- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ศาลฟัน สท.จ.ปทุมฯ-ส.อบจ.นครนายก ยื่นเท็จ-นายก อบต.ชัยนาทซุกที่ดินชื่อ‘ลูกนอกสมรส’
ศาลฟัน สท.จ.ปทุมฯ-ส.อบจ.นครนายก ยื่นเท็จ-นายก อบต.ชัยนาทซุกที่ดินชื่อ‘ลูกนอกสมรส’
ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่น ! สท.เมืองคลองหลวง จ.ปทุมฯ -นายก อบต.จ.ชัยนาท -ส.อบจ.นครนายก ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ป.ป.ช. ขณะที่ รองนายก อบต.จ.ยะลา- ส.อบจ.ประจวบฯ จงใจไม่ยื่นฯ ให้พ้นตำแหน่ง ห้ามเล่นการเมือง ปรับ 4,000-8,000 บาท จำคุก 1-2 ดือน รอลงโทษ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ,23 ส.ค. และ 24 ส.ค. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา นักการเมืองท้องถิ่น 3 ราย มีความผิดคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และ วันที่ 15 ส.ค.,22 ส.ค.2561 พิพากษานักการเมืองท้องถิ่น 2 ราย มีความผิดคดีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ในจำนวนนี้ 4 ราย ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี ปรับเงินคนละ 4,000-8,000 บาท จำคุกคนละ 1-2 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษ (2 ใน 4 รายให้พ้นตำแหน่ง) และ 1 รายห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ดังนี้
ยื่นบัญชีฯเท็จ
1.นายเนตร สวนสิน สมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาและภรรยา รวม 7 บัญชี จำนวนเงินรวม 5,816.33 บาท รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 1 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เงินกู้ยืมนางดวงพร อาดำ จำนวน 3 ล้านบาท
ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงทำนองว่า มีบัญชีเงินฝากเพียงหนึ่งบัญชียังใช้งานอยู่และเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรก จึงยังไม่มีความเข้าใจในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน สำหรับบัญชีเงินฝากรายการอื่นนั้น ผู้ถูกกล่าวหาและภรรยา เข้าใจว่าธนาคารได้ปิดบัญชีเงินฝากไปแล้วโดยอัตโนมัติเนื่องจากไม่มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี ส่วนเหตุที่ไม่ได้แสดงรายการยานพาหนะ เนื่องจากรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลมีสภาพเก่าไม่น่าจะมีราคา รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ผู้ถูกกล่าวหาค้างชำระค่างวดและเข้าใจว่ารถจะต้องถูกยึด รถจักรยานยนต์ทั้งสองคัน มีสภาพเก่าไม่สามารถใช้งานได้ เงินกู้ยืมนางดวงพร อาดำ จำนวน 3 ล้านบาท ผู้ถูกกล่าวหา เข้าใจว่าไม่ต้องแจ้งรายการหนี้สิน คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาไม่น่าเชื่อถือเป็นการง่ายต่อการกล่าวอ้างไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รับฟัง ทั้งในชั้นพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพตามคำร้อง พฤติการณ์ดังกล่าว มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น
พิพากษาว่า นายเนตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ที่ดำรงอยู่ในวันที่ 13 มิ.ย.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง และห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 20 ส.ค. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำ คุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 136/2561-20 ส.ค.2561)
2.นายประกอบ พึ่งพวก นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เด่นใหญ่ อ.หันคา จ.ชัยนาท ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.เด่นใหญ่ โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของนางศิริ พึ่งพวก คู่สมรส คือ รถแทร็กเตอร์ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ตค – 0042 ชัยนาท และทรัพย์สินของนายโอกาส พึ่งพวก บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 9760 ต.เด่นใหญ่ อ.หันคา เนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวา ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า ไม่แสดงรายการรถแทร็กเตอร์คันดังกล่าวเพราะนางสายพิณ ขำกล่ำ บุตรของผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ซื้อถ้าโอนทะเบียนใส่ชื่อนางสายพิณ จะเป็นกาลกิณี จึงโอนทะเบียนใส่ชื่อนางศิริ ส่วนที่ดินมีชื่อเด็กชายโอกาสกับนางสาวพรทิพย์ ภู่เณร เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ซึ่งนายโอกาสเป็นบุตรนอกสมรสของผู้ถูกกล่าวหากับนางสาวพรทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาจึงเข้าใจผิดว่าไม่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินของบุตรนอกสมรส แต่รถแทร็กเตอร์จอดอยู่ในบริเวณบ้านของผู้ถูกกล่าวหา ส่วนที่ดินแปลงดังกล่าวแม้จะอ้างว่า เป็นของบุตรนอกสมรสของผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจผิดว่าไม่ต้องยื่น แต่ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหาแสดงรายการเงินฝากธนาคารออมสิน บัญชีเลขที่ 052 140 620791 ชื่อบัญชี เด็กชายโอกาส พึ่งพวก มาด้วยแสดงว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบดีว่าตนมีหน้าที่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินที่ดินดังกล่าวที่มีชื่อนายโอกาส ถือกรรมสิทธิ์ คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองกรณีจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหา ให้การรับสารภาพ พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
