"...บทเรียนชีวิตสำคัญที่สุดที่ได้รับจากชีวิตของท่านทั้งสามคือ เราต้องเห็นคุณค่าของตนเอง ไม่ท้อแท้และสิ้นหวังกับชีวิตที่เป็นอยู่ ต่อสู้กับชีวิตด้วยการเชิดหัวตลอดเวลาไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ท่านทั้งสามทราบดีว่า ตนเองมีพรสวรรค์และมีความสามารถเพียงพอที่สามารถพิสูจน์ให้คนรอบข้างปราศจากความสงสัย ดั่งเช่นแมรี แจ็กสัน ที่ได้ถูกตั้งคำถามจากหัวหน้าว่า “คุณอยากจะเป็นวิศวกรหรือไม่หากคุณเป็นผู้ชายผิวขาว” แมรี โต้กลับทันควันว่า “ฉันไม่เห็นว่าต้องอยากเป็นเลย ในเมื่อฉันเป็นวิศวกรอยู่แล้ว” (I Wouldn't Have To. I'd Already Be One.) ดังนั้น หากชีวิตการทำงานของเราไม่เป็นดั่งหวัง และไฟในการทำงานกำลังดับมอดและเริ่มสงสัยในศักยภาพของตนเอง ถึงเวลานั้น เราต้องกลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่า 'เราทำได้'..."
“ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ก้าวหน้า พวกเขาจะเขยิบเส้นชัย” (Every time we a have chance to get ahead, they move the finish line.) คำพูดฉากหนึ่งจากภาพยนตร์เรื่อง 'Hidden Figures' ที่ถ่ายทอดชีวประวัติของโดโรธี วอห์น (Dorothy Vaughan) แคทเธอรีน จอห์นสัน (Katherine G. Johnson) และ แมรี แจ็กสัน (Mary Jackson) หญิงอเมริกันผิวดำ 3 คน ที่เข้ามาทำงานในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ในช่วงปี 1960 และมีส่วนสำคัญช่วยให้สหรัฐฯ สามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี ฉากภาพยนตร์ที่กระชากความรู้สึกที่สุดคงจะเป็นฉากที่หัวหน้าของแคทเธอรีน จอห์นสัน ถามเธอว่า “คุณหายไปไหน เวลาผมต้องการคำตอบ คุณไม่เคยอยู่ที่โต๊ะทำงานเลย” ทำให้แคทเธอรีนที่อดกลั้นมานานกับบรรยากาศการทำงาน ถึงกับฟิวส์ขาด ระบายความในใจต่อหน้าทุกคนว่า “คุณคงไม่เคยทราบมาก่อนว่า ในตึกนี้ไม่มีห้องน้ำสำหรับคนผิวดำ ฉันต้องเดินไปอีกตึกหนึ่งกว่าครึ่งไมล์เพื่อไปปลดทุกข์ ลองหลับตานึกภาพซิคะ ฉันถูกบังคับให้ใส่ชุดทำงานที่แตกต่างจากผู้หญิงผิวขาว กระโปรงต้องยาวเลยตาตุ่ม และสวมใส่เครื่องประดับไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าคนดำอย่างฉันไม่มีปัญญาจะซื้อสร้อยไข่มุกได้ ฉันทุ่มเททำงานทั้งวันทั้งคืนราวกับเป็นสุนัขรับใช้ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกเกลียดชัง แม้แต่หม้อต้มกาแฟยังต้องแยกจากคนอื่นที่ไม่มีใครอยากแตะต้องและสุงสิงด้วย ต้องขอโทษด้วยที่ฉันต้องเข้าห้องน้ำบ้างในแต่ละวัน” [1]
ทั้งสองฉากข้างต้นสะท้อนความรู้สึกของเธอทั้ง 3 ได้เป็นอย่างดี เห็นถึงความพยายามและความอดทนที่ต้องพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ซึ่งต้องแสดงให้เห็นมากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะความเป็นผู้หญิงและคนผิวดำในยุคสมัยที่ผู้ชายผิวขาวยังทรงอิทธิพลในสังคม แต่อุปสรรคมากมายที่คอยขัดขวางความสำเร็จ ไม่อาจหยุดยั้งความพยายามและความตั้งใจในการไปสู่เป้าหมายของพวกเธอได้
อย่างไรก็ดี การต่อสู้ที่เริ่มจากศูนย์หรือติดลบ แต่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากอิทธิพลของคนรอบข้าง ครอบครัว ที่พร้อมส่งเสริมด้านการศึกษาให้ลูก ทั้ง ๆ ที่ในยุคสมัยนั้นมีผู้หญิงไม่ถึง 100 คนที่เรียนจบปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์ ในขณะที่ ครอบครัวของแคทเธอรีน จอห์นสัน ยอมย้ายไปอาศัยอยู่อีกเมืองหนึ่งเพื่อให้เธอได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับชั้นมัธยม โดยที่พ่อต้องขับรถไปทำงานกว่า 100 กิโลเมตรในแต่ละวัน นอกจากนั้น แคทเธอรีนยังโชคดีได้แองจี้ เทิร์นเนอร์ คิง (Angie Turner King) เป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ เพราะแองจี้ที่อายุมากกว่าแคทเธอรีน 13 ปี กลายเป็นผู้หญิงผิวดำที่สามารถเรียนต่อจนจบปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์ ถือเป็นบุคคลที่เธอยึดเป็นแบบอย่าง สร้างแรงบันดาลใจให้แคทเธอรีนได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย West Virginia West จนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาคณิตศาสตร์และภาษาฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยด้วยอายุเพียง 18 ปี [2]
องค์การนาซาได้ตั้งชื่ออาคารและถนนเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ทั้งสามท่าน ในขณะที่กระทรวงต่างประเทศ สหรัฐฯ ได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปฉายให้เด็ก ๆ ทั่วโลกได้ชม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กเหล่านั้นหันมาสนใจเป็นนักวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ในอนาคต รวมทั้ง บริษัท Mattel ได้ผลิตตุ๊กตา 'แคทเธอรีน จอห์นสัน' ในฐานะสตรีผิวดำ ผู้ต่อสู้อย่างไร้ข้อจำกัด
บทเรียนชีวิตสำคัญที่สุดที่ได้รับจากชีวิตของท่านทั้งสามคือ เราต้องเห็นคุณค่าของตนเอง ไม่ท้อแท้และสิ้นหวังกับชีวิตที่เป็นอยู่ ต่อสู้กับชีวิตด้วยการเชิดหัวตลอดเวลาไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ท่านทั้งสามทราบดีว่า ตนเองมีพรสวรรค์และมีความสามารถเพียงพอที่สามารถพิสูจน์ให้คนรอบข้างปราศจากความสงสัย ดั่งเช่นแมรี แจ็กสัน ที่ได้ถูกตั้งคำถามจากหัวหน้าว่า “คุณอยากจะเป็นวิศวกรหรือไม่หากคุณเป็นผู้ชายผิวขาว” แมรี โต้กลับทันควันว่า “ฉันไม่เห็นว่าต้องอยากเป็นเลย ในเมื่อฉันเป็นวิศวกรอยู่แล้ว” (I Wouldn't Have To. I'd Already Be One.) ดังนั้น หากชีวิตการทำงานของเราไม่เป็นดั่งหวัง และไฟในการทำงานกำลังดับมอดและเริ่มสงสัยในศักยภาพของตนเอง ถึงเวลานั้น เราต้องกลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่า 'เราทำได้' [3]
อ่านเพิ่มเติม : ต่อสู้ชีวิตอย่างไร้ข้อจำกัด
แหล่งที่มา:
[1] MovieQuotesandMore. 2022. Hidden Figures Best Quotes - 'Every time we have a chance to get ahead, they move the finish line.'. [online] Available at: <https://www.moviequotesandmore.com/hidden-figures-best-quotes/> [Accessed 11 June 2022].
[2] The Conversation. 2022. 7 lessons from 'Hidden Figures' NASA mathematician Katherine Johnson's life and career. [online] Available at: <https://theconversation.com/7-lessons-from-hidden-figures-nasa-mathematician-katherine-johnsons-life-and-career-132481> [Accessed 11 June 2022].
[3] ConNEXT. 2022. ‘Hidden Figures’ หนังตีแผ่ชีวิตของสตรีผิวสีแห่ง NASA ที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้แก่ผู้คนทั่วโลก. [online] Available at: <https://techsauce.co/connext/life-hacks/hidden-figures-the-true-story-inspiring-worklife> [Accessed 11 June 2022].