มาแล้ว! คำพิพากษาองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ในศาลฎีกาฉบับเต็ม ‘นริศร ทองธิราช’อดีต สส. สกลนคร เพื่อไทย เสียบบัตรลงคะแนนแทนกันคดีที่สอง ลงมติ ร่าง กม.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ครั้ง ยืนจำคุก 12 เดือน ก่อนหน้าโดน 16 เดือนคดีถึงที่สุดไปแล้ว ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ - ปิดฉากสมบูรณ์ 2 คดี 28 เดือน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า คดีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นาย นายนริศร ทองธิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดสกลนคร สังกัดพรรคเพื่อไทย
นายนริศรถูกศาลฎีกาพิพากษา จำคุก 2 คดี
คดีแรก คดีเสียบบัตรแทนกัน กรณีลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พุทธศักราช ... ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 16 เดือน ไม่รอการลงโทษ (คดีหมายเลขแดงที่ 22/2565 วันที่ 22 ก.ย.2565)
ต่อมา วันที่ 25 ก.ค.2566 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ในศาลฎีกา พิพากษายืน (คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 2/2566 คดีหมายเลขแดง อม.อธ.10/2566 วันที่ 25 ก.ค.2566)
ข่าวเกี่ยวข้อง:
- คุก 16 เดือน ‘นริศร ทองธิราช’ คดีเสียบบัตรแทนกันปี 56
- คำพิพากษาฉบับเต็ม คุก 16 เดือน‘นริศร ทองธิราช’เสียบบัตรแทนกัน ทุจริตออกเสียงลงคะแนน
- ฉบับเต็ม!ศาลฎีกาพิพากษายืนคุก 16 เดือน อดีต สส.‘นริศร’เสียบบัตรแทนกัน ผิดร้ายแรง
คดีที่สอง คดีเสียบบัตรแทนกัน กรณี พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ…. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 1 ปี คําให้การรับสารภาพของจําเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจําคุก กระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 12 เดือน นับโทษต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 22/2565 ของศาลนี้ (คดีหมายเลขดำ อม.8 2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.24 /2565 วันที่ 3 พ.ย.2565) เจ้าตัวอุทธร์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎาก กระทั่ง วันที่ 11 ส.ค. 2566 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษายืน (คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.11/2566)
ข่าวเกี่ยวข้อง:
- โดนคดีที่สอง! ศาลฎีกาฯ จำคุก ‘นริศร ทองธิราช’ อีก 12 เดือน เสียบบัตรแทนกัน
- เปิดคำพิพากษาคดีที่สอง ‘นริศร ทองธิราช’ เสียบบัตรแทนคนอื่นหลายใบ คุกเพิ่ม 12 เดือน
- คดีถึงที่สุดแล้ว! ยืนโทษคุก 12 ด. ‘นริศร ทองธิราช’ อดีต สส.เพื่อไทย เสียบบัตรแทนกัน
ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลฎีกาเผยแพร่คำพิพากษาขององค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ศาลฎีกาฉบับเต็ม ในคดีที่สองที่พิพากษาเมื่อวันที่ 11สิงหาคม 2566 หลังนายนริศร จำเลย อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยื่นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 โดยขอให้รอการกำหนดโทษหรือลงโทษสถานเบา
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ( คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 3/2566 คดีหมายเลขแดง อม.อธ.11/2566 วันที่ 11 ส.ค.2566)
สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียงรายละเอียดมารายงาน
วันที่ 11 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2566
ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์
นายนริศร ทองธิราช จำเลย
เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
จำเลย อุทธรณ์คัดค้าน คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง
ลงวันที่ 3 เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช 2565 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ รับอุทธรณ์วันที่ 13 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2566
@คำบรรยายฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดสกลนคร สังกัดพรรคเพื่อไทย จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงลงคะแนนขั้นรับหลักการพิจารณาเรียงลำดับมาตรา และขั้นการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 142, 143, 146, 147 โดยจำเลยในฐานะสมาชิกคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 126 วรรคสาม รวมถึงมีหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551
@เหตุเกิด 20 ก.ย.2556 –เสียบบัตรแทนกัน 2 ครั้ง
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 เวลากลางคืนหลังเที่ยง สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ ประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ... มาตรา 6 และมาตรา 20 จำเลยซึ่งลงชื่อเข้าร่วมประชุมด้วยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าโดยมิชอบ นำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหลายใบอันเกินกว่าจำนวนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเลย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งจะพึงมีและใช้ได้เพียงคนละ 1 ใบ คนละ 1 เสียง มาใช้แสดงตนและออกเสียงลงคะแนนของจำเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกรัฐสภา โดยเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวหมุนเวียนใส่เข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนนและกดปุ่มเพื่อแสดงตน แล้วลงมติคราวละหลายใบในการออกเสียงลงคะแนนในคราวเดียวกันอันเป็นการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเกินกว่า 1 เสียง ในการลงคะแนนมติในแต่ละครั้ง
@ขัดต่อหลักสุจริต
การกระทำของจำเลยทั้งสองครั้งดังกล่าวเป็นการขัดต่อหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทยโดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่สมาชิกรัฐสภาได้ปฏิญาณตนไว้ ขัดต่อหลักการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภาที่ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม
และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 126 วรรคสาม ที่กำหนดให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนน ซึ่งการกระทำของจำเลยมีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ทุจริตบิดเบือนขัดต่อกฎหมาย และข้อบังคับการประชุมรัฐสภโดยชัดแจ้ง ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย อันเป็นการกระทำการในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ
และมิอาจถือได้ว่ามติของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาในกระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... ดังกล่าวเป็นไป โดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา
@ศาลรธน.ชี้กระทำไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 15 - 18/2556 คดีระหว่าง พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม กับคณะ ผู้ร้องที่ 1 นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ผู้ร้องที่ 2 นายสาย กังกเวติน กับคณะ ผู้ร้องที่ 3 และนายพีระพันธุ์ สาลีวิภาค กับคณะ ผู้ร้องที่ 4 กับประธานรัฐสภา ผู้ถูกร้องที่ 1 รองประธานรัฐสภา ผู้ถูกร้องที่ 2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ผู้ถูกร้องที่ 3 ถึงที่ 312 ว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา อันเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น ประชาชน ผู้มีชื่ออื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อม.36/2562 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172, 192 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อม.36/2562 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ก่อนตรวจพยานหลักฐาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
@ก่อนหน้า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯจำคุก 2 กระทงรวม 12 เดือน นับโทษต่ออีกคดี
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน นับโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.22/2565 ของศาลนี้
@ที่มาของคดี:พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ…
จำเลยอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
พิเคราะห์คำฟ้อง เอกสารท้ายคำฟ้องสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คำให้การรับสารภาพของจำเลย คำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลย และอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งในชั้นอุทธรณ์รับฟังเป็นยุติว่า การออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เมื่อประธานในที่ประชุมแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสดงตนเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนมีองค์ประชุมครบถ้วนแล้ว ประธานในที่ประชุมจะแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงคะแนน จากนั้นเจ้าหน้าที่กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณ์ผู้รับผิดชอบดูแลระบบการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์จะเปิดระบบการลงคะแนน เมื่อระบบการลงคะแนนทำงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกดปุ่มลงคะแนน แล้วดึงบัตรดังกล่าวออก
เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนครบถ้วนแล้ว ประธานในที่ประชุมจะสั่งปิดการลงคะแนน จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์จะประมวลผล และแสดงผลการลงคะแนนต่อที่ประชุม เครื่องออกเสียงลงคะแนนแต่ละเครื่องสามารถใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดและจำนวนเท่าใดก็ได้ ทำให้สามารถใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใส่ในช่องเครื่องออกเสียงลงคะแนนเครื่องเดียวกันทีละใบต่อเนื่องกันได้ ในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่ปิดระบบการลงคะแนน ระบบการลงคะแนนจะบันทึกข้อมูลจากฐานข้อมูลแล้วแสดงผลในรายงานการออกเสียงลงคะแนนเฉพาะชื่อ นามสกุล เลขที่สมาชิกพรรคที่สังกัดและเวลา
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ได้ประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ… ขณะนั้นจำเลยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดสกลนคร สังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าวร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอื่นด้วย โดยจำเลยในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งมีหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนน
ครั้นเวลา 18.29 นาฬิกา ประธานในที่ประชุมแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสดงตน และลงมติร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... มาตรา 6 จำเลยนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหลายใบมาใช้แสดงตนและออกเสียงลงคะแนนแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้น ๆ โดยเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว หมุนเวียนใส่เข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนน แล้วกดปุ่มแสดงตนและลงมติในการลงคะแนนคราวเดียวกัน
ต่อมาเวลา 22.17 นาฬิกา ประธานในที่ประชุมแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสดงตนและลงมติ ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... มาตรา 20 จำเลยนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหลายใบมาใช้แสดงตนและออกเสียงลงคะแนนแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้น โดยเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว หมุนเวียนใส่เข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนน แล้วกดปุ่มแสดงตนและลงมติในการลงคะแนนคราวเดียวกัน
