ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-รองนายก อบจ.สกลฯซุก 5 ครั้ง
ศาลฎีกาฯพิพากษา 2 นักการเมืองท้องถิ่น จงใจปกปิดบัญชีฯ ป.ป.ช. คุกคนละ 1-5 เดือน ปรับ 4,000-20,000 บาท รอการลงโทษ 1 ปี นายกเทศมนตรี จ.สุรินทร์ ไม่แจ้งสลากออมทรัพย์เมีย 2 แสน ‘สาธินี’ รองนายก อบจ.สกลนคร ซุกเงินฝาก หุ้น หนี้ 9 รายการ 5 ครั้งรวด
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เมื่อวันทิ่ 14 มิ.ย. และ 21 มิ.ย. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2 ราย มีความผิดในคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จที่ควรต้องแจ้งให้ทราบ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี จำคุกคนละ 1-5 เดือน ปรับเงินคนละ 4,000-20,000 บาท โทษคำจุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี รายะเอียดดังนี้
1.นายนิรันดร์ ศรีเมือง นายกเทศมนตรี ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ จงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลชุมพลบุรี อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ครั้งที่ 1
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ต.ชุมพลบุรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2551 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2554 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลชุมพลบุรี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2555 และดำรงตำแหน่ง อยู่จนถึงปัจจุบันตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 5มีนาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลชุมพลบุรี ครั้งที่ 1 โดยไม่แสดงรายการบัญชีสลากออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ของนางจุฬารัตน์ ศรีเมือง คู่สมรส จำนวน 200,000 บาท
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนดังกล่าวแล้ว และผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงต่อผู้ร้องว่า นางจุฬารัตน์ คู่สมรสได้ซื้อสลากออมทรัพย์ไว้เป็นเวลานานแล้ว เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าไม่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ไม่มีเจตนาปกปิดทรัพย์สินแต่นางจุฬารัตน์เปิดบัญชีสลากออมทรัพย์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2555 จำนวน 200,000 บาท วันที่ 29 พ.ค. 2556 ฝากเพิ่มอีก 120,000 บาท เป็นการเปิดบัญชีและฝากเพิ่มในจำนวนเงินที่สูง ต่อมาในวันที่ 21 ก.ค. 2558 นางจุฬารัตน์ถอนเงินจากบัญชี 200,000 บาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในวันที่ 20 พ.ค.2558 และได้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมอีกสี่ครั้งในวันที่ 22 พ.ค.2558 , วันที่ 26 มิ.ย.2558 , วันที่ 1 ก.ย.2558 และวันที่ 4 ธ.ค.2558 อันเป็นระยะเวลาทั้งก่อนและหลังการถอนเงินของนางจุฬารัตน์ คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
พิพากษาว่านายนิรันดร์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจาก ตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ต.ชุมพลบุรี ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2554 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลชุมพลบุรี ครั้งที่ 1 และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรี ต. ชุมพลบุรี ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน นับแต่วันที่ 5 มี.ค. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 95/2561-14 มิ.ย.2561)
2. น.ส.สาธินี ดาวศิริโรจน์ ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สกลนคร จงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. สกลนคร ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2551 และพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2555 ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนคร ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2555 และพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2557 ในวันเดียวกันได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ. สกลนคร และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 16 พ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่ง ให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ดังนี้
(1) กรณีพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ครั้งที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีฯต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2556 พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคาร จำนวน 8 รายการ รวมเป็นเงินจำนวน 6,833,476.64 บาท
(2) กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนคร ครั้งที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2558 พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยไม่แสดง รายการเงินฝากธนาคาร เงินลงทุน และเงินเบิกเกินบัญชี จำนวน 10 รายการ เป็นทรัพย์สินรวม 1,545,981.05 บาท และหนี้สินจำนวน 5,000,000 บาท
(3) กรณีพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนคร ครั้งที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีฯ ต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2557 พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคาร เงินลงทุน และเงินเบิกเกินบัญชี จำนวน 9 รายการ เป็นทรัพย์สินรวม 1,110,368.63 บาท และหนี้สิน จำนวน 1,255,348,17 บาท
(4) กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. กลนคร ครั้งที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีฯ ต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2558 พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยไม่แสดงรายการ เงินฝากธนาคาร และเงินลงทุน จำนวน 8 รายการ เป็นทรัพย์สินรวม 1,119,992.46 บาท
