
"...ไลฟ์สดการฆ่าตัวตายทางสื่อสังคมอื่นๆ เป็นอีกช่องทางที่ผู้คิดฆ่าตัวตายใช้ สื่อก็นำภาพดังกล่าวมาใช้ในการรายงานข่าว หลายครั้งนำเสนอโดยไม่มีการเบลอภาพที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ใช้และยี่ห้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่น กรณีกินยาหรือสารพิษต่างๆ..."
(คำเตือน รายงานนี้มีเนื้อหาที่อาจทำให้สะเทือนใจ)
ในวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกซึ่งตรงกับวันที่ 10 กันยายนปีนี้ ถือเป็นจังหวะเหมาะที่สื่อไทยน่าจะย้อนกลับไปทบทวนการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายที่ผ่านๆ มา ว่าสื่อได้มีส่วนช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายมากน้อยแค่ไหน หรือในทางกลับกัน การนำเสนอข่าวกลายเป็นดาบสองคมที่กระตุ้นให้คนหันไปปลิดชีวิตตนเองมากขึ้นหรือไม่อย่างไร
งานวิจัยหลายฉบับให้ข้อสรุปตรงกันว่าการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายของสื่อมีความสัมพันธ์กับการฆ่าตัวตายของคนในสังคม กลุ่มคนที่รับสารที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่มผู้ที่เปราะบางและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายของคนดังๆ ในสังคม ที่เรียกกันว่าเซเลบริตี้ งานวิจัยส่วนใหญ่มุ่งศึกษาการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายของดารา หรือที่มีศัพท์เฉพาะในภาษาอังกฤษว่า celebrity suicide การศึกษาส่วนใหญ่พบว่ามีการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในสังคม หลังการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายของดารา และเป็นการฆ่าตัวตายด้วยวิธีเดียวกับดาราคนนั้น สรุปคือเลียนแบบวิธีการฆ่าตัวตายของดารา หรือ copycat suicide
ผู้อ่านที่ตามข่าวต่างประเทศ น่าจะเคยได้ยินข่าวการฆ่าตัวตายของสุชานต์ สิงห์ ราชบุตร นักแสดงบอลลีวูดชื่อดังเมื่อปีที่แล้ว สื่ออินเดียรายงานว่ามีเยาวชนอย่างน้อย 4 ราย ฆ่าตัวตายตามโดยใช้วิธีเดียวกับนักแสดงชื่อดัง
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือในยุคที่สื่อโซเชียลมีเดียครองตลาด ความเป็นเซเลบริตี้ไม่ได้จำกัดวงอยู่ในแวดวงดาราเท่านั้น แต่ขยายไปครอบคลุมหลากหลายวงการมาก คนในโลกสื่อสังคมสามารถสร้างตัวเองให้เป็นเซเลบริตี้ได้ กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ มีแฟนคลับมากมายโดยไม่จำเป็นต้องเข้าวงการมายาก็ได้ ดังนั้นความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการเลียนแบบย่อมสูงตามไปด้วย
ส่วนการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายของคนทั่วไปนั้น งานวิจัยไม่พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการฆ่าตัวตายของคนในสังคม แต่ก็ตั้งธงจากมุมมองของการป้องกันการฆ่าตัวตายไว้ว่า เรื่องนี้ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด และสื่อควรระมัดระวังในการนำเสนอข่าว ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายของดารา คนมีชื่อเสียงในวงการต่างๆ หรือคนทั่วไป ความเสี่ยงที่จะเป็นตัวอย่างและก่อให้เกิดการลอกเลียนแบบมีได้เสมอ เนื้อหาสามารถไปกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ร่วม รู้สึกเป็นเสมือนหรือเชื่อมโยงกับผู้ตายทางใดทางหนึ่งได้ นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้เน้นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่สื่อมวลชนควรจะต้องยึดตามแนวปฏิบัติในการรายงานข่าวการฆ่าตัวตาย ซึ่งเรื่องนี้สื่อมวลชนในโลกตะวันตกมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแนวปฏิบัติที่ออกโดยองค์การอนามัยโลก หรือหน่วยงานที่ทำงานรณรงค์ด้านสุขภาพจิตและป้องกันการฆ่าตัวตาย
