"...ส่วนนายกฯ หลี่รับผิดชอบงานเศรษฐกิจภายในประเทศ และต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายอย่างจากการที่จีนต้อง lockdown และปิดประเทศมานานหลายปี จากนโยบาย ZeroCovid จนทำให้เศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหา..."
สัญญาณความขัดแย้งระหว่างเบอร์ 2 กับเบอร์ 1 ของจีน ได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนแผ่นดินจีนช่วงนี้
นายกจีนฯ หลี่ เค่อเฉียง กล้าทิ้งระเบิดวิจารณ์ตรงๆ ชัดๆ แบบไม่เกรงใจใครอีกต่อไป เพราะเป็นปัญหาที่นายกจีน ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ท่านนี้ น่าจะอึดอัดใจมานาน และเขาก็ใกล้จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจีนแน่นอน เนื่องจากอยู่มาจนจะครบ 2 วาระ รวม 10 ปี ในเดือนมีนา 2023 ที่จะถึงนี้
ในปี 2018 ช่วงที่จีนแก้รัฐธรรมนูญ ก็มีการปลดล็อกให้เพียงแค่ตำแหน่งประธานาธิบดีจีน ที่อยู่ต่อไปได้แบบไร้วาระ แต่ไม่ได้ครอบคลุมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา นายกหลี่ฯ ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรมากนัก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงไม่ได้ใช้งานนายกหลี่ฯ เท่าที่ควร แต่ไปให้เพื่อนสนิทของท่านสี คือ หลิวเฮ่อ รองนายกฯ จีน มารับงานสำคัญในหลายเรื่อง เช่น การเป็นตัวแทนจีนในการเจรจากับสหรัฐฯ
ส่วนนายกฯ หลี่รับผิดชอบงานเศรษฐกิจภายในประเทศ และต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายอย่างจากการที่จีนต้อง lockdown และปิดประเทศมานานหลายปี จากนโยบาย ZeroCovid จนทำให้เศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหา
แถมยังไม่รู้ว่า การรับมือกับวิกฤติโควิดในจีนจะจบลงเมื่อไร จบลงในรูปแบบไหน จะต้องปิดประเทศอีกนานแค่ไหน เนื่องจากจีนไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ วัคซีนจีนเชื้อตายไม่สามารถจัดการกับไวรัสกลายพันธุ์ ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นสถานการณ์ที่อึมครึมมาก จนนายกฯ หลี่ทนไม่ไหว ต้องออกมาวิจารณ์แรงๆ กับบรรดาข้าราชการ/เจ้าหน้าที่จีนที่เกี่ยวข้อง
สรุปคือ เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณไม่แข็งแกร่งดังเดิม และมีสารพัดปัญหาที่ซุกใต้พรม และอาจจะรุกลามไปจนสร้างความไม่พอใจของคนในสังคมตามมา โดยเฉพาะในโลกโซเชี่ยลของจีน
เขียนโดย รองศาสตราจารย์ ดร อักษรศรี พานิชสาส์น
ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์