- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
จงใจซุกหุ้น 2 บริษัท ! ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ให้พ้นตำแหน่งทันที ส่วน 7 นักการเมืองท้องถิ่น จ.สุราษฎร์ฯ ปราจีนฯ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ปรับ 4,000 -12,000 บาท จำคุก 1-3 เดือน รอลงโทษ
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2561 ,30 มี.ค.2561, 4 เม.ย. 2561,10 พ.ค.2561 และ 17 พ.ค.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้นักการเมือง 8 รายมีความผิดในคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จำนวน 1 ราย (คดี) และคดีจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ 7 ราย ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ปรับเงิน คนละ 4,000-12,000 บาท จำคุก 1-3เดือน รอลงโทษจำคุก 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงสาระสำคัญมารายงาน
คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินเท็จ
นายปัญญา ชวนบุญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.)สมุทรสาคร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 20 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ครั้งที่ 3 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันในวันที่ 30 มี.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ครั้งที่ 2 มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.45/2561-30 มี.ค.2561)
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า นายปัญญา ไม่ยื่นแสดงฯทรัพย์สิน 2 รายการคือ รายการเงินลงทุนในหุ้นบริษัทพงษ์ศิริชัยวัสดุอุตสาหกรรม จำกัด จำนวน 4,800 หุ้น มูลค่า 480,000 บาท และเงินลงทุนในหุ้นบริษัท สุขสวัสดิ์แลนด์ จำกัด จำนวน 6,250 หุ้น มูลค่า 625,000 บาท
คดีที่จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ 7 คดี
1.นายพุธมาตร์ แก้วสุขศรี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ควนสุบรรณ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบต. ควนสุบรรณ ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต. ควนสุบรรณ ที่ดำรงอยู่ในวันที่ 20 มี.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.44/2561-20 มี.ค.2561)
2.นายธนกฤต ศรีสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คำโตนด อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.คำโตนด ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณี พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. คำโตนด ครั้งที่ 2 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรง ตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 2 มิ.ย.2557 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจาก ตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.46/2561- 4 เม.ย. 2561)
3. นายประยุทธ์ ขำขมเขตต์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หมูม้น อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. หมูม้น ห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 22 มี.ค.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่ การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุก จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี(คดีหมายเลขแดงที่ อม.67/2561- 10 พ.ค. 2561)
4. นายศุภฤกษ์ เติมสมบัติ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีพ้นจาก ตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. หนองนาแซง ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบต. หนองนาแซง ครั้งที่ 2 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำ แหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 พ.ค.2560 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต. หนองนาแซงครั้งที่ 2 กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.68/2561- 17 พ.ค. 2561)
5.นายจิรยุทธ์ บุญศิริชัย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ตะกุกเหนือ ห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี(คดีหมายเลขแดงที่ อม.72/2561- 17 พ.ค. 2561)
6.นายพันคำ โยโส นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแท่น อ.ชนบท จ.ขอนแก่น จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายก อบต. บ้านแท่น ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.69/2561- 17 พ.ค. 2561)
7. นายพรชัย มากมูล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สระสมิง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีเข้ารับ ตำแหน่งรองนายก อบต.สระสมิง ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.สระสมิง ที่ดำรงอยู่ในวันที่ 19 ก.พ.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 17 พ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.70 /2561- 17 พ.ค. 2561)
อ่านประกอบ
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รองนายก อบต.-เทศบาล จ.ลพบุรี สกลนคร อุดรฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