วันที่ 12 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ว่า ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสอง ซึ่งข้อความดังกล่าว เป็นสาระสำคัญมีผลให้ร่างพระราชบัญญัตินี้เป็นอันตกไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคสาม
ต่อมาวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าการกระทำของจำเลยมีมูลความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 123/1 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
และเป็นความผิดฐานเป็น เจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามมาตรา 172 ประกอบมาตรา 198 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ประกอบมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.22/2565 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
@อุทธรณ์ประเด็นฟ้องคลุมเคลือ ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า ฟ้องของโจทก์เป็น ฟ้องเคลือบคลุมและจำเลยหลงต่อสู้คดีหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องในสาระสำคัญ อ้างเลขคดีและชื่อคู่ความของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมและทำให้จำเลยหลงต่อสู้นั้น
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างได้ แม้จะไม่ได้ยกขึ้นในชั้นพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม โจทก์บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า จำเลยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงลงคะแนนขั้นรับหลักการ พิจารณาเรียงลำดับมาตรา และขั้นการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 142, 143, 146, 147
รวมถึงมีหน้าที่อื่น ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 เวลากลางคืนหลังเที่ยง สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ ประชุมเพื่อพิจารณาร่งพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … มาตรา 6 และมาตรา 20
จำเลยซึ่งลงชื่อเข้าร่วมประชุมได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหลายใบอันเกินกว่าจำนวนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเลยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งจะพึงมีและใช้ได้เพียงคนละ 1 ใบ คนละ 1 เสียง มาใช้แสดงตนและออกเสียงลงคะแนนของจำเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกรัฐสภารายอื่น โดยเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวหมุนเวียนใส่เข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนน และกดปุ่มเพื่อแสดงตนและลงมติคราวละหลายใบในการออกเสียงลงคะแนนในคราวเดียวกัน เป็นการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเกินกว่า 1 เสียงในการลงคะแนนมติในแต่ละครั้ง อันเป็นการกระทำการในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น ประชาชน ผู้มีชื่ออื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต
@ชี้โจทก์อ้างเลขคดีและชื่อคู่ความคำวินิจฉัยศาลรธน.คลาดเคลื่อน ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่มีการระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดครบองค์ประกอบความผิดที่โจทก์ฟ้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 แล้ว แม้โจทก์บรรยายฟ้องอ้างเลขคดีและชื่อคู่ความของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-4/2557 เป็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 ก็เป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม
@จำเลยยื่นถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ- อุทธรณ์ข้อแรกฟังไม่ขึ้น
อีกทั้งในวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก จำเลยแต่งตั้งทนายความเข้ามา ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังต่อหน้าจำเลยและทนายจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธและยื่นคำให้การเพิ่มเติมในเวลาต่อมา จากนั้นก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธและให้การใหม่เป็นรับสารภาพโดยมีรายละเอียดชัดเจนอันเป็นการแสดงให้เห็นว่า จำเลยเข้าใจข้อหาและพฤติการณ์การกระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยมิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ประกอบความผิดดังที่วินิจฉัยมาข้างต้น ทั้งฟ้องโจทก์ยังได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ฯ ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม และมาตรา 26 หาได้เป็นฟ้องเคลือบคลุมและจำเลยหลงต่อสู้คดี ไม่ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
@ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯยืนคุก 12 เดือน
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อไปว่า กรณีมีเหตุสมควรที่จะรอการกำหนดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่
เห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ว่า จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก 16 เดือน ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.10/2566 ของศาลนี้ และคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีจึงไม่อาจรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ได้ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษามานั้น องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เท่ากับ 2 คดีนายนริศรต้องโทษจำคุกรวม 28 เดือน
ข่าวเกี่ยวข้อง:
- คุก 16 เดือน ‘นริศร ทองธิราช’ คดีเสียบบัตรแทนกันปี 56
- คำพิพากษาฉบับเต็ม คุก 16 เดือน‘นริศร ทองธิราช’เสียบบัตรแทนกัน ทุจริตออกเสียงลงคะแนน
- ฉบับเต็ม!ศาลฎีกาพิพากษายืนคุก 16 เดือน อดีต สส.‘นริศร’เสียบบัตรแทนกัน ผิดร้ายแรง
- โดนคดีที่สอง! ศาลฎีกาฯ จำคุก ‘นริศร ทองธิราช’ อีก 12 เดือน เสียบบัตรแทนกัน
- เปิดคำพิพากษาคดีที่สอง ‘นริศร ทองธิราช’ เสียบบัตรแทนคนอื่นหลายใบ คุกเพิ่ม 12 เดือน
- คดีถึงที่สุดแล้ว! ยืนโทษคุก 12 ด. ‘นริศร ทองธิราช’ อดีต สส.เพื่อไทย เสียบบัตรแทนกัน