"...ฟุตบอลเป็นวิถีชีวิต เป็นศาสนาของคนบราซิล อยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณของผู้คนทั้งประเทศ ทุกครอบครัวเกิดมารู้จักเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก จนมีคนพูดติดตลกว่า “เด็กทารกอาจจะรู้จักลูกฟุตบอลก่อนขวดน้ำนมเสียด้วยซ้ำ” แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บราซิลเป็นมหาอำนาจในกีฬาฟุตบอล มาจากชาวบราซิลทุกคนถูกหล่อหลอมดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียว เยาวชนได้รับแรงบันดาลใจจากนักเตะซูเปอร์สตาร์ ช่วยผลักดันสร้างแรงจูงใจไปสู่รุ่นต่อไป ในขณะที่ทุกคนมุ่งมั่นร่วมกันทุกวิถีทางเพื่อให้บราซิลเป็นเลิศในกีฬาฟุตบอล มีความภาคภูมิใจร่วมกัน ตั้งแต่นักฟุตบอลทุกคนที่ทุ่มเทตลอดการแข่งขัน 90 นาที กองเชียร์คอยให้กำลังใจไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร และแม้ว่าชัยชนะจะมีความหมาย แต่พวกเขามองไปไกลกว่านั้น มุ่งหวังยกระดับมาตรฐานทีมฟุตบอลให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยการทำให้ฟุตบอลเป็นส่วนหนี่งของชีวิต อยู่กับฟุตบอลอย่างมีความสุขและสนุกในแต่ละวัน..."
ในช่วงเวลานี้ หากเห็นคนรอบข้างง่วงหงาวหาวนอน ขอบใต้ตาสีดำคล้ำคล้ายกับหมีแพนด้า เพ่งเล็งได้เลยว่าต้องเป็นผู้ที่อดหลับอดนอนเฝ้าจอทีวีดู “ฟุตบอลโลก” ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน โดยในรอบแรกมีการแข่งขันทุกวัน วันละ 4 คู่ เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นไปจบตอนตี 4 จนต้องตีความให้ชัดว่าการอยู่บ้าน “WFH” หมายถึง work from home หรือ watch from home กันแน่ การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ และทีมชาติบราซิลถือเป็นตัวเก็งที่จะคว้าแชมป์โลกอีกครั้งภายหลังที่คว้าตำแหน่งนี้มาแล้ว 5 สมัย และไม่เคยพลาดเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1930
ทั้งนี้ ทีมชาติบราซิลนำทีมโดยเนย์มาร์ ศูนย์หน้าดาวดังระดับโลก และเพื่อนร่วมทีมที่แฟนบอลต่างรู้จักดี รวมทั้ง วินิซิอุส จูเนียร์ ที่แม้ว่าจะอายุเพียง 22 ปี แต่สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในนัดแรกส่งลูกฟุตบอลให้เพื่อนยิงประตู ทีมชาติเซอร์เบียทั้งสองประตู ประเดิมสนามได้อย่างสวยงาม
คำถามที่น่าสนใจคือทำไมประเทศบราซิลจึงมีความเก่งกาจในเชิงฟุตบอล มีนักฟุตบอลที่ดังก้องโลกรุ่นแล้วรุ่นเล่าตั้งแต่ เปเล่ โรนัลโด ไปจนถึงรอนัลดีนโย รวมทั้งปัจจุบันนักฟุตบอลชาวบราซิลยังเล่นให้กับสโมสรอาชีพทั่วโลกกว่า 16,000 คน (แม้กระทั่งในทีมสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย) ทั้ง ๆ ที่กีฬาฟุตบอลไม่ได้ถือกำเนิดที่บราซิล โดยชาร์ลส์ มิลเลอร์ (Charles Miller) ได้หอบลูกฟุตบอล 2 ลูก พร้อมหนังสือกฎกติกาการเล่น 12 ข้อ กลับมายังบ้านเกิดภายหลังเรียนจบจากประเทศอังกฤษ พร้อมมาสอนเพื่อน ๆ ให้รู้จักกีฬานี้ จนจัดให้มีการแข่งขันฟุตบอลเป็นครั้งแรกที่นครเซาเปาลู บ้านเกิดของเขาเมื่อวันที่ 14 เมษายน 1895 [1]
ก่อนจะหาคำตอบคงต้องมารู้จักประเทศบราซิลกันก่อนว่า บราซิลมีขนาดใหญ่กว่าที่หลายคนคิด เพราะมีพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ขนาดใหญ่กว่าเกาะอังกฤษถึง 33 เท่า และมีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก เรียกว่านำประชากรชาวเยอรมัน อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่คลั่งไคล้ฟุตบอลมารวมกันก็ยังน้อยกว่า จึงถือได้ว่าบราซิลมีข้อได้เปรียบสามารถเลือกนักฟุตบอลเก่ง ๆ ได้มากกว่า แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือลักษณะของภูมิอากาศที่ร้อนชื้น เมื่อเวลาฝนตกก็ตกหนักมากแบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาร้อนก็เหงื่อท่วมกายแทบหายใจไม่ออก จนทำให้เกิดป่าดิบชื้นแอมะซอน พื้นที่กว่า 5.5 ล้านตารางกิโลเมตร ผลิตออกซิเจนให้กับโลกถึงร้อยละ 20