พิพากษาว่า นายประกอบ พึ่งพวก ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.เด่นใหญ่ ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 7 มิ.ย.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.เด่นใหญ่ และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.เด่นใหญ่ ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 28 มิ.ย.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายก อบต. เด่นใหญ่ จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 141/2561-23 ส.ค.2561)
3.นางสำเนียง รักซ้อน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครนายก ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2556 โดยไม่แสดงรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 6 หลัง ซึ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่นายอภิรักษ์ รักซ้อน คู่สมรสมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า ไม่ทราบว่าคู่สมรสมีทรัพย์สินใดบ้างและไม่ได้เป็นผู้กรอกข้อความลงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยตนเอง เพียงแต่ลงลายมือชื่อของตนไว้เท่านั้น คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาไม่น่าเชื่อถือและเป็นการง่ายแก่การกล่าวอ้าง จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพพฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
พิพากษาว่า นางสำเนียง รักซ้อน ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำ แหน่ง ส.อบจ. ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1เมษายน 2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.นครนายก ครั้งที่ 1 และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ. นครนายก ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน นับแต่วันที่ 25 มิ.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำ คุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 142/2561-24 ส.ค.2561)
จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
1.นายมะดี ตาเฮร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ห้วยกระทิง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 190/2560-15 ส.ค.2561) ทั้งนี้ผู้คัดค้านไม่มาศาลฯนัดแรก
2.นายจตุรงค์ เขียวหวาน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 3 พ.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 1 และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 26 มิ.ย.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 138/2561-22 ส.ค.2561)
อ่านประกอบ:
ไม่มาตามนัด!ศาลฎีกาฯจำคุกจริงอีก 2 นักการเมืองท้องถิ่นคนละ 2-4 เดือน ซุกบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น 7 จว.ไม่ยื่นบัญชีฯ -1 รายยื่นเท็จอยู่นนทบุรี
ซื้อเงินสด-ใส่ชื่อเมียนอกสมรส-ปั้นสัญญากู้เท็จ! พฤติกรรมนายกเทศมนตรี ซุกทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯจำคุกจริง 2 เดือน นายกเทศมนตรี จ.ปทุมฯซุกทรัพย์สินในชื่อ‘เมียนอกสมรส’
ศาลฎีกาฯปรับ 4,000-12,000 บาท รอลงโทษจำคุก 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.เชียงใหม่ พังงา-10 นักการเมืองท้องถิ่น 8 จว.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลจำคุก 2 เดือน นายก อบต.ใน จ.นครปฐม ยื่นบัญชีฯเท็จ ซุกหนี้สินเมีย 1.1 ล.
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-รองนายก อบจ.สกลฯซุก 5 ครั้ง
ฟันอีก 5 ! ศาลฎีกาฯจำคุกจริง รองนายก อบต. จ.ปัตตานี ไม่ยื่นทรัพย์สิน นับโทษจากคดีเก่า
ชื่อหรา‘เสี่ยชูวิทย์’หุ้นใหญ่ ภัตตาคารซินกี่ โอนให้ลูกน้องปี 47 คดีจำคุก ซุก ป.ป.ช.
คำพิพากษาฉบับเต็ม!คดีจำคุก‘ชูวิทย์’ ที่แท้ซุกหุ้น‘ภัตตาคารซินกี่’ ใช้ลูกน้อง‘นอมินี’
ลอตใหญ่! ศาลฎีกาฯฟัน 17 นักการเมืองท้องถิ่น 14 จังหวัด จงใจไม่ยื่นทรัพย์สิน ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯฟันนักการเมือง จ.นครปฐม เจ้าของธุรกิจใหญ่ ยื่นเท็จ ซุกที่ดิน 36 แปลง
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น! 8 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ส.อบจ.สุราษฎร์ฯซุกหนี้ ที่ดิน เงินฝาก
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รองนายก อบต.-เทศบาล จ.ลพบุรี สกลนคร อุดรฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