(5 ) กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ. สกลนคร ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชี ฯ ต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2557 พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดโดยไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคาร เงินลงทุน และเงินเบิกเกินบัญชี จำนวน 9 รายการ เป็นทรัพย์สินรวม 1,110,368.63 บาท และหนี้สินจำนวน 1,255,348.17 บาท
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงต่อผู้ร้องว่า ไม่แสดงรายการเงินฝากเนื่องจากธนาคารปิดทำการ บางบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหวทางการเงินได้ปิดบัญชีไปแล้ว เข้าใจผิดหลงว่าเป็นบัญชีที่จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารเท่านั้น ไม่แสดงเงินลงทุนเนื่องจากเข้าใจผิดว่า เป็นเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดที่บริหารงานโดยเครือญาติ และไม่แสดงเงินเบิกเกินบัญชีเนื่องจากเข้าใจผิด ว่าเป็นบัญชีสินเชื่อเพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจ
ศาลฎีกาฯวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีฯ ต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจาก ตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนคร ครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนคร ครั้งที่ 2 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ. สกลนคร พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดโดยไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคาร เงินลงทุน และเงินเบิกเกินบัญชี หลายรายการ เมื่อผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผล ของการไมยื่นบัญชีฯต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงต่อผู้ร้องว่า ไม่แสดงรายการเงินฝากเนื่องจากธนาคารปิดทำการ บางบัญชี ไม่มีความเคลื่อนไหวทางการเงินได้ปิดบัญชีไปแล้ว เข้าใจผิดหลงว่าเป็นบัญชีที่จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารเท่านั้น ไม่แสดงเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดไอริสคลีนิคเวชกรรม เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นเงินลงทุนที่บริหารงาน โดยเครือญาติ และไม่แสดงเงินเบิกเกินบัญชีเนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นบัญชีสินเชื่อเพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจ แต่ได้ความจากการตรวจสอบของผู้ร้องว่า มีการปิดบัญชีเงินฝากบางบัญชีภายหลังวันที่ผู้ถูกกล่าวหา มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน สำหรับเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดไอริสคลีนิคเวชกรรมก็ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นผู้รับรองงบการเงินของห้างฯ ในปีที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน ส่วนเงินเบิกเกินบัญชีก็มีการทำธุรกรรมการเงินเป็นประจำทุกเดือน
คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา จึงไม่น่าเชื่อถือและง่ายแก่การกล่าวอ้าง ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐ
จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯ ต่อผู้ร้องด้วยข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนครครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา นายก อบจ. สกลนครครั้งที่ 2 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ. สกลนคร มีผลห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง เมื่อผู้ถูกกล่าวหายังคงดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ. สกลนครซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้แล้ว ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง นอกจากนี้ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา ยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า น.ส.สาธินี ดาวศิริโรจน์ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา นายก อบจ. สกลนครครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.สกลนครครั้งที่ 2 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ. สกลนคร ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบจ.สกลนครที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 16 พ.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่ง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 10 เดือน และปรับ 40,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 เดือน และปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอ การลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 103 /2561-21 มิ.ย.)
อ่านประกอบ:
ฟันอีก 5 ! ศาลฎีกาฯจำคุกจริง รองนายก อบต. จ.ปัตตานี ไม่ยื่นทรัพย์สิน นับโทษจากคดีเก่า
ชื่อหรา‘เสี่ยชูวิทย์’หุ้นใหญ่ ภัตตาคารซินกี่ โอนให้ลูกน้องปี 47 คดีจำคุก ซุก ป.ป.ช.
คำพิพากษาฉบับเต็ม!คดีจำคุก‘ชูวิทย์’ ที่แท้ซุกหุ้น‘ภัตตาคารซินกี่’ ใช้ลูกน้อง‘นอมินี’
ลอตใหญ่! ศาลฎีกาฯฟัน 17 นักการเมืองท้องถิ่น 14 จังหวัด จงใจไม่ยื่นทรัพย์สิน ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯฟันนักการเมือง จ.นครปฐม เจ้าของธุรกิจใหญ่ ยื่นเท็จ ซุกที่ดิน 36 แปลง
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น! 8 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ส.อบจ.สุราษฎร์ฯซุกหนี้ ที่ดิน เงินฝาก
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รองนายก อบต.-เทศบาล จ.ลพบุรี สกลนคร อุดรฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กกิจกรรม อบจ.สกลนคร