แต่ลักษณะอากาศเช่นนี้ ทำให้การปลูกหญ้าในเมืองค่อนข้างยาก สนามหญ้าเพื่อให้เด็ก ๆ มาเล่นฟุตบอลแทบหาไม่ได้ สนามหญ้ามีคุณภาพจะมีเฉพาะในสนามฟุตบอลทีมอาชีพ ในขณะที่เมืองใหญ่ในบราซิลมีลักษณะแออัดมาก บ้านช่องอยู่ติดกันเรียงรายแทบจะไม่มีที่ว่างเปล่าให้เล่นกีฬา จะมีที่แบบโล่ง ๆ คือชายหาดที่ยาวติดมหาสมุทรแอตแลนติกถึง 4,491 กิโลเมตร ด้วยลักษณะเช่นนี้ จึงเป็นภาคบังคับให้ต้องเล่นบอลข้างถนน ที่มีพื้นผิวขรุขระเป็นดินโคลน หรือเล่นที่ชายหาด ซึ่งลูกบอลจะเร็วมากเวลาเล่นบนทราย ควบคุมและวิ่งได้ยากกว่าพื้นหญ้า และต้องใช้กำลังเล่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้นักเตะบราซิลมีทักษะเลี้ยง เดาะ ที่เป็นเอกลักษณ์ และได้ฝึกร่างกายที่แข็งแรงโดยอัตโนมัติ สามารถเล่นบอลได้ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ [2]
นอกจากนั้น ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า แนวดนตรีและการเต้นแซมบ้า ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติบราซิล มีจังหวะที่เร้าใจ เร็ว ต้องใช้ทักษะกระแทกเท้าและแกว่งสะโพกไปมา เป็นพื้นฐานทักษะที่ช่วยสร้างความคล่องตัวในการเลี้ยงหลบหลีกของกองหน้า การเตะสกัดป้องกันของกองหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทำให้การเล่นฟุตบอลสไตล์แซมบ้าบราซิลมีสีสันสวยงาม
ฟุตบอลเป็นวิถีชีวิต เป็นศาสนาของคนบราซิล อยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณของผู้คนทั้งประเทศ ทุกครอบครัวเกิดมารู้จักเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก จนมีคนพูดติดตลกว่า “เด็กทารกอาจจะรู้จักลูกฟุตบอลก่อนขวดน้ำนมเสียด้วยซ้ำ”
แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บราซิลเป็นมหาอำนาจในกีฬาฟุตบอล มาจากชาวบราซิลทุกคนถูกหล่อหลอมดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียว เยาวชนได้รับแรงบันดาลใจจากนักเตะซูเปอร์สตาร์ ช่วยผลักดันสร้างแรงจูงใจไปสู่รุ่นต่อไป ในขณะที่ทุกคนมุ่งมั่นร่วมกันทุกวิถีทางเพื่อให้บราซิลเป็นเลิศในกีฬาฟุตบอล มีความภาคภูมิใจร่วมกัน ตั้งแต่นักฟุตบอลทุกคนที่ทุ่มเทตลอดการแข่งขัน 90 นาที กองเชียร์คอยให้กำลังใจไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร และแม้ว่าชัยชนะจะมีความหมาย แต่พวกเขามองไปไกลกว่านั้น มุ่งหวังยกระดับมาตรฐานทีมฟุตบอลให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยการทำให้ฟุตบอลเป็นส่วนหนี่งของชีวิต อยู่กับฟุตบอลอย่างมีความสุขและสนุกในแต่ละวัน
ครับ บราซิลจะไปถึงฝัน สามารถไขว่คว้าผงาดเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกหนนี้หรือไม่ พวกเราคงต้องติดตามเฝ้าชมไปจนวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชิงชนะเลิศ
แหล่งที่มา:
[1] https://fieldinsider.com/why-are-brazilian-footballers-so-good/#:~:text=Their%20creativity%20and%20dribbling%20stand,are%20so%20good%20at%20football.
[2] https://www.theguardian.com/football/2016/sep/15/brazil-brilliant-football-school
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.sportingnews.com