"...การหันมาเชียร์ทีมรองบ่อนสามารถเกิดได้จากทั้ง 3 เหตุผลข้างต้น แต่สำหรับผมแล้ว การเชียร์ทีมรองบ่อนช่วยให้เราได้เรียนรู้ว่าเราเริ่มต้นด้วยต้นทุนที่ไม่เท่ากัน แต่หากเรามุมานะ สู้ไม่ถอย ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคข้างหน้า เราจะก้าวเดินไปถึงจุดเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้และแม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้รับอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เราสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า “ได้ทำเต็มที่แล้ว และจะสู้ต่อไปโดยไม่ท้อแท้”..."
มนุษย์มีความคิดที่ย้อนแย้งในตัวเองหลายเรื่อง ที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดคือ เราทุกคนต่างมีเป้าหมายสู่ความสำเร็จในชีวิต แต่เมื่อเห็นคนอื่นทำสำเร็จ ใจลึก ๆ เรากลับทำใจไม่ได้ จนทำให้เกิดความรู้สึกเทใจไปอยู่ข้างฝ่ายที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ทั้งนี้ ในวงการกีฬา ทีมที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง มักจะมีผู้ติดตามและเชียร์เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีแฟนกีฬาจำนวนไม่น้อยที่ส่งเสียงเชียร์ทีมรองบ่อนหรือถูกขนานนามว่าทีม “อันเดอร์ด็อก” ด้วยความเห็นอกเห็นใจ อยากเห็นทีมเหล่านั้นประสบความสำเร็จบ้า
ทีมเบสบอลโรงเรียนมัธยมคานาอาชิ โนเกียว ในจังหวัดอาคิตะ ถือเป็นเรื่องราวตัวอย่างของทีมรองบ่อนทีมหนึ่ง เพราะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันเบสบอลระดับมัธยมปลาย ชิงแชมป์ประจำปีของญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า “โคชิเอ็ง” การแข่งขันรายการนี้ถือเป็นความฝันของเด็กนับหมื่นคนจากโรงเรียนมัธยมกว่า 3 พันแห่งทั่วเกาะญี่ปุ่น ที่ต้องการเข้าร่วมแข่งขัน ที่สำคัญ การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 100 พอดิบพอดี ทีมโรงเรียนคานาอาชิฯ เข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมโรงเรียนโอซาก้า โทอิน อดีตแชมป์ 4 สมัย เป็นสถาบันการศึกษาที่ปั้นนักเบสบอลให้เป็นนักเบสบอลอาชีพได้หลายคนเรียกได้ว่า ทีมมัธยมคานาอาชิฯ เป็นรองหลายขุม ทั้งคุณภาพของนักกีฬา ทุนทรัพย์ และการเตรียมทีม แต่เมื่อแฟนชาวญี่ปุ่น รับทราบว่า พื้นเพนักเบสบอลของทีมคานาอาชิฯ มาจากครอบครัวเกษตรกรที่ต้องการสานฝันตนเอง รวมทั้งโรงเรียนไม่ได้มุ่งเน้น ในด้านกีฬา แต่ส่งเสริมการเรียนเกษตรทันสมัยเพื่อนำไปเลี้ยงชีพในอนาคต พร้อมทั้งมีกฎน่ารัก ๆ เช่น หากนักเรียนขโมยแอปเปิ้ลและสาลี่ที่โรงเรียนปลูกไว้จะโดนพักการเรียน ในขณะที่งบประมาณประจำทีมไม่เพียงพอเพราะไม่คาดคิดว่าจะเข้าถึงรอบลึก ๆ ได้ ต้องขอรับบริจาคจากผู้คนในเมือง ทำให้แฟนชาวญี่ปุ่นต่างเทใจหันมาเชียร์ทีมคานาอาชิฯ ทีมรองจึงกลายเป็นพระเอกโดยไม่รู้ตัวและแม้ว่าผลการแข่งขันทีมโอซาก้า โทอิน จะคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 5 แต่เสียงชื่นชมจากแฟนชาวญี่ปุ่นยังคงไม่จบสิ้น กลายเป็นทีมขวัญใจที่อยู่ในใจของชาวญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้ [1]
ไม่เพียงแค่ในแวดวงกีฬาแต่ในแวดวงอื่น ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง ธุรกิจ หรือสถานศึกษา ผู้เสียเปรียบหรือตกอยู่ในภาวะรองบ่อนมักจะมีผู้เทใจให้เสมอ เช่น ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 1980 เมื่อผลการหยั่งเสียงพบว่า ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์มีคะแนนนำ โรนัลด์ เรแกน ผู้ท้าชิง ปรากฏว่า ผ่านไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ คะแนนเสียงกลับสวิงมาทางโรนัดล์ เรแกน จนได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 40 ซึ่งผู้ลงคะแนนส่วนหนึ่งยอมรับว่า เหตุผลที่ลงคะแนนให้กับประธานาธิบดีเรแกน เพราะความสงสารเห็นอกเห็นใจ และต้องการให้ผู้ที่ตกเป็นรองได้รับชัยชนะ2 [2]
เหตุใดเราจะมักเลือกที่จะเชียร์ทีมรองบ่อนหรือผู้ที่อยู่ในภาวะเสียเปรียบหรือด้อยในสังคม ศาสตราจารย์อาซิม ชาห์ (Asim Shah) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ อธิบายว่า มนุษย์มักเลือกเชียร์ทีมรองบ่อนเพราะสามารถนำชีวิตตนเองไปเปรียบเทียบ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต [3]
เหตุผลที่สอง ที่คนชอบเชียร์ทีมรองบ่อนคงเป็นเพราะ “ความสะใจ” ที่เรามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เป็นอารมณ์ที่ทางจิตวิทยาเรียกว่า “ชาเดนฟรอยด์” (schadenfreude) มาจากภาษาเยอรมัน 2 คำรวมกัน ประกอบด้วย schaden (ความเสียหาย) และ Freude (ความสุข) หมายถึง “รู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นผิดพลาด ล้มเหลว และรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีกว่า” ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ดาราหรือผู้มีชื่อเสียงต่าง ๆ ถูกนิตยสารนำเรื่องมาซุบซิบ นายแพทย์สมิธและเคธี โบรชัวร์ (Dr. Smith and Katie Boucher) ได้วิเคราะห์ข่าวในนิตยสาร National Enquirer เป็นเวลา 10 สัปดาห์ พบว่า “ยิ่งดารามีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ บทความต่าง ๆ ก็ยิ่งจะได้รับความสนใจเรื่องโชคร้ายของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น” ถือเป็นช่วงอารมณ์ Schadenfreude ที่เราจะยิ่งพึงพอใจมากขึ้น เมื่อเห็นคนมีชื่อเสียงเหล่านั้นกำลังทำลายภาพลักษณ์ตัวเอง [4]
เหตุผลสุดท้าย มาจากผลวิจัยของนาดาฟ โกลด์ชิมิด (Nadav Goldschmied) แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโก และโจเซฟ แวนเดลโล่ (Joseph Vandello) แห่งมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา ที่ค้นพบว่า คนส่วนใหญ่มักจะมีความสุขเมื่อได้เห็นความสำเร็จจากเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน และในทางกลับกันมนุษย์จะเจ็บปวดเป็นทวีคูณเมื่อผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวังไว้ จึงทำให้เราเชียร์ทีมที่เป็นรองโดยไม่รู้ตัว เพราะหากทีมที่เป็นรองชนะ เราจะเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่หากพวกเขาพ่ายแพ้ เราก็แทบจะไม่รู้สึกผิดหวัง และยอมรับได้เพราะเป็นเรื่องที่คาดเดาไว้แล้ว เรียกว่า เลือกเชียร์ทีมรองบ่อนไม่มีอะไรจะสูญเสีย
อย่างไรก็ดี การเชียร์ทีมรองบ่อนย่อมมีขอบเขตจำกัด สก็อต อลิสซัน (Scott Allison) แห่งมหาวิทยาลัยริชมอนด์ สรุปไว้ว่า ในชีวิตจริงหากการเชียร์ทีมรองบ่อนกระทบกับตัวเราโดยตรง การสนับสนุนย่อมจะลดน้อยลง เช่นในเหตุการณ์การประมูลทดสอบน้ำเสียของเมืองบอยซีในมลรัฐไอดาโฮ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในตอนแรก ชาวเมืองเทใจให้กับบริษัทจัดตั้งใหม่ได้สัมปทานแทนบริษัทเดิมที่ก่อตั้งมายาวนานหลายสิบปี เพราะเห็นว่าบริษัทใหม่แห่งนั้นมีผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น แม้ว่าเงินทุนและประสบการณ์จะสู้ไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อค้นพบว่าการทดสอบน้ำเสียจะครอบคลุมการค้นหาสารเคมีที่อาจะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง จำเป็นต้องเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญทำให้ชาวเมืองบอยซีเปลี่ยนใจหันกลับมาสนับสนุนให้บริษัทเดิมชนะการประมูล[2]
การหันมาเชียร์ทีมรองบ่อนสามารถเกิดได้จากทั้ง 3 เหตุผลข้างต้น แต่สำหรับผมแล้ว การเชียร์ทีมรองบ่อนช่วยให้เราได้เรียนรู้ว่าเราเริ่มต้นด้วยต้นทุนที่ไม่เท่ากัน แต่หากเรามุมานะ สู้ไม่ถอย ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคข้างหน้า เราจะก้าวเดินไปถึงจุดเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้และแม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้รับอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เราสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า “ได้ทำเต็มที่แล้ว และจะสู้ต่อไปโดยไม่ท้อแท้”
แหล่งที่มา:
[1] Mainstand.co.th. 2022. สะใจ หรือ เห็นใจ ? : ทำไมแฟนกีฬามักชอบเชียร์ทีมรองบ่อน | Main Stand. [online] Available at: <https://www.mainstand.co.th/214> [Accessed 20 February 2022].
[2] Vox. 2022. The science of why we love to root for underdogs. [online] Available at: <https://www.vox.com/2015/3/20/8260445/underdogs-psychology> [Accessed 20 February 2022].
[3] Baylor College of Medicine. 2022. Why do we root for the underdog?. [online] Available at: <https://www.bcm.edu/news/why-we-root-for-underdog> [Accessed 20 February 2022].
[4] Mission To The Moon Media. 2022. “Schadenfreude”, ผิดไหมที่มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์? - Mission To The Moon Media. [online] Available at: <https://missiontothemoon.co/psychology-schadenfreude/> [Accessed 20 February 2022].