น่าเสียดายที่แนวปฏิบัติดังกล่าวนี้ถูกละเลยในสื่อไทย เพราะการนำเสนอของสื่อไทยส่วนใหญ่แทบจะตรงข้ามกับแนวปฏิบัติของหน่วยงานระหว่างประเทศเกือบทุกข้อ นอกจากนั้นแนวปฏิบัติดังกล่าวนี้ก็ไม่มีอยู่ในคู่มือการรายงานข่าวของสื่อ แม้แต่ใน “คู่มือจริยธรรมและการกำกับดูแลกันเองในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์” ก็ไม่มี มีเพียงไทยพีบีเอสเท่านั้นที่มีแนวปฏิบัติการรายงานข่าวเรื่องนี้ไว้ใน “คู่มือผลิตข่าว”
แนวปฏิบัติการรายงานข่าวฆ่าตัวตาย
ประเด็นไหนควรหรือไม่ควรนำเสนอในการรายงานข่าวการฆ่าตัวตายและข่าวการพยายามฆ่าตัวตายสามารถสรุปสั้นๆ ดังนี้ เป็นเนื้อหาที่รวบรวมจากองค์การอนามัยโลกและหน่วยงานที่รณรงค์ป้องกันการฆ่าตัวตาย (มีลิงก์ให้ในตอนท้าย)
• เลี่ยงใช้ภาษาพาดหัวข่าวที่หวือหวา สร้างสีสัน และการรายงานที่ก่อให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ หรือเป็นเรื่องโรแมนติก หรือภาษาที่ทำให้รู้สึกได้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องปกติธรรมดา หรือนำเสนอว่าการฆ่าตัวตายเป็นทางออกของปัญหา
• เลี่ยงรายงานวิธีฆ่าตัวตายและการให้รายละเอียดของวิธีการ ไม่ควรพาดหัวข่าวว่า ผูกคอตาย ยิงตัวตาย รมควันตาย ฯลฯ หรือพาดว่าฆ่าตัวตายพิสดาร รวมทั้งไม่ควรใช้คำว่า ฆ่าตัวตายสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ ไม่ควรระบุถึงความสูงของสถานที่ ไม่ควรบอกว่าสถานที่นั้นเป็นหน้าผา สะพาน หรือแม่น้ำ ฯลฯ
• ไม่ควรนำเสนอภาพศพ ภาพเครื่องมือที่ใช้ปลิดชีพและสถานที่เกิดเหตุ เลี่ยงการระบุถึงสถานที่นั้นๆ ว่าเป็นที่นิยมในการปลิดชีพ
• เลี่ยงบอกถึงเหตุจูงใจของการฆ่าตัวตาย โดยโยงว่ามีเหตุเดียว เช่น ผูกคอตายหนีหนี้ รมควันดับเพราะรักล่ม ทั้งนี้เพราะการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนคนหนึ่งปลิดชีพตนเอง
• เลี่ยงการนำเสนอแบบถี่ๆ นำเสนอภาพซ้ำๆ และให้เวลามากกับข่าวฆ่าตัวตาย
• การฆ่าตัวตายของดารา หรือคนมีชื่อเสียง ต้องนำเสนออย่างระมัดระวังยิ่ง
• เคารพและตระหนักถึงความโศกเศร้าของครอบครัวผู้เสียชีวิต
• หากนำเสนอผ่านสื่อสังคม ไม่ควรเปิดให้มีการคอมเมนต์
• ให้ข้อมูลหน่วยงานที่สามารถติดต่อได้ หากผู้อ่านหรือผู้ชมต้องการความช่วยเหลือ เช่น ให้เบอร์ติดต่อสายด่วนคลายทุกข์
การรายงานของสื่อไทย
มาลองดูตัวอย่างที่สื่อไทยนำเสนอในพาดหัว โดยผู้เขียนรวบรวมจากเนื้อหาที่ปรากฏในยูทูบของช่องข่าวกระแสหลักและช่องข่าวท้องถิ่น ตัวอย่างส่วนใหญ่มาจากช่องกระแสหลัก จะเห็นได้ว่าช่องข่าวกระแสหลักพาดหัวข่าวได้หวือหวากว่าช่องข่าวท้องถิ่นมาก ส่วนวิธีการฆ่าตัวตายหรือเหตุจูงใจมักอยู่ใน
พาดหัวของเกือบทุกช่อง:
• ฆ่าตัวตายพิสดาร เสียบไฟช็อตพร้อมผูกคอ
• นาย ก. ยิงสาวซดเบียร์ย้อมใจ ฆ่าตัวตายคาวัด ตะลึงฝูงอีกาทึ้งแขนศพ
• สยอง! แขวนคอตายหน้าห้อง คนในหอเผ่นหนี แต่เมียเมิน ฆ่าตัวเองถือว่าหมดกรรม
• เปิดนาทีสาวฆ่าตัวตายราดน้ำมันเผาเสื้อลามไหม้ร่างร้องโหยหวน ข้างห้องสยองย้ายหนี
• สองตายายกอดกันผูกคอตายพิษโควิดทำหมดตัว เขียนเลขฝากเป็นมรดกให้ญาติ
• แม่ล้มทั้งยืนกู้ศพลูกใส่ครุยฆ่าตัวตาย
• หมดหนทางทำกิน พระเอกลิเกผูกคอตาย
• ฆ่าตัวตายหนีหนี้ หนีขี้ปากคน และอื่นๆ
