"...การฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน ให้กับผู้อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตเป็นหาทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่เราสามารถดำเนินการ เราต้องมุ่งเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้อัตรา 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการกำหนดเกณฑ์การฉีดวัคซีนอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์นั้น อาจจะเป็นอัตราส่วนที่ไม่พอเพียงในการบรรลุภูมิคุ้มกันหมู่..."
...............................
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : สืบเนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัส ในประเทศไทย นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจหลักในด้านการลงทุนการประกอบกิจการโรงแรม ภัตตาคาร อาหารและเครื่องดื่ม การจัดจำหน่ายและผลิตสินค้า โดยประกอบกิจการส่วนใหญ่ในประเทศไทย ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงความจำเป็นและหนทางรับรองความสำเร็จภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
มีรายละเอียดดังนี้
สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสนั้นแสดงให้เห็นว่าฐานะความมั่งคั่งของประเทศไทยนั้นมีความจำเป็นต้องพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง ซึ่งผลจากการระบาดนั้นได้ส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งมีลูกจ้างอยู่ในภาคส่วนนี้เป็นจำนวนนับล้านคน และยังส่งผลต่อต้นน้ำของภาคอุตสาหกรรมการบริการด้วยเช่นกัน
โดยผลกระทบดังกล่าวทำให้ตัวผมมีความเห็นว่าประเทศไทยมีความจำเป็นจะต้องเปิดประเทศอย่างรวดเร็วและปลอดภัยและเร็วที่สุดเช่นเดียวกับหลายประเทศในทวีปยุโรปและตะวันออกกลาง ดังนั้น เรามีความจำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับภาวะไวรัสโควิด-19 นี้
ในขณะนี้เรากำลังเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา ดังนั้น จึงไม่มีอะไรสำคัญยิ่งไปกว่าการสร้างความมั่นใจบนความสำเร็จของการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่จะเป็นขั้นตอนแรกสำหรับการวางรากฐานสำหรับการเปิดภาคส่วนการท่องเที่ยวสำหรับพื้นที่ที่เหลือของประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้นโครงการนี้ก็เป็นโครงการที่โลกกำลังจับตา และแน่นอนว่าความล้มเหลวของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็จะกลายเป็นรอยด่างของภาพลักษณ์ประเทศไทยที่มีต่อประชาคมโลก
ดังนั้น เราต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จะปกป้องโครงการนี้และรับประกันความสำเร็จของโครงการเอาไว้
นี่จึงกลายเป็นภาระอันหนักหน่วงต่อรัฐบาล ที่จะต้องมีแรงผลักดันมาจากบนสุดถ่ายทอดไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องในรูปแบบการประสานงานและร่วมมือกันระดมความคิดในทุกระดับนับตั้งแต่สำนักนายกรัฐมนตรี,ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศบค.),กระทรวงสาธารณสุข,และกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องดำเนินการจนบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ เพราะถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว จุดเริ่มต้นสำคัญเหล่านี้ก็จะล้มเหลวเพราะการขาดความเป็นผู้นำและความเป็นเจ้าของร่วมกัน
@การให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนในภูเก็ต : การฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน ให้กับผู้อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตเป็นหาทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่เราสามารถดำเนินการ เราต้องมุ่งเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้อัตรา 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการกำหนดเกณฑ์การฉีดวัคซีนอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์นั้น อาจจะเป็นอัตราส่วนที่ไม่พอเพียงในการบรรลุภูมิคุ้มกันหมู่
ถ้าหากไม่มีการฉีดวัคซีนในอัตราที่สูง ชนกลุ่มน้อยของประชากรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ก็จะกลายเป็นกลุ่มเปราะบางต่อการติดเชื้อ และกรณีการติดเชื้อโควิดก็จะเกิดขึ้นต่อไป และจะส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของ จ.ภูเก็ตได้รับความเสียหายตามไปด้วย
ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อโน้มน้าวหรือจูงใจผู้ที่อยู่อาศัยใน จ.ภูเก็ตให้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผู้อยู่อาศัยใน จ.ภูเก็จนั้น ควรมีการจัดลำดับสำคัญให้ได้รับการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ก็ควรจะต้องมีการจัดหามาให้พร้อมเพื่อที่จะรับมือกับภูมิคุ้มกันที่มีการเสื่อมถอยลง ซึ่งเรื่องนี้นั้นจะต้องมีการประกาศวันที่ให้ชัดเจนว่าจะมีการฉีดวัคซีน 2 โดสและ 3 โดสนั้นจะบรรลุผลเมื่อไร
@การจัดหาบริการตรวจโควิดฟรีและการตรวจ ติดตามเชิงรุก : การรับรู้สถานการณ์ถือว่าเป็นอำนาจเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด ประชาชนผู้อยู่อาศัยใน จ.ภูเก็ตจะต้องมีสิทธิ์ในการเข้าถึงการตรวจโควิดอย่างง่าย ซึ่งกระทำโดยบุคคลที่มีความเป็นมืออาชีพ ราคาชุดตรวจโควิดแบบแอนติเจนนั้นควรจะมีการทำให้ถูกลงทั้งใน จ.ภูเก็ตในประเทศไทย ซึ่งจะสอดคล้องกับในต่างประเทศ หรือว่าราคาควรจะฟรีไปเลย และผู้ที่อาศัยใน จ.ภูเก็ตที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสสูงก็ควรที่จะได้รับการติดต่อและแจ้งยืนยันข้อมูลทันที เพื่อที่กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวนั้นจะได้เข้ารับการตรวจและปฏิบัติตามาตรการเพื่อที่ป้องกันการแพร่เชื้อต่อไป
@ตัดข้อกำหนดของใบรับรองการเข้าออกประเทศ : ทางการไม่ควรจะไปกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่าเป็นมาตรฐานการท่องเที่ยวอันสะดวกสบายที่จะเกิดขึ้นเมื่อการท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกเปิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นี่หมายความว่าต้องทำลายข้อจำกัดเรื่องข้อกำหนดเรื่องการเข้าประเทศลง
โดยข้อกำหนดใด ๆ ก็ตามที่อยู่นอกเหนือจากนโยบายการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และนโยบายการออกวีซ่าในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดนั้น ควรจะเป็นสิ่งจูงใจที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าที่จะใช้ใบรับรองการเดินทางเพื่อยืนยันว่านักท่องเที่ยวคนนั้นสามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการออกใบรับรองการเข้าออกประเทศที่มี ณ เวลานี้ ถือเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมากพอสมควร แม้แต่กับคนไทยด้วยกันเอง และการมีมาตรการเรื่องการออกใบรับรองนั้นก็อาจจะทำให้ภูเก็ตต้องพ่ายแพ้ต่อการแข่งขันการเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวได้ เมื่อเทียบกับสถานที่ที่น่าสนใจอื่นๆในทวีปยุโรป ในหมู่เกาะแถบแคริบเบียน ในตะวันออกกลาง และในแถบหมู่เกาะมัลดิล์ฟ ซึ่งประเทศเหล่านี้นั้นได้ออกนโยบายทำให้การขอวีซ่าและการเดินทางกลับเข้าประเทศไม่ยุ่งยาก
โดยเฉพาะอย่างที่ประเทศอิตาลีและประเทศกรีซที่ได้ใช้วิธีการเดียวกันก็คือการสร้างเลนพิเศษอย่างรวดเร็วให้กับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งในอนาคตจะมีตลาดการท่องเที่ยวที่กลับมาแข่งขันสูงอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลสำคัญยิ่งที่จะต้องมีการลดกฎเกณฑ์บางประการที่ไม่จำเป็นออกไปเพราะมิฉะนั้นแล้วกฎเกณฑ์เหล่านี้จะกลายมาเป็นภาระเสียเอง
@สร้างแบรนด์ภูเก็ตว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงโควิด-19 : หลังจากที่มีการจัดการและควบคุมสถานการณ์โควิดใน จ.ภูเก็ตได้แล้ว ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างแคมเปญระดับโลก ที่จะระบุว่า จ.ภูเก็ตนั้นเป็นหนึ่งในสถานทีที่ปลอดภัยที่สุดในวันหยุด ตรงนี้ควรจะต้องเป็นหน้าที่ของการท่องเที่ยวไทยที่จะจำเพาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรงว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่นเดียวกับการใช้ช่องทางการทูตของกระทรวงการต่างประเทศ ก็ควรที่จะมีการสื่อสารว่าภูเก็ตนั้นมีความปลอดภัยแตกต่างจากส่วนอื่นของประเทศไทย และโดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่าการได้ต้อนรับบุคลากรทางการทูตที่มาจากต่างประเทศให้มายังเกาะภูเก็ตนั้นก็จะกลายเป็นไฮไลท์สำคัญว่าภูเก็ตนั้นปลอดภัยจริงตามที่โฆษณาไว้
สุดท้ายนี้ตัวผมก็ขอรับการสนับสนุนใด ๆ ก็ตามจากทางรัฐบาลไทยที่จะมีให้สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราต้องการแผนเพื่อที่จะผ่อนปรนภาระทางด้านภาษีอย่างน้อยล่วงหน้า 10 ปี, การให้สินเชื่อยกเว้น, การลดภาษีมูลค่ามูลค่าเพิ่มสำหรับโรงแรม ร้านอาหาร, การขยายเวลาทำหรับการลดภาษีอสังหาริมทรัพย์ต่อไป ซึ่งการที่รัฐบาลได้ออกนโยบายสนับสนุนเหล่านี้นั้นจะถือว่าเป็นการเดินไปสู่เป้าหมายอันตรงจุดสำหรับภาคการบริการ เพราะ ณ เวลานี้นั้นประเทศอื่น ๆ เองก็ได้มีการให้ความสำคัญกับภาคบริการเช่นกัน และได้มีการทุ่มเงินไปเป็นจำนวนนับร้อยล้านดอลลาร์ หรือร้อยล้านยูโร
ดังนั้นนี่จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมบริการ และมีความจำเป็นที่จะต้องคงความสำเร็จของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เอาไว้ควบคู่ไปกับการเปิดแซนด์บ็อกซ์ในจุดท่องเที่ยวที่อื่น ๆ ต่อไป
โดยตัวผมเองก็หวังว่าจะได้ทำงานกับทางรัฐบาลไทยต่อไป เพื่อจะสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้เป็นผู้นำในภาคการท่องเที่ยวในระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage