้งอำนาจและอิทธิพลที่จะปราบคนโกงให้อยู่หมัดหรือจะทำชั่วปล้นชาติเสียเองก็ได้
มี 6 เหตุผลเป็นอย่างน้อยที่ตอบข้อสงสัยนี้
1.ไม่ปิดทางหากิน ตัดโอกาสตัวเองกับพวกพ้อง ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงเข้ามาแล้ว
2.ไม่อยากยุ่ง เกรงใจคนอื่น ขืนพูดมากไปเผลอๆ อาจโดนแฉกลับ
3.ไม่ขวางผลประโยชน์ใคร วันข้างหน้าจะทำงานร่วมกันยาก หรือถ้าไปยุ่งกับข้าราชการ เขาอาจวางยา เข้าเกียร์ว่าง ไม่ให้ความร่วมมือทั้งเรื่องงานและเรื่องฉ้อฉล
4.ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เริ่มตรงไหน เพราะไม่เคยสนใจ ไม่เข้าใจวงจรอุบาทว์ ไม่รู้กลไกของรัฐมากพอ ไม่ทันโลกที่เปลี่ยนไปมากแล้ว
5.ไม่อยากทำ เพราะผู้ใหญ่ไม่เอาด้วย!
6.ไม่ทำ เลือกที่จะมักง่าย ปล่อยเป็นภาระของ ป.ป.ช. สตง. ป.ป.ท. ฯลฯ
สำหรับพรรคที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนเพราะเชื่อมั่นในนโนบายต่อต้านคอร์รัปชัน สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็จะถูกประชาชนติดตามทวงถามว่าเรื่องนั้นๆ ลงมือทำจริงหรือไม่ เกิดเป็นผลงานหรือยัง หากทำแล้วแต่ติดขัดประชาชนย่อมให้การสนับสนุน แต่หากคนในพรรคไปคดโกงปล้นชาติเสียเอง ประชาชนจะยิ่งก่นด่าประนามเป็นทวีคูณ
คอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องที่สังคมจับจ้อง ใครจะเพ้อเจ้อพูดทีเล่นทีจริงไม่ได้
วันนี้ 'คนไทยต้องการเห็นนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ จริงใจและมุ่งมั่น ที่สามารถนำประเทศไทยไปสู่ยุคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง' พรรคที่ประกาศนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันที่ปฏิบัติได้ จริงจัง หมดยุคแล้วกับคำพูดหวานหูแต่เลื่อนลอย อาทิ จะบริหารบ้านเมืองอย่างโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล มีอุดมการณ์ จะรักษาความซื่อสัตย์ ฯลฯ
ทางลัดเพื่อรับฟังเสียงประชาชนที่บอกเล่าความทุกข์และสิ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ท่านที่สนใจศึกษาได้จากผลโพล 'ความเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองในการเลือกตั้ง 2566' [กดลิงค์เพื่ออ่านข้อมูล: http://bit.ly/3mym1Km.]