"...ที่สำคัญ ริชาร์ดทราบดีว่า ส่วนผสมที่ทรงพลังที่สุด นอกเหนือจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง คือความมุ่งมั่น ทัศนคติที่ถูกต้องและจิตใจที่เข้มแข็ง แม้ว่าริชาร์ดจะได้เห็นแววของลูกสาวในการเป็นนักเทนนิสระดับโลกแล้ว แต่ริชาร์ดยังปลูกฝังความเชื่อมั่นให้กับลูกสาวตลอดเวลา เขาจะติดป้ายที่มีคติประจำใจนี้แขวนอยู่รอบสนามเทนนิส เพื่อให้ลูก ๆ ได้มองเห็นในช่วงฝึกซ้อม เช่น ป้ายข้อความว่า “หากคุณไม่มีการวางแผน ก็เหมือนกับคุณได้วางแผนที่จะล้มเหลวแล้ว” (You fail to plan, you plan to fail) ทั้งนี้ เขาบอกวีนัสว่า เธอจะเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลกในไม่ช้าและบอกกับเซเรน่าว่า เธอจะเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ซึ่งตอนนี้พวกเราทราบแล้วว่าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ริชาร์ดพูด..."
ในการประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 ประจำปี 2022 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ฉากบู๊นอกจอแบบไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อวิลล์ สมิธ (Will Smith) เดินขึ้นไปบนเวทีตบหน้า คริส ร็อก (Chris Rock) ที่ขึ้นไปประกาศรางวัลหนังสารคดียอดเยี่ยมเข้าอย่างแรง ด้วยความโกรธที่คริสไปพูดล้อเลียนภรรยาของเขาในเรื่องอาการป่วยจากโรคผมร่วงท่ามกลางความตะลึงงันของผู้เข้าร่วมพิธีและผู้ชมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ทั่วโลก อย่างไรก็ดี พิธีมอบรางวัลยังคงดำเนินต่อไปซึ่งหลายคนคาดเดาไม่ผิดถึงเหตุผลที่ฝ่ายจัดงานยังคงปล่อยให้วิลล์ สมิธ กลับไปนั่งตามเดิม เพราะในการประกาศรางวัลผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม ปรากฏว่าวิลล์ สมิธ คว้ารางวัลนี้ไปครองจากการรับบทริชาร์ด วิลเลียมส์ (Richard Williams) ในภาพยนตร์เรื่อง คิง ริชาร์ด (King Richard) หลังได้เล่นบทบาทชีวิตจริง ๆ และเข้าชิงออสการ์ดารานำชายมาแล้วสองครั้งจากภาพยนตร์เรื่อง Ali และ The Pursuit of Happyness และครั้งนี้กลายเป็น “Third Time Lucky” ของเขาในที่สุด [1]
แม้ว่า วิลล์ สมิธ ได้ออกมาโพสต์ขอโทษ คริส ร็อก พร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิกออสการ์แต่ล่าสุดสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ผู้จัดงานออสการ์ได้ตัดสินลงโทษ วิลล์ สมิธ ด้วยการห้ามร่วมงานเป็นเวลาถึง 10 ปี เพื่อส่งสัญญาณต่อต้านความรุนแรง
จากเหตุการณ์ข้างต้น ทำให้ผมเกิดความสนใจว่าหนังเรื่อง คิง ริชาร์ด เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับใคร ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นหนังพระราชประวัติพระเจ้าริชาร์ดแห่งอังกฤษ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะวิลล์ สมิธ คงไม่รับบทบาทนี้ และพอได้ค้นข้อมูลทำให้ทราบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอัตชีวประวัติของ ริชาร์ด วิลเลียมส์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกสาว วีนัสและเซเรน่า วิลเลียมส์ (Venus และ Serena Williams) พี่น้องนักกีฬาเทนนิสหญิงที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
ภาพประกอบจาก : https://www.themoviedb.org/movie/614917-king-richard/images/backdrops
ริชาร์ดเกิดที่เมืองชรีฟพอร์ต มลรัฐหลุยเซียนา ในปี 1942 ในครอบครัวใหญ่ที่มีลูกถึง 5 คน โดยริชาร์ดเป็นพี่ชายคนโตที่เหลือเป็นน้องสาวทั้งหมด ตกเป็นเป้าหมายของการเหยียดผิว ในตอนเด็กถึงขนาดต้องวิ่งหนีพวกคูคลักซ์แคลนโดยไม่มีคนมาคอยปกป้อง ทั้งนี้ ปูมหลังมีส่วนสำคัญต่อแนวคิดการเลี้ยงดูลูก ๆ ของเขา ภายหลังการหย่าขาดจากภรรยาคนแรกพร้อมลูกติดถึง 6 คน เขาได้ย้ายมาตั้งรกรากในเมืองคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและยาเสพติด พร้อมแต่งงานใหม่กับ ออราซีน ไพรซ์ (Oracene Price) ในปี 1979 ริชาร์ดทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในขณะที่ออราซีนเป็นพยาบาล
ทั้งสองต้องทำงานกันหลายกะเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว (ออราซีนเองมีลูกก่อนแต่งงานกับริชาร์ด 3 คน) จนวันหนึ่งริชาร์ดได้ดูการแข่งขันเทนนิสหญิงทางโทรทัศน์ ผู้ชนะในรายการนั้น คือ เวอร์จิเนีย รูซิซี (Virginia Ruzici) จากโรมาเนียที่ได้เงินรางวัลถึง 30,000 ดอลลาร์ สรอ.จุดประกายให้ริชาร์ดเห็นถึงแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่นำพาชีวิตครอบครัวให้หลุดพ้นจากกับดักความโชคร้าย ริชาร์ดเริ่มต้นด้วยการเขียนแผนสร้างลูกให้เป็นนักเทนนิสอาชีพ โดยการเขียนแผนอย่างละเอียดหนา 78 หน้าแล้วเสร็จก่อนวีนัสลืมตาดูโลกในปี 1980 และเซเรน่าในปีถัดไป [2]
แผนการปลุกปั้นลูกสาวทั้งสองเริ่มต้นขึ้นเมื่อวีนัสอายุเพียง 4 ขวบ ริชาร์ดได้เริ่มให้ลูกสาวจับไม้เทนนิส จัดตารางฝึกซ้อมโดยอาศัยสนามเทนนิสสาธารณะข้างบ้าน เริ่มซ้อมตั้งแต่ 6 โมงเช้าและซ้อมอีกครั้งหลังจากกลับจากโรงเรียนทุกวัน ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร อยู่ซ้อมจนกว่าจะวอลเลย์ลูกครบ 500 ครั้ง ทั้งนี้ โปรแกรมการฝึกซ้อมและเทคนิคต่าง ๆ ริชาร์ดและภรรยาเรียนรู้ด้วยตนเอง อาศัยการอ่านนิตยสารเทนนิสทุกเล่มที่พึงหาได้ ดูวิธีการเล่นของนักเทนนิสชื่อดังผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์และมองหาข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้วีนัสและเซเรน่าพัฒนาการเล่นให้สมบูรณ์แบบขึ้น
ที่สำคัญ ริชาร์ดทราบดีว่า ส่วนผสมที่ทรงพลังที่สุด นอกเหนือจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง คือความมุ่งมั่น ทัศนคติที่ถูกต้องและจิตใจที่เข้มแข็ง แม้ว่าริชาร์ดจะได้เห็นแววของลูกสาวในการเป็นนักเทนนิสระดับโลกแล้ว แต่ริชาร์ดยังปลูกฝังความเชื่อมั่นให้กับลูกสาวตลอดเวลา เขาจะติดป้ายที่มีคติประจำใจนี้แขวนอยู่รอบสนามเทนนิส เพื่อให้ลูก ๆ ได้มองเห็นในช่วงฝึกซ้อม เช่น ป้ายข้อความว่า “หากคุณไม่มีการวางแผน ก็เหมือนกับคุณได้วางแผนที่จะล้มเหลวแล้ว” (You fail to plan, you plan to fail) ทั้งนี้ เขาบอกวีนัสว่า เธอจะเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลกในไม่ช้าและบอกกับเซเรน่าว่า เธอจะเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ซึ่งตอนนี้พวกเราทราบแล้วว่าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ริชาร์ดพูด [3]
แม้ว่าริชาร์ดจะทุ่มสุดตัวด้วยการเดิมพันทุกอย่างไปกับการปั้นให้วีนัสและเซเรน่าเป็นนักกีฬาเทนนิสผู้เก่งกาจ แต่เขายังให้ความสำคัญกับการศึกษา ให้ลูกสาวเข้าเรียนหนังสือตามปกติ แบ่งหน้าที่กับภรรยา โดยที่ริชาร์ดทำให้แน่ใจว่า พวกเขามีแบ็คแฮนด์ที่สมบูรณ์แบบในสนามฝึก ในขณะที่ภรรยาทำให้มั่นใจว่าลูกจะทำการบ้านในวันเรียนถัดไป ซึ่งผลการเรียนของลูกอยู่ในระดับต้น ๆ สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา กลายเป็นการสร้างมนต์เสน่ห์และความประทับใจให้กับแฟนเทนนิสทั่วโลกเช่นเมื่อครั้งเซเรน่ากล่าวขอบคุณแฟนเทนนิสเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่วเมื่อคว้ารางวัลเฟรนช์โอเพ่นในปี 2015
ในสายตาหลายคน ริชาร์ดอาจเป็นพ่อจอมบงการ วางแผนชีวิตลูก ๆ ที่ยังไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ รวมถึง วิธีการเพื่อให้ลูกอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ วางกฎระเบียบที่ผิดธรรมชาติ เช่น ห้ามไม่ให้ลูกคบกับผู้ชาย อย่างไรก็ดี ริชาร์ด ถือเป็นแบบอย่างในเรื่องการสร้างวินัย ความพากเพียร ทำงานหนักและไม่ยอมแพ้ พร้อม ๆ กับการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับลูก ๆ ซึ่งผมจะได้นำมาถ่ายทอดใน weekly mail ในสัปดาห์หน้าครับ
แหล่งที่มา:
[1] เรื่องจริง เรื่องเล่า ในหนัง King Richard งานส่ง Will Smith คว้ารางวัลออสการ์ 2022
[online] Available at: < https://www.gqthailand.com/culture/article/king-richard-movie-review> [Accessed 7 April 2022].
[2] ส่อง “อัจฉริยะต้องสร้าง” หนังกอล์ฟพี่น้องจุฑานุกาล ก่อน King Richard นำวิล สมิธ ได้ออสการ์.[online] Available at: <https://www.silpa-mag.com/history/article_85031> [Accessed 7 April 2022].
[3] Brand Minds. 2022. 8 success lessons from "King Richard".[online] Available at: <https://brandminds-ro.translate.goog/8-success-lessons-from-king-richard-the-story-of-venus-and-serena-williams/?_x_tr_sl=auto&_x_tr_tl=th&_x_tr_hl=en-US&_x_tr_pto=wapp> [Accessed 7 April 2022].