"...จากการตรวจสอบของ ปปง.พบว่า นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายสรวิศ จันทร์สกุลพร เคยร่วมกันลงทุนเปิด บริษัท พีเอสเอส (2556) และจากการตรวจสอบข้อมูลรายงานธุรกรรมเงิดสดของนายสุธี น่าเชื่อว่ามีการถอนเงินสดจากบัญชีนายสุธี และฝากเข้าบัญชี บริษัท พีเอสเอส (2556) จำนวน 16,250,000 บาท นอกจากนี้ บริษัทสยามอินดิก้าฯ เคยโอนเงินให้กับ นายพีระวัฒน์ ในช่วงวันที่ 6 ม.ค.2559-วันที่ 21 มิ.ย.2559 จำนวน 66 ครั้ง เป็นเงิน 497,390,242.87 บาท ด้วย..."
นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง เป็นใครมาจากไหน?
เข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ตัวละครเอก ในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ได้อย่างไร?
คือ หนึ่งปริศนาสำคัญที่ยังไม่เคยมีคำตอบที่ชัดเจนต่อสาธารณชน
นับตั้งแต่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า ในช่วงปลายปี 2556 บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จากนางสุดา คุณจักร (นางสุดา เป็นน้องสาวนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด) ภรรยา นายสมยศ หรือ นายแพทย์สมยศ คุณจักร ผู้อำนวยการยศการคลินิก และนายแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี และเป็นแพทย์ที่ปรึกษา ด้าน โสต-คอ-นาสิก โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
มาเป็นบริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ตั้งอยู่ย่านคลองเตย ทำธุรกิจนำเข้าเครื่องมือและสว่านไฟฟ้า จากต่างประเทศแทน
ขณะที่บริษัท คาล เอเซียฯ แจ้งงบดุลแสดงผลประกอบการ ปี 2555 ระบุว่ามีรายได้รวม 544,098 บาท แต่มีกำไรสุทธิแค่ 344,517.82 บาท แต่มูลค่าหุ้น ที่บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ถืออยู่ในบริษัทสยามอินดิก้า อยู่ที่วงเงิน 655,359,000 บาท
ณ วันที่ 2 พ.ย.56 นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง แจ้งที่อยู่บ้านเลขที่ 999 หมู่ 4 ต.บ้านเป้า อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง อายุ 24 ปี (ในขณะนั้น) ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 9,998 หุ้น มูลค่า 999,800 บาท
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา เคยติดต่อไปยังนายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท คาล เอเซียฯ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเข้าไปถือหุ้นใหญ่บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ดังกล่าว
นายพีระวัฒน์ กล่าวชี้แจงสั้นๆ ว่า ข้อมูลของบริษัท คาล เอเซียฯ ก็เหมือนกับที่ปรากฎเป็นข่าวไปทุกอย่าง"
"แต่ผมยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เนื่องจากติดประชุมอยู่ ขอให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง"
เมื่อถามว่า บริษัท คาล เอเซียฯ เข้าไปถือหุ้นบริษัทสยามอินดิก้าได้อย่างไร นายพีระวัฒน์ ตอบว่า "เราเข้าไปซื้อหุ้นต่อมาอีกที"
เมื่อถามว่า มีการจ่ายเงินค่าหุ้น จำนวน 655 ล้านบาท หรือไม่ นายพีระวัฒน์ ตอบว่า "เราจ่ายเงินค่าหุ้น"
ก่อนจะระบุว่า "ติดประชุมอยู่ ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก ขอให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง"
และวางสายโทรศัพท์ไป ไม่เคยติดต่อได้อีกเลย
(อ่านประกอบ : บ.ขายสว่านไฟฟ้า เปลี่ยนชื่อกก.-ผู้ถือหุ้นอุตลุด ก่อนโผล่ "สยามอินดิก้า", "ผู้ทำบัญชี"ยัน บ.ขายสว่านไม่ทำธุรกิจ 2-3 ปี ก่อนโผล่ถือหุ้นใหญ่"สยามอินดิก้า", หนุ่มลำปางยันบ.ขายสว่านมีรายได้หลักพัน จ่ายเงินซื้อหุ้น"สยามอินฯ" 655ล.)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบคำพิพากษาของศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา ที่สั่งยึดทรัพย์บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และผู้เกี่ยวข้อง เป็นที่ดิน เงินฝากบัญชีธนาคาร เงินลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์มูลค่าหลายร้อยล้านบาท
พบว่า มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับ นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง ไว้ดังนี้
