"...การระบุชื่อต้นไม้ที่จะตัดโค่นผิด เป็นต้นไม้แซะ เกิดจากการขาดประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เข้าไปสำรวจข้อมูลเบื้องต้น ที่ไม่ได้จบการศึกษาด้านวนศาสตร์มาโดยตรง แต่ผ่านการอบรมเรื่องการดูพันธุ์ไม้มาแค่เดือนเดียวเท่านั้น ประกอบกับพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นจุดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า โค้งบ้านต้นแซะ ขณะที่ต้นไม้ที่เข้าไปสำรวจก็มีขนาดใหญ่คล้ายต้นแซะ ที่มีลักษณะสูงใหญ่ ไม่ใช่ไม้พุ่ม ตามข้อมูลที่ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานยืนยัน..."
ขณะนี้มีความชัดเจนเกือบ 100% แล้วว่า ผลการสอบสวนกรณีปรากฎข้อมูลว่า หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท้ายเหมือง จ.พังงา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ระบุชนิดต้นไม้ ในรายงานขอโค่นล้ม ริมถนนทางหลวงหมายเลข 402 ตอนโคกลอย - หมากปรก อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เป็นต้นไม้แซะ จำนวน 11 ต้น แต่กลับไปตัดโค่นต้นไม้ยางนายักษ์แทน ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่แต่งตั้งโดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ซึ่งกำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา ว่า จะออกมาในลักษณะที่ว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการพฤติการณ์ทุจริต เจตนาทำรายงานเท็จจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับใคร
หากแต่สาเหตุของปัญหาที่แท้จริง เกิดขึ้นจากการขาดประสบการณ์ดูไม้ของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้ระบุชื่อต้นไม้ในรายงานขออนุมัติโค่นผิด จากต้นไม้ยางเป็นต้นแซะเท่านั้นเอง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลเป็นทางการ จากทีมงานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการตัดโค่นไม้ยางยักษ์จำนวน 11 ต้น ที่มีนายเฉลิมเกียรติ สุดสาคร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเฉพาะด้านจัดการ เป็นประธาน ว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ อยู่ระหว่างจัดทำรายงานผลการสอบสวนเพื่อนำเสนอให้อธิบดีกรมป่าไม้รับทราบเป็นทางการ ภายหลังจากสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว
โดยผลการสอบสวนปรากฎว่า การระบุชื่อต้นไม้ที่จะตัดโค่นผิด เป็นต้นไม้แซะ เกิดจากการขาดประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เข้าไปสำรวจข้อมูลเบื้องต้น ที่ไม่ได้จบการศึกษาด้านวนศาสตร์มาโดยตรง แต่ผ่านการอบรมเรื่องการดูพันธุ์ไม้มาแค่เดือนเดียวเท่านั้น
ประกอบกับพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นจุดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า โค้งบ้านต้นแซะ ขณะที่ต้นไม้ที่เข้าไปสำรวจก็มีขนาดใหญ่คล้ายต้นแซะ ที่มีลักษณะสูงใหญ่ ไม่ใช่ไม้พุ่ม ตามข้อมูลที่ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานยืนยัน (ดูรูปภาพประกอบ)
จึงทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าต้นไม้ที่ได้รับแจ้งจากกรมทางหลวงว่า มีปัญหายืนต้นตาย อยู่ติดกับไหล่ทางถนน อาจส่งผลทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาในบริเวณนั้นเป็นไม้แซะ จึงระบุในรายงานสำรวจไม้ ที่เสนอขอตัดโค่นเป็นต้นแซะดังกล่าว
