- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- 'เสงี่ยม' นปช.! ศาลฎีกาฯจำคุก 4 เดือน ไม่ยื่นบัญชีฯ นั่งสำนักเลขานายกฯ รอลงโทษ 1 ปี
'เสงี่ยม' นปช.! ศาลฎีกาฯจำคุก 4 เดือน ไม่ยื่นบัญชีฯ นั่งสำนักเลขานายกฯ รอลงโทษ 1 ปี
ตามรอย เจ๋ง ดอกจิก! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 4 เดือน ปรับ 16,000 บาท พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 1 ในแกนนำเสื้อแดง จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. ช่วงพ้นตำแหน่ง ประจำสำนักเลขานายกฯยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2 ครั้ง ไม่มาฟังพิจารณาคดี โดนออกหมายจับ เสียงข้างมากให้รอลงโทษ 1 ปี
พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 1 ในกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ชี้มูลกรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน ล่าสุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาแล้ว
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก 4 เดือนและปรับเงิน 16,000 บาท พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้คัดค้าน จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง เสียงข้างมากให้รอการลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี
คำพิพากษาระบุว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานจากการไต่สวนแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2554 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2557 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง แต่ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย
ผู้คัดค้านไม่มาศาลในวันพิจารณาครั้งแรก ถือว่าผู้คัดค้านให้การปฏิเสธ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 59 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 33 วรรคสาม และศาลออกหมายจับผู้คัดค้านแล้ว แต่ไม่สามารถจับผู้คัดค้านได้ภายในสามเดือนนับแต่ออกหมายจับ ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้ โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าผู้คัดค้าน แต่ไม่ตัดสิทธิผู้คัดค้านที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง วรรคสอง ซึ่งศาลได้พิจารณาคดีโดยไต่สวนพยานผู้ร้องแล้ว
พิเคราะห์พยานหลักฐานจากการไต่สวนแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงเป็นผู้ดำรงตำ แหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตำแหน่ง วันพ้นจากตำแหน่งและวันที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้คัดค้านเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง ย่อมทราบว่าตนมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้คัดค้านกลับไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องแล้ว แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี มีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากนี้ การกระทำของผู้คัดค้านยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ต ามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า พันตำรวจตรี เสงี่ยม สำราญรัตน์ ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 7 พ.ค. 2557 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.228/2559-28 ส.ค.2561)
ทั้งนี้ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เป็น 1 ในสมาชิกแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือเสี้อแดง ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ก่อนหน้่านี้นักการเมืองกลุ่ม นปช.ที่ศาลฎีกาฯพิพากษาคดีจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ได้แก่ นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) จงใจไม่ยื่นบัญชี กรณีพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำคุก 1 เดือน และปรับเงิน 4,000 บาท โทษจำคุกรอลงโทษ 1 ปี โดยมีคำพิพากษาเมื่อ 16 ธ.ค.2559 (อ่านประกอบ : แพร่คำพิพากษาทางการ!คดี‘เจ๋ง ดอกจิก’ จงใจซุกบัญชีฯ คุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี, ตามรอย‘เจ๋ง’! ป.ป.ช.ฟันเงียบ‘จรัล ดิษฐาอภิชัย’จงใจไม่ยื่นบัญชีฯนั่งปรึกษาฯยุคปู) รายที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี คือ นางไพจิตร อักษรณรงค์ ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการ การเมืองประจำเลขาธิการนายกฯ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกัน ศาลฎีกาฯนัดพิจารณาวันที่ 21 พ.ย.นี้
ที่มา : คำพิพากษาศาลฎีกาฯ , สำนักข่าวอิศรา รวบรวม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯออกหมายจับ แต่ตามรวบไม่ได้! ฟัน ส.ท.เมืองหัวหิน จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท 4 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
บรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯคดี ปธ.อบจ.สมุทรสาคร ไม่แจ้งถือครองหุ้น 2 บริษัท
ศาลฟัน สท.จ.ปทุมฯ-ส.อบจ.นครนายก ยื่นเท็จ-นายก อบต.ชัยนาทซุกที่ดินชื่อ‘ลูกนอกสมรส’
ไม่มาตามนัด!ศาลฎีกาฯจำคุกจริงอีก 2 นักการเมืองท้องถิ่นคนละ 2-4 เดือน ซุกบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น 7 จว.ไม่ยื่นบัญชีฯ -1 รายยื่นเท็จอยู่นนทบุรี
ซื้อเงินสด-ใส่ชื่อเมียนอกสมรส-ปั้นสัญญากู้เท็จ! พฤติกรรมนายกเทศมนตรี ซุกทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯจำคุกจริง 2 เดือน นายกเทศมนตรี จ.ปทุมฯซุกทรัพย์สินในชื่อ‘เมียนอกสมรส’
ศาลฎีกาฯปรับ 4,000-12,000 บาท รอลงโทษจำคุก 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.เชียงใหม่ พังงา-10 นักการเมืองท้องถิ่น 8 จว.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลจำคุก 2 เดือน นายก อบต.ใน จ.นครปฐม ยื่นบัญชีฯเท็จ ซุกหนี้สินเมีย 1.1 ล.
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-รองนายก อบจ.สกลฯซุก 5 ครั้ง
ฟันอีก 5 ! ศาลฎีกาฯจำคุกจริง รองนายก อบต. จ.ปัตตานี ไม่ยื่นทรัพย์สิน นับโทษจากคดีเก่า
ชื่อหรา‘เสี่ยชูวิทย์’หุ้นใหญ่ ภัตตาคารซินกี่ โอนให้ลูกน้องปี 47 คดีจำคุก ซุก ป.ป.ช.
คำพิพากษาฉบับเต็ม!คดีจำคุก‘ชูวิทย์’ ที่แท้ซุกหุ้น‘ภัตตาคารซินกี่’ ใช้ลูกน้อง‘นอมินี’
ลอตใหญ่! ศาลฎีกาฯฟัน 17 นักการเมืองท้องถิ่น 14 จังหวัด จงใจไม่ยื่นทรัพย์สิน ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯฟันนักการเมือง จ.นครปฐม เจ้าของธุรกิจใหญ่ ยื่นเท็จ ซุกที่ดิน 36 แปลง
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น! 8 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ส.อบจ.สุราษฎร์ฯซุกหนี้ ที่ดิน เงินฝาก
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รองนายก อบต.-เทศบาล จ.ลพบุรี สกลนคร อุดรฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