ในการพิจารณาคดีของศาลแพ่งดังกล่าว มีรายการทรัพย์สินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในชื่อนายณัฐพงษ์ ปิยะพิทักษานนท์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินด้วย
หลังจาก ปปง. ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2556 มีการถอนเงินสดจากบัญชี ของ นายสุธี เชื่อมไธสง พนักงานในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งมีเงินที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการระบายข้าวจำนวนมากเป็นหลักหมื่นล้านบาท เพื่อนำไปซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นางสาวพัชรินทร์ อัศวานุชิต จำนวน 3 ฉบับ ระบุชื่อ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ลูกชายของนายอภิชาติ เป็นผู้ซื้อ เพื่อนำมาใช้ในการซื้อที่ดินต่อจาก นางสาวพัชรินทร์ จดทะเบียนโอนที่ดิน เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2556
ก่อนที่ นายสรวิศ จะจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นชื่อ ของนายณัฐพงษ์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2560
ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ ได้ให้ปากคำกับ ปปง.ว่า เงินที่ใช้ในการซื้อที่ดินดังกล่าว ได้ตกลงรับเงินมาจากนายวรวุฒิ เมืองตั้ง ทั้งหมด จำนวน 25 ล้านบาท
แต่เงินดังกล่าว เป็นของนายวรวุฒิหรือไม่ ไม่ทราบ
โดยนายวรวุฒิ ได้ทยอยโอนเงินเข้ามาในบัญชีของ นายณัฐพงษ์ ซึ่งจะมีนายพีระวัฒน์ ลูกชายนายวรวุฒิ และนางอังคลิภา ลูกสะใภ้ของนายวรวุฒิ เป็นผู้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีให้ จนครบ
ขณะที่ จากการตรวจสอบของ ปปง.พบว่า นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายสรวิศ จันทร์สกุลพร เคยร่วมกันลงทุนเปิด บริษัท พีเอสเอส (2556)
และจากการตรวจสอบข้อมูลรายงานธุรกรรมเงิดสดของนายสุธี น่าเชื่อว่ามีการถอนเงินสดจากบัญชีนายสุธี และฝากเข้าบัญชี บริษัท พีเอสเอส (2556) จำนวน 16,250,000 บาท
นอกจากนี้ บริษัทสยามอินดิก้าฯ เคยโอนเงินให้กับ นายพีระวัฒน์ ในช่วงวันที่ 6 ม.ค.2559-วันที่ 21 มิ.ย.2559 จำนวน 66 ครั้ง เป็นเงิน 497,390,242.87 บาท ด้วย
จึงน่าเชื่อว่า ทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ของ นายณัฐพงษ์ มีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางเงินในการทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี
และในการพิจารณาคดี นายณัฐพงษ์ ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลว่า ที่ดินดังกล่าว ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด การทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเงินที่ นายวรวุฒิ นายพีระวัฒน์ และนางอังคลิภา ด้วย
ศาลฯ จึงเห็นสมควรให้ ยึดทรัพย์ ทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ของ นายณัฐพงษ์ ตกเป็นของแผ่นดิน
นี่เป็นข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ นายพีระวัฒน์ ที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน
อ่านประกอบ :
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (1) : ชำแหละเครือข่ายสยามอินดิก้า-บัญชีหมื่นล. 'สุธี'
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (2) : คำให้การ ผู้สอบบัญชี VS คำโต้แย้งสยามอินดิก้า
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (3) คำให้การ 'สรวิศ' ลูกเสี่ยเปี๋ยง ก่อนโดนยึดทรัพย์
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (4)'ข้อมูลภาษี-แคชเชียร์เช็ค' หลักฐานมัด 'ลูกเสี่ยเปี๋ยง'
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (5) บ.ฮินตัน เกาะเวอร์จิน ผู้ให้กู้ยืมเงินปริศนา 5 พันล.
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (6) เส้นทางเงินกู้ 5 พันล. บ.เกาะเวอร์จิน & สยามอินดิก้า
ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (7) เส้นทางเงิน 685 ล. โอนเข้าบัญชี 'น้องเสี่ยเปี๋ยง'
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/