ซุกหนี้กองทุนหมู่บ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน นายก อบต.ป่าสะแก จ.สุพรรณฯยื่นเท็จ 2 กระทง
ศาลฎีกาฯฟัน นายก อบต.ป่าสะแก จ.สุพรรณบุรี ยื่นเท็จ 2 กระทง ไม่แสดงหนี้สิน กองทุนหมู่บ้านของเมีย 30,000 บาท เงินลงทุนสหกรณ์ 56,400 บาท ให้พ้นตำแหน่งนับแต่ถูกพักงาน 20 ส.ค.2561 ปรับ 8,000 บาท จำคุก 2 เดือน ให้รอการลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 21 ก.ย.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา มีคำพิพากษา นายบุญส่ง ดวงจินดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ห้าม ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี ให้พ้นจากตำแหน่ง นายก อบต.ป่าสะแก ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 20 ส.ค.2561 จำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2552 โดยแถลงนโยบายเพื่อเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2556 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.ป่าสะแก ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2556 และยังคงดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 20 ส.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสะแก ครั้งที่ 1 โดยกรณีพ้นจากตำแหน่งผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการหนี้เงินกู้กองทุนหมู่บ้านป่าสะแก ของนางพิศมัย ดวงจินดา คู่สมรส จำนวน 30,000 บาท กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการเงินลงทุนสหกรณ์กลุ่มรวมมิตรของผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 29,200 บาท และไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส คือ เงินลงทุนสหกรณ์กลุ่มรวมมิตร จำนวน 27,200 บาท และหนี้เงินกู้กองทุนหมู่บ้านป่าสะแก จำนวน 30,000 บาท ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริง และเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วน ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงอ้างว่าหลงลืม
ศาลฯวินิจฉัยว่า คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา เป็นการง่ายต่อการกล่าวอ้าง ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟัง ประกอบกับในชั้นพิจารณาผู้ถูกกล่าวหา ให้การรับสารภาพ พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสะแก ครั้งที่ 1 มีผลห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง เมื่อผู้ถูกกล่าวหาเข้าดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสะแก ครั้งที่ 2 ในระยะเวลาที่ต้องห้ามดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ต่อมามีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.2560 ซึ่งมาตรา 17 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อศาลประทับรับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งดำรงตำแหน่งตามมาตรา 10 (1) กรรมการ ป.ป.ช. หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น” และวรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ใดพ้นจากตำแหน่ง หรือคำพิพากษานั้น มีผลให้ผู้ใดพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าจะมีการอุทธรณ์ตามหมวด 6 อุทธรณ์ หรือไม่ ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือวันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่” แม้บทบัญญัติดังกล่าวจะบัญญัติขึ้นภายหลังผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด แต่มิใช่กฎหมายที่กำหนดโทษทางอาญา เนื่องจากเป็นมาตรการที่จะป้องกันมิให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่ทางราชการจากการที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกดำเนินคดี จึงย่อมมีผลใช้บังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้ คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งประทับรับฟ้องและมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.2561 และข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วย ข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจาก ตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามบทบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายบุญส่ง ดวงจินดา ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.ป่าสะแก ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 21 พ.ค.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำ บลป่าสะแก ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.ป่าสะแก ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 20 ส.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือนและปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาทผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.161/2561-21 ก.ย.2561)
ที่มา:คำพิพากษา ศาลฎีกาฯ , สำนักข่าวอิศรา รวบรวม
อ่านประกอบ:
มีเรื่อยๆ ไม่ยื่นบัญชีฯ! ศาลฎีกาฯฟันนายกเทศมนตรี ต.อุบล 3 กระทง-อ้างเอกสารเยอะ
โผล่อีกราย!ศาลฎีกาฯฟัน ส.ท.เมืองสุโขทัย ซุกเงินฝาก 15 บัญชี หุ้น รถยนต์ 2 คัน
จำคุกจริง 2 เดือน นายก อบต.หัวเมือง จว.ยโสธร ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-เบี้ยวนัดศาล
ดูเหตุผล ไฉน!ศาลฎีกาฯสั่งปรับ 5,000 บาท ผอ.สถิติ จ.ศรีสะเกษ ซุกเงินฝาก 3 บัญชี
ถูกปลอมใบลาออก! ‘ข้ออ้าง’กก.องค์การสวนสัตว์- คำวินิจฉัยคดีซุกเงินฝาก 20 บัญชี
ซุกเงินฝากเมีย 5 บัญชี รถ 3 คัน!ศาลฎีกาฯฟันนายก อบต.จ.นครปฐม ยื่นบัญชีฯเท็จ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 กก.รัฐฯ ‘องค์การสวนสัตว์ - บ.ลูกทีโอที’ ซุกบัญชีเงินฝาก
จำคุก 4 เดือน ไม่รอลงโทษ ส.อบจ.ตาก จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-แถมไม่มาศาลตามนัด
คำพิพากษานายกเทศมนตรี จ.นครราชสีมา ซุกเงินกู้ 1 ล. - 3 รายจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
นายก อบต.จ.ราชบุรี ซุกโฉนด สลากออมสิน 1 ล. - 3 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ
'เสงี่ยม' นปช.! ศาลฎีกาฯจำคุก 4 เดือน ไม่ยื่นบัญชีฯ นั่งสำนักเลขานายกฯ รอลงโทษ 1 ปี
ศาลฎีกาฯออกหมายจับ แต่ตามรวบไม่ได้! ฟัน ส.ท.เมืองหัวหิน จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท 4 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
บรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯคดี ปธ.อบจ.สมุทรสาคร ไม่แจ้งถือครองหุ้น 2 บริษัท
ศาลฟัน สท.จ.ปทุมฯ-ส.อบจ.นครนายก ยื่นเท็จ-นายก อบต.ชัยนาทซุกที่ดินชื่อ‘ลูกนอกสมรส’
ไม่มาตามนัด!ศาลฎีกาฯจำคุกจริงอีก 2 นักการเมืองท้องถิ่นคนละ 2-4 เดือน ซุกบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น 7 จว.ไม่ยื่นบัญชีฯ -1 รายยื่นเท็จอยู่นนทบุรี
ซื้อเงินสด-ใส่ชื่อเมียนอกสมรส-ปั้นสัญญากู้เท็จ! พฤติกรรมนายกเทศมนตรี ซุกทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯจำคุกจริง 2 เดือน นายกเทศมนตรี จ.ปทุมฯซุกทรัพย์สินในชื่อ‘เมียนอกสมรส’
ศาลฎีกาฯปรับ 4,000-12,000 บาท รอลงโทษจำคุก 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.เชียงใหม่ พังงา-10 นักการเมืองท้องถิ่น 8 จว.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลจำคุก 2 เดือน นายก อบต.ใน จ.นครปฐม ยื่นบัญชีฯเท็จ ซุกหนี้สินเมีย 1.1 ล.
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-รองนายก อบจ.สกลฯซุก 5 ครั้ง
ฟันอีก 5 ! ศาลฎีกาฯจำคุกจริง รองนายก อบต. จ.ปัตตานี ไม่ยื่นทรัพย์สิน นับโทษจากคดีเก่า
ชื่อหรา‘เสี่ยชูวิทย์’หุ้นใหญ่ ภัตตาคารซินกี่ โอนให้ลูกน้องปี 47 คดีจำคุก ซุก ป.ป.ช.
คำพิพากษาฉบับเต็ม!คดีจำคุก‘ชูวิทย์’ ที่แท้ซุกหุ้น‘ภัตตาคารซินกี่’ ใช้ลูกน้อง‘นอมินี’
ลอตใหญ่! ศาลฎีกาฯฟัน 17 นักการเมืองท้องถิ่น 14 จังหวัด จงใจไม่ยื่นทรัพย์สิน ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯฟันนักการเมือง จ.นครปฐม เจ้าของธุรกิจใหญ่ ยื่นเท็จ ซุกที่ดิน 36 แปลง
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น! 8 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ส.อบจ.สุราษฎร์ฯซุกหนี้ ที่ดิน เงินฝาก
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รองนายก อบต.-เทศบาล จ.ลพบุรี สกลนคร อุดรฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