ขณะที่ชนิดต้นไม้ทั้ง 11 ต้น ที่ถูกโค่นไปนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่ต้นยางนา แต่เป็นต้นยางมันหมู สภาพต้นไม้ในจุดเกิดเหตุก่อนตัดโค่น พบว่า ยืนต้นตายไปแล้ว จำนวน 3 ต้น กำลังจะตายในเร็วๆ นี้ อีก 6 ต้น ส่วนอีก 2 ต้นสภาพยังดีอยู่ แต่อยู่ตัดกับไหล่ทางถนนมากเกินไปต้องตัดทิ้งเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับการจากการสอบปากคำชาวบ้านในพื้นที่ ว่า ต้องการให้มีการตัดต้นไม้เหล่านี้ออกไป เพราะกังวลเรื่องปัญหาความปลอดภัยจากการใช้รถใช้ถนนของประชาชน เพราะล่าสุด ก็เพิ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้วย
ดังนั้น จากข้อมูลทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเรื่องนี้ เกิดจากการขาดประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ในการสำรวจไม้ จึงทำให้มีการระบุชื่อชนิดต้นไม้ผิด จำนวนต้นไม้ก็แค่ 11 ต้น ไม่ได้มีจำนวนมาก จึงไม่น่าที่จะมีเจตนาทำทุจริต ทำรายงานเท็จ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับใครจากการตัดต้นไม้ยางทั้ง 11 ต้นดังกล่าวแต่อย่างใด
แหล่งข่าวยังกล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการจัดการไม้ของกลาง 19 ท่อน ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกเหนือจากปลายไม้ที่ตัดออกมาและไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้มากแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า ไม้ทั้ง 19 ท่อน ยังอยู่ในพื้นที่ครบถ้วน ไม่ได้ขนย้ายออกไปที่ไหน ส่วนภาพรถบรรทุกที่ขนไม้ออกไปนอกพื้นที่ที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ภาพไม้ในจุดเกิดเหตุ แต่เป็นภาพจากที่ไหนก็ไม่รู้
“เกี่ยวกับไม้ทั้ง 19 ท่อนดังกล่าว ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ว่า ล่าสุด ตัวแทนของส.ส.พังงา ได้ติดต่อประสานงานมาทาง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) ซึ่งรับหน้าที่ในการประมูลไม้ส่วนนี้ไว้แล้ว ว่าจะขอเข้ามาเป็นผู้ประมูลรับซื้อไม้ส่วนนี้ทั้งหมดไว้เอง เพื่อให้ไม้เหล่านี้ยังอยู่ในพื้นที่เป็นสมบัติท้องถิ่นของจังหวัดพังงาต่อไป ส่วนจะเอาไปทำอะไรต่อนั้น ยังไม่มีการแจ้งข้อมูลเข้ามาให้รับทราบแต่อย่างใด”
ทั้งหมดนี่ คือ ภาพรวมสรุปผลการสอบสวนคดีนี้ ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่จะมีการจัดทำและนำเสนอให้กับอธิบดีกรมป่าไม้รับทราบเป็นทางการอย่างช้าไม่เกินต้นสัปดาห์หน้านี้
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลอีกด้านจาก นายอนันต์ ทอองศรีแก้ว รองประธานชมรม Strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดพังงา ว่า จากการเคลื่อนไหวติดตามต่อต้านการทุจริตในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยรวมมือกับเครือข่ายหลายจังหวัดโดยเฉพาะภูเก็ต
สรุปข้อมูลได้ว่า การที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม้ รายงานขอตัดไม้ต่ออธิบดีกรมป่าไม้ ส่อให้เห็นว่าจะมีปัญหาเรื่องการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าชนิดไม้ที่ป่าไม้รายงานว่า เป็นไม้แซะ ข้อเท็จจริงคือไม้ยาง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าความผิดสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ ในรายงานขออนุญาตตัดไม้ต่ออธิบดีกรมป่าไม้ แขวงการทางภูเก็ต มีการรระบุว่า เป็นไม้ยืนต้นตาย แต่ความจริง ก็ไม่ใช่ยืนต้นตายทั้งหมด แต่ยืนต้นตายเพียงสามต้นเท่านั้น ประเด็นนี้ก็น่าจะเป็นการเข้าข่ายรายงานเท็จ ซึ่งถือว่าความผิดสมบูรณ์เช่นกัน และหากผู้ปกครองท้องถิ่น แจ้งว่าไม้ยืนต้นตายทั้งหมดก็น่าจะเข้าข่ายรายงานเท็จ และความผิดก็เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน
นายอนันต์ ยังกล่าวด้วยว่า ได้นัดหมายเตรียมเอกสารภาพถ่าย และจะเดินทางไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.โคกกลอย ท้องที่เกิดเหตุในวันที่ 29 พฤศจิกายน นี้ เวลา 10.00 น. โดยจะเริ่มทำกิจกรรมต่างๆและขึ้นป้ายรณรงค์ในที่เกิดเหตุก่อนที่จะเดินทางไปร้องทุกข์ด้วย
“ผมและเครือข่ายได้เดินทางไปยืนหนังสื่อต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา ไปแล้ว เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นายสุรชัย ชิณโสภณพันธ์ ประธาน Strong-จิตพอเพียงฯ ได้เข้ายืนหนังสือต่อ ป.ป.ช.จังหวัดพังงา แล้วเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ากรรมการที่อธิบดีกรมป่าไม้ตั้งมาสอบสวนข้อเท็จจริงอาจจะได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน แต่ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดพังงา ก็พูดให้ความเห็นชัดเช่นกัน ว่าการจัดต้นไม้ยางขนาดใหญ่ของจังหวัดพังงา ต้องมีความชัดเจน ฉะนั้น เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทุกส่วนต้องกระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องของความรู้สึกของประชาชนชาวจังหวัดพังงา และ ภูเก็ต ต่อกรณีการอนุรักษ์ ต้นไม้บริเวณนี้ ซึ่งถือว่า เป็นต้นไม้ที่แสดงเชิงสัญญาลักษณ์การอนุรักษ์ของชาวพังงา” นายอนันต์รระบุ
รองประธานชมรม Strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดพังงา ยังระบุด้วยว่า “ผมไม่อยากกล่าวหาอะไรใครโดยไม่เห็นเอกสาร แต่มีข้อมูลยืนยันในพื้นที่ว่า ก่อนหน้านี้ มีคนบางกลุ่มไปนัดเลี้ยงสังสรรค์กัน ถ้าข้อมูลเรื่องนี้เป็นจริง จะถือเป็นการดูถูกภาคประชาชนมาก เช่นเดียวกับการเอาต้นไม้ของกลางขึ้นรถบรรทุกคลุมผ้าใบวิ่งออกจากที่เกิดเหตุไปจังหวัดระนอง ย้อนมาสุราษฎร์ธานี และกลับเอามาลงไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าท้ายเหมือง ถือว่า ไม่ใช่เรื่องปกติ หรือคนในกรมป่าไม้ จะถือว่า ปกติก็ต้องพิสูจน์กันต่อไป”
อ่านประกอบ :
แฉรายงานไม่ตรงข้อเท็จจริง! อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งสอบด่วน จนท.ปิดถนนโค่นไม้ยางพังงา
กรณีโค่นยางยักษ์พังงา! อัยการชี้หากทำรายงานเท็จโทษเพียบ-คนในป่าไม้ ตั้งปมเอื้อค่าภาคหลวง
อธิบดีป่าไม้ ขีดเส้น15วัน สางปมลักไก่โค่นไม้ยางยักษ์พังงา- จี้ ออป.แจงจ้างลูกช่วงตัดแทน
เพจต้านทุจริตใต้โชว์คลิปมัด โค่นยางยักษ์สภาพดีเพียบ! ไฉนรายงานอธิบดีป่าไม้ สมบูรณ์ต้นเดียว
เปิดชื่อ4ตัวแทน สำรวจไม้แซะ ก่อนโค่นยางยักษ์11ต้น! แจงเหตุจนท.ดูชนิดไม้ผิด-ปัดเอื้อปย.ใคร
กรณีโค่นยางยักษ์พังงา! อัยการชี้หากทำรายงานเท็จโทษเพียบ-คนในป่าไม้ ตั้งปมเอื้อค่าภาคหลวง
มุ่งสางปมทำรายงานเท็จ! อธิบดีป่าไม้แจงคำสั่งสอบโค่นยางยักษ์ 11 ต้น-ออป.รีบย้ายของกลางได้
ส.ส.พังงา 'กันตวรรณ ตันเถียร' : กรมป่าไม้-ทางหลวง ต้องมีความชัดเจนโค่นยางยักษ์11ต้น
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/