ส่วนในเนื้อหา จะเห็นได้ว่าสื่อไทยลงรายละเอียดมาก บอกทั้งชื่อผู้เสียชีวิต ไม่ได้ใช้นามสมมุติด้วย รายงานสถานที่ ชั้นที่เท่าไร เข้าไปบันทึกภาพในห้อง ในบ้านผู้เสียชีวิต บรรยายถึงลักษณะศพที่ไปเจอในตอนแรก สภาพแวดล้อม ณ จุดเกิดเหตุ อุปกรณ์ที่ใช้ รายละเอียดในจดหมายลาตาย นำเสนอทั้งภาพและทั้งอ่านโดยผู้ประกาศ โดยเฉพาะภาพผู้เสียชีวิตหรือภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นถึงจังหวะการฆ่าตัวตายนั้น ยังคงมีหลายเจ้าที่นำเสนอ สื่อท้องถิ่นหลายเจ้ายังคงเสนอภาพศพโดยไม่มีการเบลอ หรือเบลอเพียงรางๆ แต่ไม่ว่าจะเบลอหรือไม่ จะมีผ้าคลุมหรือไม่ สื่อก็ไม่ควรนำเสนออยู่แล้ว
บางสำนักแข่งกันนำเสนอฝีมือคอมพิวเตอร์กราฟิกของสถานี ที่เห็นอยู่เป็นของช่องกระแสหลักสองช่องใหญ่ ในกราฟิกแสดงให้เห็นถึงวิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการฆ่าตัวตาย รายงานราวกับว่าสื่อรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น การนำเสนอเช่นนี้เท่ากับชี้ช่องให้เลียนแบบวิธีการฆ่าตัวตาย เป็นการนำเสนอข่าวที่เป็นอันตรายต่อผู้ชม
ไลฟ์สดการฆ่าตัวตายทางสื่อสังคมอื่นๆ เป็นอีกช่องทางที่ผู้คิดฆ่าตัวตายใช้ สื่อก็นำภาพดังกล่าวมาใช้ในการรายงานข่าว หลายครั้งนำเสนอโดยไม่มีการเบลอภาพที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ใช้และยี่ห้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่น กรณีกินยาหรือสารพิษต่างๆ
การนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายในสื่อตะวันตกต่างจากสื่อไทยโดยสิ้นเชิง มีแค่รายงานว่านายเอ หรือนางบีฆ่าตัวตายเท่านั้น ไม่มีรายงานถึงวิธี ไม่ลงรายละเอียด ไม่มีภาพศพ หรือแม้แต่ศพที่มีผ้าคลุมมิดชิดก็แทบจะไม่ปรากฏให้เห็น ไม่เข้าไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ตายและญาติ
แนวปฏิบัติไม่ได้ห้ามการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย แต่แนะนำให้นำเสนออย่างระมัดระวัง ถ้าไม่เช่นนั้นสื่อจะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่อาจทำให้มีการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น สื่อควรถามตัวเองว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้นมีความจำเป็นแค่ไหน หากสื่อไม่มีแนวปฏิบัติในการนำเสนอ คำถามที่สื่อน่าจะหาคำตอบได้ง่ายที่สุดคือ สื่อจะนำเสนออย่างไร หากคนที่ปลิดชีพนั้นเป็นคนรัก เป็นคนในครอบครัว เป็นญาติพี่น้องของสื่อ หรือแม้แต่เป็นตัวของสื่อเอง สื่ออยากให้มีภาพศพของตัวเองหรือคนรักที่จากโลกนี้ไปแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร ปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์ อยู่ในยูทูบ ว่อนตามเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์หรือสื่อสังคมอื่นๆ หรือไม่
ผู้เขียนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสะมาริตันส์ แต่หากเนื้อหาในบทความทำให้รู้สึกไม่สบายใจหรือสะเทือนใจ สามารถติดต่อ สายด่วนคลายทุกข์ ทุกวัน ตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 22.00 น. ที่ 02-713-6793 (ภาษาไทย) หรือ 02-713-6791 (English)
อ้างอิง:
https://www.bmj.com/content/368/bmj.m575
https://www.bmj.com/company/newsroom/media-reports-of-celebrity-suicide-linked-to-increased-suicide-rates/
https://www.who.int/mental_health/prevention/suicide/resource_media.pdf
https://www.samaritans.org/about-samaritans/media-guidelines/media-guidelines-reporting-suicide/
https://www.ipso.co.uk/member-publishers/guidance-for-journalists-and-editors/guidance-on-reporting-suicide/
https://www.indiatimes.com/entertainment/celebs/upset-over-actor-sushant-singh-rajputs-demise-four-minor-children-have-died-by-suicide-515972.html

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา