"...รัสตรี้ รัสเซลล์ เป็นทหารร่วมรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากแก๊สน้ำตา สายตาพิการต้องใส่แว่นตาหนาทึบ แต่ฝ่าฟันชีวิตเข้าศึกษาต่อได้ที่มหาวิทยาลัย Howard Payne และเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ต่อมาได้เป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์และโค้ชทีมฟุตบอลให้กับโรงเรียนมัธยม Temple ประสบความสำเร็จทำสถิติชนะ 20 ครั้ง และพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในการแข่งขันชิงแชมป์ของรัฐเท็กซัส แม้เส้นทางอาชีพจะดูสดใส แต่เขากลับตัดสินใจลาออกเพื่อเดินตามอุดมการณ์ตนเอง ด้วยการไปสอนหนังสือและโค้ชทีมฟุตบอลให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า Masonic Home ในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ ตั้งแต่ปี 1927..."
แน่นอนว่าภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจไม่เคยขาดแคลน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกีฬา และภาพยนตร์เรื่อง '12 Mighty Orphans' (12 ผู้เกรียงไกรแห่งไมตี้ไมต์ส) ที่สร้างจากชีวประวัติจริงของ รัสตรี้ รัสเซลล์ (Rusty Russell) ถือเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับคำชื่นชมอีกเรื่องหนึ่ง
รัสตรี้ รัสเซลล์ เป็นทหารร่วมรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากแก๊สน้ำตา สายตาพิการต้องใส่แว่นตาหนาทึบ แต่ฝ่าฟันชีวิตเข้าศึกษาต่อได้ที่มหาวิทยาลัย Howard Payne และเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ต่อมาได้เป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์และโค้ชทีมฟุตบอลให้กับโรงเรียนมัธยม Temple ประสบความสำเร็จทำสถิติชนะ 20 ครั้ง และพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในการแข่งขันชิงแชมป์ของรัฐเท็กซัส แม้เส้นทางอาชีพจะดูสดใส แต่เขากลับตัดสินใจลาออกเพื่อเดินตามอุดมการณ์ตนเอง ด้วยการไปสอนหนังสือและโค้ชทีมฟุตบอลให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า Masonic Home ในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ ตั้งแต่ปี 1927(1)
ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุด จึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความหวังและยิ่งยากขึ้นไปอีกสำหรับกลุ่มเด็กกำพร้า ไม่ต้องกล่าวถึงงบประมาณเพื่อการศึกษาและเลี้ยงดูเด็ก 160 คน ที่ได้รับการจัดสรรเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่น เงินที่จะนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมและสันทนาการแทบจะไม่มี ความท้าทายของรัสเซลล์เริ่มตั้งแต่ก้าวย่างแรก เพราะเด็กขาดความอบอุ่นจากครอบครัว มองไม่เห็นอนาคต จึงใช้ชีวิตแบบเข้าห้องเรียนไปวัน ๆ หนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจกับการเรียนมากนัก ในขณะที่อารมณ์ของเด็กมีความแปรปวน ทำให้รัสเซลล์หาหนทางด้วยการนำกีฬาฟุตบอลมาทำให้พวกเขาได้ค้นพบความหมายของชีวิต(2)
อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งทีมฟุตบอลมีอุปสรรคมากมาย ตั้งแต่การยื่นคำขอเพื่อให้ทีมเข้าร่วมแข่งขันกับทีมโรงเรียนมัธยมแห่งอื่น ๆ เขาได้กล่าวกับโค้ชทีมคู่แข่งขันว่า “ผมทราบดีว่า กฎได้ระบุชัดเจนว่า โรงเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันต้องมีนักเรียนอย่างน้อย 1,000 คน สำหรับโรงเรียน Masonic Home มีนักเรียนจำนวนเพียง 160 คน แต่เด็ก ๆ โรงเรียนนี้กำลังรอความหวังกับชีวิต ผมเชื่อว่า “การให้โอกาสพวกเขาเหมือนกับนักเรียนโรงเรียนอื่นจะเปิดโอกาสให้กับพวกเขาเดินไปข้างหน้า เหมือนกับม้าทุกตัวที่ต้องการจ๊อกกี้ เพื่อแสดงศักยภาพออกมาเมื่อได้รับโอกาสนั้น”
อุปสรรคไม่เพียงแค่นั้น รัสเซลล์ต้องเนรมิตทุ่งหญ้าเลี้ยงแพะหน้าโรงเรียนให้เป็นสนามฟุตบอล นักกีฬาไม่มีรองเท้าหรือเครื่องป้องกันเวลาลงเล่น ในขณะที่ลูกฟุตบอลต้องนำหนังมาเย็บเล่นเอง และที่สำคัญคือ การโน้มน้าวเด็กที่โตเป็นวัยรุ่นให้มาร่วมทีมฟุตบอลเป็นเรื่องยาก เพราะนอกจากต้องหัดเล่นกีฬานี้แบบเด็กหัดเริ่มเล่นใหม่แล้ว พวกเขายังต้องสอบทำคะแนนให้ได้ตามที่กำหนด จึงจะได้รับอนุญาตให้ร่วมแข่งขันได้ ผลปรากฏว่ามีนักเรียนสามารถสอบผ่านเข้ามาร่วมทีม 12 คนพอดิบพอดี แต่ทุกคนต้องลงเล่นตลอดเกมทั้งเป็นทีมรับและทีมรุก เทียบกับคู่แข่งที่สามารถมีนักกีฬาได้กว่าเท่าตัว
ในการแข่งขันนัดแรก ทีมโรงเรียน Masonic Home พ่ายแพ้อย่างยับเยิน เสียเปรียบทั้งรูปร่างและจำนวนผู้เล่น ทำให้รัสเซลล์ต้องปรับแผนการเล่นใหม่ด้วยการวางตัวผู้เล่นให้กระจายไปทั่วสนาม และเน้นการขว้างลูกแทนการวิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะตัวต่อตัว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการเล่นฟุตบอลแบบ Wing T ที่นำมาใช้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยแผนการเล่นรูปแบบนี้ทำให้คู่แข่งปรับตัวไม่ทัน นำไปสู่ชัยชนะในนัดต่อ ๆ ไป จนทำให้ทีมประสบความสำเร็จเข้าแข่งขันรอบลึกในการแข่งขันระดับรัฐถึง 10 ปี จนทีมได้ฉายาว่า 'The Mighty Mites' แม้ทีมจะไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศ แต่สิ่งที่เด็ก ๆ เหล่านั้นได้เรียนรู้คือความพากเพียร และความหวัง หลายคนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยมีอาชีพที่มั่นคง หนึ่งในนั้นคือฮารดี้ บราน์ (Hardy Brown) ที่เคยเป็นเด็กหัวร้อน มีปัญหาทางอารมณ์ จากชีวิตเด็กกำพร้า รัสเซลล์ได้ฝึกฝนบราน์จนสามารถเป็นนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพที่โด่งดัง ได้รับสมญานามว่าเป็นนักฟุตบอลจอมปะทะที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้
รัสตรี้ รัสเซลล์ และนักแสดงนำ ลุค วิลสัน
HARDY BROWN
รัสเซลล์เป็นโค้ชให้กับทีม The Mighty เป็นเวลานานถึง 16 ปีจากปี 1927 จนถึงปี 1942 ก่อนพลิกตัวเองมาเป็นโค้ชในระดับมหาวิทยาลัย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถนำพาให้ทีม Mighty ไปสู่จุดสูงสุด แต่ชีวประวัติของรัสเซลล์และนักฟุตบอลโรงเรียนเด็กกำพร้า Masonic Home ได้ให้ข้อคิดกับเราว่า “ชัยชนะของทีม Mighty อาจจะไม่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ทำให้พวกเขาเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีอะไรที่พวกเราทำไม่ได้ มุ่งมั่นที่จะนำศักยภาพของตนเองออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่กับพวกเขาตลอดไป” (What the Mights won couldn’t be printed in the papers. It was a belief in themselves that would go on to last their entire lives.)
เขียนโดย : รณดล นุ่มนนท์
แหล่งที่มา :
(1) HistoryvsHollywood.com. 2022. 12 Mighty Orphans vs. the True Story of the Mighty Mites. [online] Available at:
<https://www.historyvshollywood.com/reelfaces/12-mighty-orphans/> [Accessed 21 August 2022].
(2) 2022. [online] Available at: <https://www.hometownsource.com/forest_lake_times/12-mighty-orphans-inspires-but-not-much/article_ca96ed7a-d497-11eb-baa5-3fc8b4e8101e.html>
[Accessed 21 August 2022].
(3) Guide For Geek Moms - One Stop Guide For All Things Entertainment. 2022. 50+ Inspiring 12 MIGHTY ORPHANS Movie Quotes - Guide For Geek Moms. [online] Available at: <https://www.guide4moms.com/2021/06/50-inspiring-12-mighty-orphans-movie-quotes.html> [Accessed 21 August 2022].
(4) 12 MIGHTY ORPHANS | Official Trailer (2021) [online] Available at: