"...หากไม่นับผลงานของ ‘หม่อมน้อย’ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ที่จัดเจนในเรื่องฝีไม้ลายมือ ความละเมียดในชิ้นงานแล้ว ก็ยากนักที่จะเห็นใครหรือผู้ใดสร้างสรรค์ผลงานได้อิ่มเอมประทับจิต..."
หากไม่นับผลงานของ ‘หม่อมน้อย’ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ที่จัดเจนในเรื่องฝีไม้ลายมือ ความละเมียดในชิ้นงานแล้ว ก็ยากนักที่จะเห็นใครหรือผู้ใดสร้างสรรค์ผลงานได้อิ่มเอมประทับจิต
จนกระทั่งมีโอกาสได้รับชมละครรักอิงประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปีของไทยพีบีเอส ‘จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี’ ซึ่งมีเค้าโครงเรื่องและกำกับการแสดงโดย ‘แน็ต’ ชาติชาย เกษนัส ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทำให้พานึกโล่งใจได้ว่า วงการบันเทิงไทยยังมีคนเก่งฝีมือดีอยู่อีกหนึ่ง และไม่แปลกใจเลยว่า เหตุไฉน ลีลาการถ่ายทอดเรื่องราวของละครเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นมุมภาพ แสง หรือองค์ประกอบอื่น ๆ จึงคล้ายหรือเหมือนกับการถ่ายทำภาพยนตร์
ด้วยเพราะ ‘แน็ต’ -ชาติชาย นั้น เป็นคนที่อยู่ในวงการแผ่นฟิล์มมานาน ประวัติโชกโชน เช่น มีส่วนร่วมในการลำดับภาพ ในภาพยนตร์เรื่อง Final Score: 365 วันตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์” เป็นผู้กำกับ ‘ตายโหง’ ตอน ซานติฆ่า และได้สร้างภาพยนตร์สยองขวัญภาษาพม่า “The Only Mom: มาร-ดา” ดังนั้น เรื่ององค์ประกอบ รายละเอียดการถ่ายทำ จึงอยู่ในระดับขั้นพรีเมียม
แม้จุดเด่นในเรื่องมุมภาพ แสง และสี จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการละครไทย แต่จุดเด่นนี้ช่วยเติมเต็มความรู้สึกอิ่มเอมให้ผู้รับชมได้ไม่มากก็น้อย
นี่ยังไม่นับรวมประวัติศาสตร์ที่ผู้สร้างสรรค์ค่อย ๆ แทรกอยู่ในบททุกตัวอักษร ไม่ถึงกับยัดเยียด แต่รับชมแล้ว กำลังอร่อย อิ่มท้อง ไม่จุกแน่นจนเกินไป ชวนให้ผู้รับชมต้องพลิกตำราประวัติศาสตร์ย้อนไปสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และตำนานอิเหนาที่เป็นสัญญะของเรื่องนี้
มีเจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎ สองเจ้าหญิงที่ถูกกวาดต้อนไปจากอโยธยาศรีรามเทพนคร เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โดยเจ้าฟ้ากุณฑลทรงพระนิพนธ์อิเหนาใหญ่ ส่วนเจ้าฟ้ามงกุฎทรงพระนิพนธ์อิเหนาเล็ก เชื่อกันว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการฟังนิทานปรัมปราจากยายยะโว นางพระกำนัล
เมื่อถูกกวาดต้อนไปยังพม่า ทั้งสองพระองค์ก็ได้เผยแพร่นาฏศิลป์ในราชสำนักไทยให้แก่ราชสำนักพม่า เรียกว่า เป็นรากของนาฏศิลป์ประเทศเพื่อนบ้านเลยทีเดียว
จึงกล่าวได้ว่า สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นยุคทองศิลปวิทยาการ มีวรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรมที่งอกงาม หยาดย้อย รุ่งเรืองตลอดรัชสมัย กำลังสำคัญจากพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ รวมถึงพระราชโอรส อย่างเจ้าฟ้ากุ้งที่เก่งกาพย์กลอนโคลงฉันท์
ความเด่นจึงอยู่ที่ประวัติศาสตร์ที่ค่อย ๆ ถูกเรียงร้อยลงจอแก้ว ได้ตรึงผู้ชมเอาไว้ทุกบททุกตอน จะมีขัดใจบ้างก็ตรงที่พล็อตเรื่องหรือเค้าโครงเรื่องอาจจะละม้ายคล้ายคลึงละครไทยหรือรายการดัง ๆ หลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ของพระเอกและนางเอก
บุคลิกความเป็นเชฟสุดโหดของปกรณ์ที่ถ่ายทอดออกมา สีหน้า ท่าทาง คำพูด เฉียบขาด ถ่ายทอดบทบาทได้สมจริง แต่ความสมจริงที่ว่านี้ ดันไปคล้ายหรือเหมือนกับรายการเชฟชื่อดังทางช่องมากสี ที่มีเอกลักษณ์หรือกิมมิคในเรื่อง การพูดตรง ถามตรง ดุดัน
คล้ายจนเหมือน...นี่ยังไม่นับรวมการข้ามยุคข้ามสมัยของนางเอก ฟื้นขึ้นมาด้วยท่าทางตกใจ ดันไปคล้ายกับละครไทยจากบทประพันธ์ชิ้นเยี่ยม ‘ออเจ้า’ และดูเหมือนว่า เรื่องจะดำเนินไปด้วยลักษณะความคล้ายเช่นนี้ไปตลอด
มีการกล่าวไว้ในวงการเขียนนวนิยายว่า นักเขียนที่ดี พล็อตเรื่องต้องดี แน่น และแตกต่าง มีบ้างที่อาจคล้ายคลึง แต่สุดท้ายก็จะมีจุดต่างให้เห็น
นักเขียนดัง ๆ หลายคน ใช่ว่าจะไม่ถูกครหาเรื่องลอกเลียนเค้าโครงเรื่อง แล้วนำมาดัดแปลง แต่สุดท้าย นักเขียนผู้นั้นก็ให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แท้จริงแล้ว เรื่องราวที่บอกเล่าผ่านอักษรได้กลั่นกรองผ่านความรู้สึกออกมา โดยตนเองด้วยสุจริต
ทว่า สุดท้ายผู้ชมจะเป็นคนตัดสินว่า ผลงานที่สื่อสารออกสู่สาธารณะนั้น ‘ดีหรือร้าย’ มากน้อยเพียงใด
เฉกเช่น ‘จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี’ ละครรักอิงประวัติศาสตร์ที่ยกนิ้วให้ในความพยายามที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ดีงามของสองประเทศ ซึ่งในเวลานี้ได้รับเสียงตอบรับ ‘ชมมากกว่าติ’
จะมีเสียดายเพียงอย่างเดียวก็เรื่อง ‘พล็อต’ ที่ไม่ ‘ขาด’ ไปจากเรื่องเดิม ๆ ที่คนอื่นทำไว้
มิฉะนั้นแล้ว ละครเรื่องนี้คงโด่งดังมากกว่าปัจจุบันทีเดียว เพราะที่ผ่านมาในอดีตพิสูจน์แล้วว่า ละครดัง ๆ หลายเรื่อง ล้วนแล้วแต่มีพล็อตที่แตกต่าง
ต้องต่างแบบจริง ๆ!
เขียนโดย พราวกระซิบ